วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

คนสายตาสั้นควรสนใจวิตามินใดบ้าง

อย่าคิดว่าเมื่อสายตาสั้นแล้วก็ต้องสั้นมากขึ้นเรื่อยๆ เสมอไป

เนื่องจากเซลล์ประสาทตานั้นจะไม่เสื่อมลงไปถ้าได้รับการบำรุงที่ดี โดยมากเราจะเคยได้รู้เพียงว่าคนที่รับประทานวิตามินเอเป็นประจำสม่ำเสมอจะ มีดวงตาสวย สายตาดี เพราะวิตามินเอเกี่ยวข้องกับสายตาโดยตรงอยู่แล้ว

แต่ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ค้นคว้าพบว่าวิตามินบี1 และวิตามินอีมีคุณสมบัติช่วยบำรุงเรื่องตาของคนเราได้เป็นอย่างดี

การขาดวิตามินอีทำให้จอรับภาพของตาเสื่อม

การขาดวิตามินบี 1 ประสาทที่ทำหน้าที่นำภาพไปสู่สมองก็จะเกิดผิดปกติ มีผลทำให้ประสามเสื่อม

อาหารที่เป็นแหล่งวิตามินอีและ บี1 ที่ดี ได้แก่ ตับ นม ถั่วลิสง ถั่วต่างๆ ไข่แดง ข้าวซ้อมมือ เต้าหู้ เนื้อหมู งา กระเทียม และสาหร่าย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : thai-healthcare.com

ภาพประกอบจาก : www.photos.com

ล้างหน้าอย่างไรให้ถูกวิธี



ขั้นตอนที่ 1

อย่าถูผิวแรง ๆ เป็นอันขาด เพราะจะทำให้เกิดริ้วรอยย่นก่อนวัยนะคะ ควรสัมผัสผิวหน้าเบา ๆ วิธีการล้างหน้าที่ถูกต้อง คือ บีบครีม หรือโลชั่นล้างหน้าลงที่ฝ่ามือ แลัวใช้นิ้วนวดครีมให้ทั่วหน้า ลักษณะเป็น วงกลม และลูบขึ้นจากคางถึงตีนผม บริเวณหน้าผาก อย่าลูบลงเป็นอันขาดนะค่ะ

เมื่อทาทั่วแล้วทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที ค่อยเช็คออกด้วยสำลี หรือล้างออกด้วยน้ำสะอาดค่ะ และสำหรับการล้างเครื่องสำอางบริเวณรอบดวงตา ให้ใช้สำลีชุบโลชั่นสำหรับล้างเครื่องสำอางที่ตาโดยเฉพาะ วางแปะไว้สักครู่แล้วจึงลูบออกเบา ๆ จากสันจมูก ไปหาขมับ

ขั้นตอนที่ 2

สมานผิว หรือที่เรียกว่า โทนเนอร์ ซึ่งทำหน้าที่ช่วยชำระคราบเครื่องสำอางที่ค้างอยู่บนใบหน้า และปรับสภาพผิวหน้าให้สมดุลย์ตามปกติ การใช้โทนเนอร์ที่ถูกต้องคือ เทน้ำยาลงบนสำลีให้ชื้น พอประมาณ และตบเบา ๆ จากคอไปหาไรผม บริเวณหน้า ผาก ส่วนบริเวณสองแก้ม ให้ตบเบา ๆ ในแนวนอนไปหาสันจมูก

สิ่งสำคัญควรใช้โทนเนอร์เป็นประจำ หลังใช้ ครีมหรือโลชั่นล้างหน้าและใช้ทุกครั้งค่ะ หรือเมื่อมีการมาส์คและขัดหน้า

ขั้นตอนที่ 3

เป็นหน้าที่ของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อคืนความชุ่มชื้น และเก็บกักน้ำในผิวให้คงอยู่นานที่สุดค่ะ และยังช่วยป้องกันฝุ่นละออง ไม่ให้เข้าถึงผิวโดยง่ายอีกด้วย มอยส์เจอร์ที่ดี ควรมีลักษณะโปร่งบาง เพื่อให้ผิว ได้รับออกซิเจน การทามอยส์เจอร์ให้ลูบขึ้นจากคางไปจดหน้าผาก ควรทาบาง ๆ โดยเฉพาะบริเวณใต้ตานะคะ

ข้อแนะนำ ควรใช้ครีมขัดหน้า ทำความสะอาด และมาส์คหน้า อาทิตย์ละ 1 ครั้ง นะค่ะ เพื่อช่วยขจัดเซลส์ ที่ตายแล้ว ให้ผลัดตัวหลุดลอกออกง่ายขึ้น

- มาส์คที่มีลักษณะเป็นโคลน หรือที่ทาแล้วแห้งติดผิวนั้น เหมาะกับผิวมันค่ะ
- มาส์คที่มีลักษณะเป็นครีม เหมาะกับคนผิวแห้ง
- ครีมขัดหน้า ควรเลือก ที่ผสมเม็ด ขัดที่ เล็ก ๆ ทำจากสารธรรมชาติ เช่น ข้าวโอ๊ต หลังจากขัดแล้วควรล้างออกด้วยน้ำอุ่น และเช็คให้แห้งนะคะ จากนั้น ตามด้วยการทาโทนเนอร์ และมอยส์เจอร์

ได้เห็นตัวเป็นๆ แล้ว LG LEX8 Nano LED TV

วันนี้มีโอกาสได้เห็นเครื่องที่ว่ากันว่าบางที่สุดในตอนนี้แล้ว ที่จริงๆ อาจจะดูแปลกๆ หน่อยถ้าจะบอกว่า ตัวฐานมันใหญ่เพราะว่าอุปกรณ์อะไรต่างๆ มันไปกองอยู่ตรงนั้น แต่เครื่อง LG LEX8 ที่มีความหนาแค่ 8 มิลลิเมตร ก็น่าประทับใจมากๆ ทั้งตัวขนาดและภาพที่ได้ เพราะเป็น Nano LED เริ่มๆ มีคนจะเอาไปเทียบความบางแข่งกัน iPhone ล่ะ ต่อไปคงต้องบางเท่าใบมีดกันแล้วมั้ง

ที่มา : Engadget

ขอบคุณเนื้อหา และภาพประกอบ จาก : lcdspec

มหัศจรรย์น้ำผึ้ง

กว่า 8,000 ปีมาแล้วที่มนุษย์รู้จักและนำน้ำผึ้งมาใช้เป็นสารให้ความหวาน น้ำผึ้งมีสรรพคุณทางยา และมีประโยชน์ต่อสุขภาพจึงทำให้มีการนำน้ำผึ้งมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบที่หลาก หลาย บางคนนิยมรับประทานน้ำผึ้งเพียงอย่างเดียว หรืออาจจะนำน้ำผึ้งมาผสมกับน้ำนมหรือผลไม้ นอกจากนี้น้ำผึ้งมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ จึงมักนำมาให้เด็กที่มีอาการท้องผูกรับประทาน รวมทั้งยังมีสรรพคุณในการป้องกันหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ จุลินทรีย์ชนิดต่างๆ ด้วย

น้ำผึ้งเกิดขึ้นได้อย่างไร.... น้ำผึ้งเป็นน้ำหวานที่ได้จากดอกไม้ซึ่งประกอบด้วยน้ำตาลซูโครส กลูโคส และฟรักโทสเป็นส่วนประกอบหลัก โดยผึ้งงานจะเก็บสะสมน้ำหวานจากดอกไม้ไว้ในรังผึ้ง และผึ้งจะสร้างและปล่อยเอนไซม์ที่ชื่อว่า "invertase" ลงไปในน้ำหวานที่เก็บมาจากดอกไม้ ซึ่งจะทำให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนโครงสร้างทางกายภาพและโครงสร้างทางเคมีของ น้ำหวานจากดอกไม้

เอนไซม์ invertase จะเปลี่ยนน้ำตาลซูโครสซึ่งเป็นไดแซ็กคาไรด์ ให้เป็นน้ำตาลกลูโคสและน้ำตาลฟรักโทสซึ่งเป็นมอนอแซ็กคาไรด์ และส่วนหนึ่งของกลูโคสที่มีอยู่ในน้ำหวานจากดอกไม้ก็จะเกิดปฏิกิริยาเคมีกับ เอนไซม์ glucose oxidase ที่สร้างจากผึ้ง โดย glucose oxidase จะเปลี่ยนกลูโคสไปเป็นกรดกลูโคนิค (gluconic acid) และ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (hydrogen peroxide)

กรดกลูโคนิคจะทำให้น้ำผึ้ง มีความเป็นกรดเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นสภาวะที่ ไม่เหมาะต่อการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์หลายชนิด ในขณะเดียวกันไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ก็มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ จุลินทรีย์บางชนิดได้เช่นกัน ส่วนความหนืดของน้ำผึ้งนั้นเกิดจากการที่น้ำที่อยู่ในน้ำหวานจากดอกไม้ ระเหยออกจากช่องเก็บน้ำผึ้งในรังผึ้ง ด้วยการกระพือปีกของผึ้งภายในรังซึ่งช่วยทำให้น้ำระเหยออกจากน้ำหวานได้เร็ว ขึ้น จึงทำให้น้ำผึ้งมีความเข้มข้นมาก ซึ่งสภาวะดังกล่าวจะไม่เหมาะกับการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ชนิดต่างๆ จะเห็นได้ว่าผึ้งมีวิธีการที่ทำให้น้ำหวานที่เก็บจากดอกไม้เปลี่ยนสภาพทั้ง โครงสร้างทางกายภาพและโครงสร้างทางเคมีได้อย่างน่ามหัศจรรย์

การที่ น้ำผึ้งเป็นแหล่งอาหารที่ให้พลังงานสูง เพราะในน้ำผึ้งประกอบด้วยน้ำตาลมอนอแซ็กคาไรด์ ที่ร่างกายของเราสามารถดูดซึมน้ำตาลมอนอแซ็กคาไรด์ไปใช้ได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยอาหาร ทำให้เวลาที่เรารับประทานน้ำผึ้งจะรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าอย่างรวด เร็ว แต่ในเด็กการดูดซึมน้ำตาลฟรักโทสในน้ำผึ้งไปใช้จะทำได้ไม่ดีเหมือนในผู้ใหญ่ ดังนั้นถ้าเด็กดื่มน้ำผึ้งมากเกินกว่าที่ร่างกายเด็กจะสามารถดูดซึมได้ น้ำตาลฟรักโทสในน้ำผึ้งที่เหลือค้างในลำไส้จะทำให้เกิดการสะสมของน้ำในลำไส้ และถูกขับออกจากร่างกายในที่สุด นี่คือเหตุผลที่ทำไมจึงกล่าวว่า น้ำผึ้งมีการออกฤทธิ์คล้ายยาระบายอ่อนๆ

นอกจากนี้ในน้ำผึ้งยังประกอบไป ด้วยวิตามินบี วิตามินซี แคลเซียม และแร่ธาตุต่างๆ ที่ช่วยบำรุงสุขภาพและมีสารที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ในร่างกายอีกด้วย

สารต่อต้านอนุมูลอิสระคืออะไร สารต่อต้านอนุมูลอิสระคือสารที่ช่วยยับยั้งและป้องกันการเกิดปฏิกิริยาเคมี ต่างๆ ภายในเซลล์ของร่างกาย ซึ่งปฏิริยาเคมีเหล่านี้จะเกิดขึ้นจากการกระตุ้นของออกซิเจนหรือไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์และทำให้เกิดไอออนหรืออนุมูลอิสระซึ่งจะส่งผลทำให้เกิดความเสีย หายต่างๆ ภายในเซลล์ของร่างกาย เช่น ทำให้ร่างกายเสื่อมสภาพ หรือแก่ชราลง ตัวอย่างสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่คุ้นเคยและใกล้ตัว คือสารในกลุ่มวิตามินต่างๆ เช่น วิตามินซี และวิตามินอี เป็นต้น

นัก วิทยาศาสตร์ได้ศึกษาและค้นพบกลุ่มสารเคมีที่พบในพืชหลายชนิดปรากฏอยู่ในน้ำ ผึ้ง เรียกสารกลุ่มนี้ว่า phytochemicals ซึ่งมีความหมายรวมถึงสารต่อต้านอนุมูลอิสระอีกหลายชนิดที่พบในน้ำผึ้งด้วย และน้ำผึ้งแต่ละชนิดก็จะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ ว่าน้ำผึ้งชนิดนั้นได้มาจากดอกไม้ชนิดใด ซึ่งสาร phytochemicals จะส่งผลในเชิงบวกต่อระบบย่อยอาหารและการเผาผลาญอาหารในร่างกายของมนุษย์

นอก จากนี้ในไขผึ้งและน้ำผึ้งยังพบสารที่ออกฤทธิ์ยับยั้งและป้องกันการเกิด มะเร็งในลำไส้ใหญ่และการเกิดเนื้องอก รวมทั้งสรรพคุณของน้ำผึ้งที่มีสารเคมีที่ช่วยในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และราบางชนิด โดยสารเคมีเหล่านี้จะเป็นสารผสมของเรซินและสารอื่นๆ อีกหลายชนิดที่ประกอบอยู่ในไขผึ้งและน้ำผึ้ง ทั้งหมดที่กล่าวมาถือว่าเป็นสรรพคุณที่ดีของน้ำผึ้ง

สำหรับน้ำผึ้งที่ ผ่านกระบวนการแปรรูปจะพบสารกลุ่ม phytochemicals น้อยกว่าในน้ำผึ้งที่ได้มาจากธรรมชาติที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการแปรรูปใดๆ แต่อย่างไรก็ตามมีรายงานการปนเปื้อนของน้ำผึ้งจากสารพิษที่แบคทีเรียสร้าง ขึ้น เช่น สารพิษโบทูลินั่ม จากสารเคมีที่ใช้ในการเกษตร ไม่ว่าจะเป็น ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง ยากำจัดวัชพืช โดยมีการปนเปื้อนในระดับความเข้มข้นที่แตกต่างกันไป ดังนั้น การเลือกน้ำผึ้งจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและปลอดภัยจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้อง คำนึงถึงด้วยเช่นกัน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.scimath.org

ภาพประกอบจาก : www.photos.com

ขั้นตอนการทำฝนหลวง

การทำฝนหลวงทำให้เกษตรกรมีน้ำเพียงพอในการทำการเกษตร และเป็นหนึ่งในโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุ ยเดชฯ ที่แสดงถึงพระอัจฉริยภาพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของพระองค์ ทราบไหมว่าขั้นตอนในการทำฝนหลวงนั้นมี ขั้นตอนการปฏิบัติอย่างไรบ้าง

คุณทวี กาญจณา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงที่ 5 อธิบายว่า การทำฝนหลวงนั้นดูเหมือนจะง่าย และเกษตรกรก็มีความมุ่งหวังว่าพอมาขอฝนหลวงแล้วก็จะต้องมีฝนตก แต่ในการทำฝนหลวงนั้นกว่าจะทำให้ฝนตกลงมาได้เจ้าหน้าที่ต้องทำงานกันอย่าง หนัก เจ้าหน้าที่จะต้องแบ่งงานและเตรียมงานตั้งแต่เช้าโดยจะเริ่มงานเวลาประมาณ 6.30 น. เจ้าหน้าที่จะต้องเตรียมข้อมูลเพื่อจะปล่อยอุปกรณ์ติดกับบอลลูนไปในอากาศ เมื่อถึงเวลาประมาณ 7.30 น. เจ้าหน้าที่จะทำการเก็บข้อมูล หลังจากที่ได้ข้อมูลของสถาพอากาศแล้ว จากนั้นเวลาประมาณ 9.00 น. เจ้าหน้าที่ทุกคนจะมารวมกันที่สำนักงาน ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ นักบิน ช่างเครื่องบิน หัวหน้าทีมในการเตรียมสารหรือโปรยสาร เพื่อวิเคราะห์สภาพอากาศว่า วันนี้อากาศเหมาะสมในการที่จะขึ้นไปทำฝนหลวงหรือไม่ เครื่องบิน ยานพาหนะและสารทำฝนหลวงอยู่ในสภาพพร้อมหรือไม่

หลังจากนั้นก็จะปฏิบัตการทำฝนหลวงตามขั้นตอน สำหรับขั้นตอนการทำฝนนั้นมีอยู่ 3 ขั้นตอนกับอีก 3 เทคนิค ขั้นตอนที่ 1 จะเป็นการก่อเมฆ ขั้นตอนที่ 2 เลี้ยงเมฆให้อ้วน และขั้นตอนที่ 3 ตีเมฆให้ตกเป็นฝนและอีก 3 เทคนิคพระราชทานก็คือ เทคนิคที่ 1 การเพิ่มผลผลิตด้วยการใช้น้ำแข็งแห้ง เทคนิคที่ 2 แซนด์วิช และ เทคนิคที่ 3 เทคนิคซุปเปอร์แซนด์วิช การทำฝนหลวงเป็นการดัดแปลงสภาพอากาศที่ต้องอาศัยธรรมชาติเป็นหลัก สำหรับระยะเวลาการตกของฝนหลวง หลังจากที่ได้ลงมือปฏิบัติการแล้วก็ขึ้นอยู่กับสภาพความชื้นหรือสภาพเมฆของ แต่ละวัน วันไหนความชื้นเหมาะสม ก้อนเมฆมีขนาดใหญ่ และเม็ดน้ำมีขนาดใหญ๋ฝนก็ตกภายใน 1 ชั่วโมง

สาเหตุที่ทำฝนหลวงแล้วฝนไม่ตกก็มีหลายสาเหตุ เช่น ความชื้นสัมพัทธ์มีน้อยเกินไป สภาพอากาศไม่ค่อยเหมาะสม เป็นต้น เมื่อทำฝนหลวงสำเร็จ คนที่ทำก็ดีใจ เพราะทำให้พื่นที่เกษตรกรรมของเกษตรกรรอดพ้นจากความเสียหายได้

TIPS เมื่อ วันที่ 12 ตุลาคม 2548 สำนักสิทธิบัตรยุโรปได้ออก สิทธิบัตร เลขที่ 1491088 ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายใต้ชื่อ 'Weather Modification by Royal Rainma Technology' หรือ 'สิทธิบัตรฝนหลวง'

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: วิทยาศาสตร์รอบตัว(จาก สสวท.)

มาสด้าเผยภาพสเก็ต BT-50 โฉม2012 คาดออกขายปลายปีหน้า

บริษัทมาสด้า มอเตอร์ คอร์เปอร์เรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เจ้าของค่ายรถมาสด้า ที่มีแนวทางในการดีไซน์ตามแนวคิดแบบ Zoom- Zoom ได้เผยภาพสเก็ตการออกแบบรถกระบะต้นแบบคันใหม่ ที่น่าเชื่อว่า มันน่าจะเป้นรถกระบะขนาดกลางในรุ่น Mazda BT-50 โฉมใหม่ ที่กำลังอยู่ในระหว่างการออกแบบพัฒนา

ภาพดังกล่าวได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของ ทางบริษัทที่ใส่ดีกรีความสปอร์ตลงไปในสายพันธุ์รถกระบะมากยิ่งขึ้น โดยในภาพการออกแบบที่ปล่อยออกมายั่วน้ำลายคอคนรักรถกระบะนี้เป็นภาพของการ ออกแบบในรุ่น 4 ประตูที่เผยให้เห็นถึงใบหน้า ที่นำเอกลักษณ์หารออกแบบคล้ายคลึงกับรถมาสด้าในรุ่นปัจจุบันทั้งหลายมาใช้ จับใส่ลงไปในตัวบอดี้ของรถ

ดวงตาหรือโคมไฟหน้าของรถดูคล้ายๆกับของรุ่น CX-9 แต่มีความปราดเปรียวมากกว่า ส่วนกระจังหน้าดูขลับให้มีความสปอร์ตพสานเข้ากับความบึกบึนเล็กๆน้อยๆ ที่เหมือนการจับเอากระจังหน้าจากรถเก๋รุ่นใหญ่ในมาสด้า 6 มาใช้ ในขณะที่ด้านท้ายรถนั้น ในภาพสเกตดังกล่าวไม่ได้มีแสดง แต่เมื่อมองถึงในส่วนกระบะท้ายนั้น มันออกแนวคล้ายรูปทรงกระบะของจากรถกระบะค่ายหนึ่ง

ทั้งนี้นี่เป็นเพียงภาพสเก็ตในการออกแบบ เท่านั้น ซึ่งในรถต้นแบบคันจริงมันมีกำหนดการเปิดตัวที่งาน ออสเตรเลีย มอเตอร์โชว์ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 15-24 ตุลาคม ศกนี้ โดยในงานดังกล่าว ทางค่ายพันธมิตรอย่างฟอร์ด ก็จะมีการเปิดตัว Ranger ใหม่ด้วยเช่นกัน

ส่วน ในเรื่องสายการผลิตนั้นคาดว่ารถรุ่นนี้จะถูกประกอบขึ้นที่โรงงาน ออโต้อัลลายแอนซ์ จังหวัดระยอง ที่ประเทศไทย ซึ่งขณะนี้กำลังมีการขยายแผนงานการลงทุน มูลค่ากว่า 11000 ล้านบาท โดยการลงทุนดังกล่าว มีการเปิดเผยว่าเพื่อรองรับการผลิตกระบะคอมแพ็ครุ่นใหม่ในกลางปี 2554

Sanook Auto Comment

ภาพสเก็ตดังกล่าวถือว่า มาสด้ามีความตั้งใจจริงที่จะฉีกแนวรถกระบะรุ่นใหม่ให้แปลกกว่าเพื่อน หลัง 2 พันธมิตรฟอร์ดและมาสด้า แม้จะจับมือกันแต่ก็กลายเป็หอกข้างแคร่ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์และยอดขาย

สำหรับ BT-50 ใหม่นี้ มีกำหนดการณ์ออกถ้าดูจากการวางตลาดแล้ว น่าจะเป็นปลายปีหน้า ไม่น่าเกินงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ท้ายปี ถ้าหากใครชอบก็รอดูคันจริง ที่เราคงจะติดตามมานำเสนอในเร็วๆนี้ อย่างแน่นอน

อาหารที่ทานแล้วอารมณ์ดี

วันนี้ เรามีความรู้เคล็ดลับสุขภาพ เรื่องอาหารที่ทานแล้วอารมณ์ดีมาฝากกันค่ะ เพื่อนๆ จะได้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บแถมยังเป็นอาหารที่เราคาดไม่ถึงอีกด้วย

ปลาแซลมอนและปลาแมคเคอเรล อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่มีการวิจัยยืนยันว่า หากขาดกรดไขมันชนิดนี้จะไปสู่อาการซึมเศร้าได้

น้ำมันคาโนลา (Canola Oil) คนที่มีอาการซึมเศร้า มักจะมีระดับวิตามินอีต่ำ ซึ่งน้ำมันคาโนลาสามารถทดแทนได้เพราะมีวิตามินอีสูงมาก อาจใช้น้ำมันคาโนลาปรุงอาหารแทนน้ำมันพืชก็ได้ แต่ไม่ควรทานเกินวันละ 2 ช้อนโต๊ะ เพราะจะทำให้อ้วนได้

ผักโขม ผักใบเขียวอย่างผักโขมมีโฟเลตสูง ซึ่งโฟเลตมีส่วนสำคัญในกระบวนการสร้างเซโรโทนิน ลองหันมากินสลัดผักโขมแทนสลัดผักกาดหอมทั่วไป เวลาอารมณ์ไม่ดีก็ช่วยได้

ถั่วชิกพีหรือถั่วหัวช้าง (Chick Pea) มีโฟเลตและวิตามินอีสูง นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์ ธาตุเหล็ก โปรตีนสูง แต่ไขมันต่ำ เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่ทานเนื้อสัตว์

ไก่และไก่งวง มีวิตามินบี 6 สูง ซึ่งเป็นสารอาหารอีกชนิดที่มีส่วนสำคัญในการผลิตเซโรโทนิน นอกจากนี้ไก่และไก่งวงยังอุดมด้วยเซเลเนียม วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญ





ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากDevil

เรียงลำดับความสำคัญของชีวิตดี หรือยัง




อาจารย์สอนปรัชญาเข้าห้องเรียนมาพร้อมด้วยของสองสามอย่าง

เมื่อได้เวลาเรียน เขาก็หยิบเหยือกแก้วขนาดใหญ่ขึ้นมา แล้วใส่ลูกเทนนิสลงไปจนเต็ม
จากนั้นก็ถามบรรดานักศึกษาว่าเหยือกเต็มหรือยังนักศึกษาต่างก็ยอมรับว่าเต็มแล้ว

แต่แล้วอาจารย์ก็หยิบกระป๋องใส่กรวดออกมาแล้วเทกรวดลงไปในเหยือก เขย่าเหยือกเบาๆ
กรวดก็เลื่อนไหลลงไปอยู่ระหว่างลูกเทนนิส เขาถามนักศึกษาว่าเหยือกเต็มหรือยัง นักศึกษาก็ยอมรับว่าเต็มแล้ว

อาจารย์ คนเดิมควักเอากล่องทรายขึ้นมาเทใส่ลงไปในเหยือก และทรายก็ไหลลงไปแทนที่ตามช่องว่างได้อย่างง่ายดาย เขาถามนักศึกษาอีกครั้งว่าเหยือกเต็มหรือยัง นักศึกษาตอบอย่างหนักแน่นว่าคราวนี้เต็มแน่แล้ว

ถึงตอนนี้อาจารย์หยิบเบียร์สองกระป๋องออกมาจากใต้โต๊ะ แล้วเทใส่เหยือกโดยไม่รีรอ เบียร์ก็ซึมผ่านทรายลงไปจนหมด ทั้งชั้นเรียนหัวเราะกันครืนใหญ่

เอาล่ะ อาจารย์กล่าวขึ้นเมื่อเสียงหัวเราะซาลง ผมอยากให้พวกคุณจำไว้ว่าเหยือกนี้ก็เหมือนชีวิตคนเรา

ลูกเทนนิสก็คือสิ่งที่สำคัญในชีวิต เช่น ครอบครัว คู่ชีวิต สุขภาพ ลูก เพื่อนฝูง และสิ่งที่คุณสนใจจริงๆ
สิ่งที่ถ้าคุณต้องสูญเสีย ทุกอย่างไป และเหลือแต่เพียงสิ่งเหล่านี้ ชีวิตคุณก็ยังเต็มเปี่ยมอยู่

เม็ดกรวดก็เหมือนสิ่งที่สำคัญรองลงมา เช่นงาน บ้าน รถยนต์

ทรายก็คือเรื่องอื่นๆที่เหลือ เรื่องเล็กๆน้อยๆที่เราต้องทำและมักจะหมกมุ่น ถ้าคุณใส่ทรายลงไปก่อน
คุณก็จะไม่มีที่เหลือให้ใส่กรวดและไม่มีที่ใส่ลูกเทนนิสแน่ ชีวิตคุณก็เหมือนกัน ถ้าคุณใช้เวลาและกำลังให้

หมดไปกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ คุณก็จะไม่มีที่ให้เรื่องที่สำคัญสำหรับคุณ คุณต้องมุ่งความสนใจไปที่เรื่องที่ทำให้คุณมีความสุข เล่นกับลูกๆ หาเวลาไปตรวจร่างกาย พาคู่ชีวิตไปเต้นรำ เล่นเทนนิสสักสองสามเซ็ท
คุณ ยังมีเวลาอกมากที่จะเอาผ้าไปซัก ทำความสะอาดบ้าน จัดงานเลี้ยง ซ่อมแซมอะไรต่อมิอะไร ดูแลลูกเทนนิสก่อน ดูแลเรื่องที่สำคัญจริงๆ เรียงลำดับความสำคัญให้ดี เรื่องอื่นๆมันก็แค่เม็ดทราย

นักศึกษาคนหนึ่งยกมือขึ้นถามว่า แล้วเบียร์หมายถึงอะไร อาจารย์ยิ้มน้อยๆ ผมดีใจที่คุณถาม ผมแค่อยากให้คุณเห็นว่า

"ไม่ว่าชีวิตคุณจะเต็มแค่ไหน คุณก็ยังมีที่ว่างพอสำหรับเบียร์เสมอ"


ที่มา
ฟอร์เวริ์ดเมลล์

10 อาหารที่แพทย์จีนเตือน



ท่าน อาจารย์นายแพทย์ภาสกิจ(วิทวัส) วัณนาวิบูล อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแพทย์แผนจีน แนะนำเคล็ดลับการดูแลสุขภาพตามศาสตร์แพทย์แผนจีนว่า อาหาร 10 อย่างที่ไม่ควรกินมากเกิน

1. ไข่เยี่ยวม้า : ไข่ เยี่ยวม้ามี ตะกั่วค่อนข้างสูง ตะกั่วทำให้การดูดซึมแคลเซียมน้อยลง กินบ่อยๆ จะเสี่ยงโรคกระดูกโปร่งบาง และอาจได้รับพิษตะกั่ว เช่น สมองเสื่อม เป็นหมัน ฯลฯ

2. ปาท่องโก๋ : กระบวนการทำปาท่องโก๋มีการใช้สารส้ม ซึ่งมีตะกั่วปนเปื้อน ตะกั่วทำให้ไตทำงานหนักในการขับสารนี้ออกไป นอกจากนั้นยังทำให้คอแห้ง เจ็บคอง่าย โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคร้อนในได้ง่าย

3. เนื้อย่าง : กระบวนการรมไฟ ย่างไฟทำให้เกิดสารเบนโซไพรีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง

4. ผักดอง : ผัก ดอง และของหมักเกลือทำให้ร่างกายได้รับเกลือโซเดียมสูง ถ้ากินบ่อยเกิน หรือมากเกินจะทำให้หัวใจทำงานหนัก เกิดความดันเลือดสูง และโรคหัวใจได้ง่าย นอกจากนั้นกระบวนการหมักดองยังทำให้เกิดสารแอมโมเนียมไนไตรด์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง

5. ตับหมู : ตับหมูมีโคเลสเตอรอลสูง การกินตับหมูบ่อยเกิน หรือมากเกินทำให้เสี่ยงต่อโรคหัวใจ เส้นเลือดสมอง(อัมพฤกษ์-อัมพาต) และโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น

6. ผักขม ปวยเล้ง : ผักขมและปวยเล้งมีสารอาหารสูง ทว่า... มีกรดออกซาเลตมาก ทำให้เกิดการขับสังกะสี และแคลเซียมออกจากร่างกายมาก การกินบ่อยเกิน หรือมากเกินอาจทำให้เกิดภาวะขาดแคลเซียม หรือสังกะสีได้

7. บะหมี่สำเร็จรูป : บะหมี่สำเร็จรูปมีสารกัดบูด สารแต่งรสค่อนข้างสูง และมีคุณค่าทางอาหารต่ำ การกินบะหมี่สำเร็จรูปมากเกิน หรือบ่อยเกินอาจทำให้เสี่ยงต่อโรคขาดอาหาร และการสะสมสารพิษได้

8. เมล็ดทานตะวัน : เมล็ด ทานตะวันมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ทว่า... การกินมากเกิน หรือบ่อยเกินอาจทำให้กระบวนการเคมี (metabolism) ในร่างกายผิดปกติ ทำให้เกิดการสะสมไขมันในตับ ภาวะไขมันในตับสูงอาจทำให้เสี่ยงต่อโรคตับ เช่น ตับแข็ง ฯลฯ เพิ่มขึ้น

9. เต้าหู้หมัก เต้าหู้ยี้ : กระบวนการหมักเต้าหู้อาจมีการปนเปื้อนเชื้อโรคได้ง่าย... ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อคนสูงอายุ หรือเด็กเล็กได้ นอกจากนี้กระบวนการผลิตยังทำให้เกิดไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย

10. ผงชูรส : คนเราไม่ควรกินผงชูรสเกินวันละ 6 กรัม หรือประมาณ 1 ช้อนชา... การกินผงชูรสมากเกิน หรือบ่อยเกินทำให้เกิดภาวะกรดกลูตามิกในเลือดสูง อาจทำให้ปวดหัว ใจสั่น คลื่นไส้ และมีผลเสียต่ออวัยวะสืบพันธุ์

+++ Hamster +++

+++ Playlist +++


MusicPlaylistRingtones
Create a playlist at MixPod.com

+++ coming soon +++