วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

8 เคล็ดลับเปลี่ยนเช้าวันจันทร์...เป็นวันสดชื่น





โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์เงินเดือนที่มีอาการอีเดียดวันจันทร์ พอจะถึงวันจันทร์ทีไร พาลจะครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดหัวตัวร้อน เพราะนั่นหมายความว่าวันหยุดสุดสัปดาห์อันแสนหอมหวานกำลังจะหมดไป แล้ววันที่การทำงานดำเนินไปอย่างแสนสาหัสมากที่สุดในรอบสัปดาห์กำลังจะเริ่ม ขึ้นนั่นเอง

ขอต้อนรับคุณกลับสู่โลกแห่งความจริงด้วยเคล็ด ลับรีเฟรชพลังงาน 8 ประการให้กลับมาฟิตปั๋ง ดึ๋งดั๋ง พร้อมสู้กับภยันตรายที่แฝงมาในรูปแบบความเบื่อหน่ายนานา เริ่มจาก....


1.ร่ายลิสต์ งานจิปาถะ จุกจิกจุ๊กจิ๊ก ร้อยแปดพันอย่างที่จะต้องทำในสัปดาห์นี้ซะตั้งแต่เย็น วันอาทิตย์
เขียนลงสมุดออร์กาไนเซอร์หรือจดลงปาล์ม เรียงลำดับความยาก-ง่าย หรืองานเร่งด่วน-งานที่ไม่มีเดดไลน์ เพื่อความสะดวกสบายในการเริ่มต้นงานที่ได้รับมอบหมายในสัปดาห์นี้ อาทิ เขียนหมายการประชุมให้เรียบร้อย, จัดการอีเมลในเมล บ๊อกซ์ซะที่ต้องเขียนตอบกลับก็จัดการให้สิ้นซาก การจัดการกับสิ่งเบ็ดเตล็ดเล็กน้อยเหล่านี้ในอารมณ์สบาย ๆ ไม่ต้องรีบเร่ง จะช่วยให้คุณผ่อนคลาย ขึ้นและสามารถควบคุมทุกอย่างไม่ให้ยุ่งเหยิงได้ตลอดสัปดาห์


2.มีเหมือนกันประเภทที่เกลียด วันอาทิตย์พอ ๆ กับเกลียดเช้าวันจันทร์ หากคุณเป็นประเภทนี้ ยิ่งต้อง ทำลิสต์สิ่งที่ต้องทำไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วหา กิจกรรมเบา ๆ ทำในวันอาทิตย์ เพื่อไม่ให้รู้สึกเหนื่อยจนกระทั่งเกิดอาการ ‘ล้า’ ในวันรุ่งขึ้น ที่ต้องทำลิสต์ไว้ก่อนอื่นก็เพื่อเป็นการค่อย ๆ ปรับทัศนคติของคุณให้รู้สึกดี ขึ้นกับวัน อาทิตย์ ให้คุณรู้สึกปล่อยวางกับวันหยุดสุดสัปดาห์อย่างแท้จริง เพราะ ถ้าคุณวางแผนทุกสิ่งทุกอย่างไว้เสร็จสรรพแล้ว คุณจะได้ไม่รู้สึกว่ามีอะไรมาบีบรัดความรู้สึกของคุณอีกต่อไป


3.ทำความสะอาดโต๊ะทำงาน ตั้งแต่บ่าย ๆ วันศุกร์ได้เลย ข้อนี้สำคัญไม่ใช่เล่น อย่าเผลอมองข้ามไป ส่วนมากช่วงเวลาสุดท้ายของการทำงานในสัปดาห์นั้น ๆ จะไม่ค่อยมีงานยุ่งมากแล้ว ใช้เวลาช่วงนี้ทำความสะอาดพื้นที่ทำงานของคุณดีกว่า แยกงานหรือเอกสารที่สำคัญ ๆ ให้เรียบร้อยสะอาดตา อะไรที่ควรจะทิ้งได้ก็ทิ้งซะจะได้ไม่รกหูรกตารกใจอีกต่อไป อัพเดทลิสต์งานใหม่ ๆ ที่จะต้องลงมือในวันจันทร์ การเคลียร์พื้นที่แบบนี้จะ ทำให้คุณปลอดโปร่งโล่งสบาย เมื่อกลับมาทำงานต่อในวันจันทร์หน้า คุณจะได้โฟกัสกับงานตรงหน้าอย่างเดียวไม่มีเรื่องหงุดหงิดกวนใจ


4. มาถึงกลยุทธ์ด้านสุขภาพกันบ้าง เริ่มต้นวันด้วยการออกกำลังกายแบบเบา ๆ วิ่งอยู่ กับที่สัก 100 ที ก่อนออกจากบ้านหรือวิ่งเหยาะ ๆ เบา ๆ สัก 30 นาทีในสวนสาธารณะระหว่างทางไปออฟฟิศ การออกกำลังกายเป็นวิธีที่ชัวร์มากที่สุดที่จะทำวันจันทร์หม่น ๆ ของคุณให้สดใสได้ มีการวิจัยพบว่า การออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายหลั่งสาร ‘เซโรโทนิน’ สู่สมองของคุณ ซึ่งสารเคมีตัวนี้ จะป้องกันไม่ให้คุณซึมเศร้ามัวหมองได้ จากนั้นเพิ่มระดับดีกรีการออกกำลังกายให้เพิ่มขึ้น จากแค่วิ่งเหยาะ ๆ ก็เพิ่มระดับเป็นวิ่งแบบจริงจังสัก 30 นาทีจนเหงื่อออก เพียงครึ่งชั่วโมงก็เพียงพอสำหรับ การบริหารกล้ามเนื้อหัวใจ ให้หัวใจได้สูบฉีดเสียบ้าง ผลพลอยได้อีกอย่างที่คุณจะได้ก็คือ คุณจะมีผิวพรรณเปล่งปลั่งเป็นยองใย ก็ถ้าคุณมีผิวพรรณที่ผุดผาดขนาดนั้น แล้วยังเหนื่อยหน่ายอยู่ได้อีกก็ให้ มันรู้ไป


5. รับประทานอาหารเช้าที่ดีต่อสุขภาพกันเถอะ หลายคนมองข้ามว่าอาหารเช้ามักไม่สำคัญทั้งที่นักโภชนาการก็ออกมาประกาศปาว ๆ แล้วว่า มื้อเช้าคือมื้อที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกคน การที่คุณเลี่ยงมื้อเช้า (จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่) จะทำให้คุณรู้สึกเฉื่อยชาและสติสตังไม่อยู่กับเนื้อ กับตัว ทางที่ดีควรเพิ่มคุณค่าในอาหารเช้าด้วยจะดีกว่า อาหารที่จะกระตุ้นให้คุณคึกคักมีพลังตลอดทั้งเช้าวันทำงาน ได้แก่ ไข่เจียวใส่ผักนี่แหละค่ะ ง่าย ๆ แต่ล้นเหลือด้วยคุณค่าทางโภชนาการ, ข้าวโอ๊ต, ลูกเกด แต่ถ้าไม่กลัวอ้วน ก็ลองทานชีส เพราะในชีสมีขุมพลังงานอยู่มาก พวกผลไม้ต่าง ๆ ก็ดีไม่น้อย


6.จบกลยุทธ์ด้านสุขภาพ ก็อย่าลืมใส่ใจกับข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวที่ประดับอยู่บนตัวคุณ เสื้อผ้าหน้าผม อันนี้คุณผู้ชายอาจจะไม่คุ้น ถ้าต้องมาใส่ใจเป็นพิเศษกับเรื่องพวกนี้ แต่ก็อย่าละเลยค่ะ
คุณ ๆ ขา เชื่อหรือไม่ว่าการแต่งตัวมีผลต่อสภาพของอารมณ์คุณจริง ๆ สำหรับการเริ่มต้นในเช้า วันจันทร์ลองคิดแบบตั้งใจจริงจังว่าคุณจะใส่ชุด ไหนในวันจันทร์ดี สร้อยสีอะไร ตุ้มหูคู่ ไหนจะแมตช์กัน เนกไท รองเท้า เอา ให้เฟี้ยวฟ้าวหล่อ-สวยมั่นกัน เป็นแถว ๆ เวลาคุณก้าวเดินออกจากบ้านแล้วให้รู้สึกดีที่จะได้ไป พบเจอผู้คน แต่งตัวให้รู้สึกว่าคุณเป็นจุดสนใจ (ในทางชื่นชม) แก่ผู้พบเห็น จัดเตรียมตั้งแต่ตอน กลางคืน รีดให้เรียบตรวจดูความเรียบร้อย เพราะถ้าตื่นเช้ามาล่ก ๆ จัดเสื้อผ้าในเวลาเร่งรีบแบบนั้น จะทำคุณประสาทเสียเอาเปล่า ๆ


7.นัดเพื่อน ๆ ทานมื้อกลางวัน หรือทำอาหารกลางวันมาทานเอง
การได้นัดเจอเพื่อน หรือหวานใจในตอนกลางวันจะทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นขึ้นในตอนเช้า ถ้าเรื่องเงินเป็นปัจจัยใหญ่ในการนัดทานอาหารก็ลองตื่นเช้ากว่าเดิมอีกหน่อย แล้วทำอาหารจากบ้านไปเอง หาสวนสาธารณะใกล้ออฟฟิศนั่งกินกลางวันกัน หรืออาจจะหาที่เหมาะ ๆ ในออฟฟิศนั่นแหละ แต่อย่าเม้าท์เพลินจนเลยเวลาพักซะล่ะ มิเช่นนั้นล่ะได้เครียดของจริงแน่ ๆ แต่ถ้าไม่มีเวลาพัก จริง ๆ อาจจะเลื่อนเป็นช่วงคอฟฟี่เบรกตอนบ่าย 3 โมงก็ยังดี


8. ชาสารพัดความสุข ชาเขียวที่ชงสด ๆ ร้อน ๆ จะทำให้คุณสดชื่นระหว่างวันได้ดี
ไม่น่าเชื่อ การดื่มชาจากถ้วยอุ่น ๆ ตามแบบพิธีการดื่มชาในสมัยโบราณ มีคุณสมบัติช่วยทำให้ผ่อนคลาย ได้ในตัวของมันเอง โดยเฉพาะชาเขียว ซึ่งผลการวิจัยบอกว่าชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่เป็นสารป้องกันมะเร็งและโรคอื่น ๆ ได้ ที่ หลาย ๆ คนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้ว อย่าให้มันเป็นแค่กระแสที่พัดมาวูบไป เพราะเจ้าชาเขียวมีประโยชน์อนันต์จริง ๆ ถ้าเบื่อแล้วลองเลือกหยิบชาสมุนไพร จะเป็นชามะนาวหรือชาเป๊ปเปอร์มิ้นท์ก็ได้ เลือกเอา ที่มีกาเฟอีนน้อยที่สุด เพราะตอนนี้คุณกำลังบำบัดอาการเบื่อโลกอยู่ ถ้ายิ่งรับกาเฟอีนเข้าไปเยอะ ก็จะยิ่งมีผลเสียในระยะยาวเข้าไปใหญ่


ลองปฏิบัติแบบจริงจังดู ไม่แน่ว่า...วันจันทร์อาจกลายเป็นวันที่คุณรอให้มาถึงเร็วที่สุดก็เป็นได้!

ชีวิตเราเปรียบเสมือนเกมโยนบอล 5ลูก




หากชีวิตเราเปรียบ เสมือนเกมโยนบอล 5ลูก สลับกันไปในอากาศคล้ายนักเล่นกล บอลทั้ง 5 เปรียบได้กับ งาน, ครอบครัว, สุขภาพ, เพื่อน และจิตใจ เราคงต้องบอกว่า

งาน นั้นคงต้องเป็นลูกบอลยาง ซึ่งแม้ว่าเราจะพลาดพลั้งทำตกกี่ครั้ง มันก็สามารถที่จะกระเด้งกระดอนกลับมาให้เรานำกลับมาเล่นต่อได้

แต่บอลอีก 4 ลูกที่เหลือ คือ ครอบครัว สุขภาพ เพื่อน และจิตใจนั้นเป็นเช่นลูกแก้ว การพลาดพลั้งทำลูกใดลูกหนึ่งตกไปนั้น แม้เป็นเพียงแค่รอยถลอก รอยตำหนิเล็กๆ รอยหัก แหว่ง หรือแตกละเอียด
ก็ล้วนแต่เป็น สิ่งที่เราไม่สามารถแก้ไขให้มันกลับมาเป็นลูกแก้วที่แววใสดังเดิมได้

ดังนั้นเราจึงควรระลึกอยู่เสมอว่า..... ชีวิตเราคือ.....การต่อสู้ประคับประคองบอลทั้ง 5 ลูก ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงให้สมดุลมากที่สุด.....ทำอย่างไรน่ะหรือ ??

อย่าง แรก.....

** จงอย่าประเมินค่าของตัวเองให้ต่ำต้อย โดยการเปรียบเทียบกับคนอื่น พึงระลึกเสมอว่าเราทุกคนล้วนแตกต่างกัน และทุกคนก็มีความพิเศษเป็นของตนเองโดยเฉพาะ อย่าปล่อยให้ชีวิตผ่านไปอย่างไร้ค่า โดยการปล่อยเวลาให้ผ่านไป

** จงคิดว่าทุกๆ วันที่ผ่านพ้นไปคือส่วนหนึ่งของชีวิตเรา อย่าเพิ่งละความพยายามเมื่อเจอปัญหา

** จงจำไว้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะจบสิ้นเมื่อคุณทิ้งความพยายามของคุณเอง อย่ากลัวที่จะยอมรับว่าเราไม่ใช่คนที่สมบูรณ์พร้อมในทุกอย่าง เพราะการหลงตัวเองจะเปรียบเสมือนผมเส้นบางๆ ที่บังตาไม่ให้คุณมองเห็นผู้คนรอบข้าง

** จงอย่ากลัวการเสี่ยง เพราะมันคือโอกาสที่คุณจะได้เรียนรู้ถึงความกล้าหาญ อย่าทิ้งความรักไปจากชีวิต โดยการบอกว่ามันไม่มีทางที่จะหาพบ หนทางที่ง่ายที่สุดที่จะได้รับ

...ความรักคือการรู้จักให้ และการรักษาความรักที่ดีที่สุดคือ ...การให้อิสระกับมัน

จำไว้ว่า ยิ่งคุณพยายามไขว่คว้ามันไว้กับตัวคุณมากเท่าไร มันก็ยิ่งจะจากไปจากคุณได้เร็วเท่านั้น ...อย่าพิจารณาชีวิตของคุณเร็วเกินไป จนคุณลืมที่จะนึกว่าคุณมาจากที่ไหนและ... คุณกำลังจะไปที่ใด พึงตระหนักว่าความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์เราต้องการคือ... ความประทับใจ

** จงอย่ากลัวการรับรู้ หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ความรู้นั้นไร้น้ำหนัก...แต่เป็นทรัพย์สมบัติอันมีค่าที่มันจะติดตัวคุณไป และจะไม่มีใครที่สามารถขโมยมันไปจากคุณได้ ** จงใช้เวลาและคารมอย่างระมัดระวัง เพราะทุกสิ่งที่ผ่านไปจะไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้ เหมือนสายน้ำที่ไม่มีวันจะไหลย้อนกลับ

** จงรู้ว่า ชีวิตไม่ใช่การแข่งขัน แต่ชีวิตคือ.. การเดินทางคือ...การสัมผัสรับรู้ในแต่ละก้าวที่เดินไป

** และสุดท้าย จงจำไว้ว่า ความดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง

♣ รักทางไกล ทำอย่างไรให้ไปรอด ♣



ที่เคยได้ยินว่าความ รักต้องการความใกล้ชิด แนบสนิทกันตลอดเวลานั้นไม่จริงเสมอไป ที่รักกันเป็นคู่ปาท่องโก๋ มีกันและกันอยู่ในลมหายใจตลอดเวลา ก็ใช่ว่าจะรักกันเช่นนั้นได้ยืนยาว เพราะฉะนั้น เมื่อถึงคราวที่ความรักต้องอยู่ห่างจากอก ด้วยเหตุผลของชีวิตต่าง ๆ นานา จะแค่ข้ามโรงเรียน ข้ามบริษัท ข้ามจังหวัด หรือข้ามประเทศ ในเมื่อขึ้นชื่อว่ารักแล้ว แค่ระยะทางหาใช่อุปสรรคไม่ เพียงแค่เกิดสะดุดและขัดข้องทางเทคนิคเท่านั้น แต่ถ้ามีวิธีการรับมือกับความรักที่อยู่ห่างไกล เรื่องหัวใจก็ไม่ใช่ปัญหา แค่คุณปรับหัวใจให้ชินกับระยะทางด้วยการ...

วางแผนชีวิต

จะช่วยลดอาการฟุ้งซ่านและความคิดถึงได้เป็นอย่างดี แถมยังได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากกว่ามานั่งปล่อยลมหายใจแห่งความคิดถึงให้ ฟุ้งไปวัน ๆ ระหว่างที่ยุ่งวุ่นวายกับการจัดการชีวิตของตัวเอง ก็ ขีดปฏิทินนับวันเวลาที่จะได้เจอคนรักไปด้วย นอกจาก นั้นก็อาจจะหาอะไรทำเพื่อจะทำให้คิดถึงคนรัก หรือเพราะได้เขาหรือเธอคนนั้นเป็นแรงบันดาลใจ เป็นการคิดถึงอย่างมีเป้าหมาย การรอคอยก็จะไม่เปล่าเปลี่ยวอีกต่อไป

ตั้งกฎระหว่างกัน

ในการที่จะคุยกับคนใหม่ หรือเปิดรับใครเข้ามา ไม่ใช่ข้อห้าม เพราะบางทีการห่างไกลกัน แล้วยังมัวเห็นแก่ตัวเอง ไม่ให้ใครผ่านเข้ามาในชีวิตของ อีกฝ่ายเลย นอกจากอึดอัดแล้ว ก็อาจดีแตกได้ง่ายมาก เพราะความห่างไกลหาใช่ความสัมพันธ์นั้นจะเปราะบางลง หากแต่คือบทพิสูจน์ข้อหนึ่ง ดังนั้นการตั้งกฎขึ้นมา จึงถือเป็นการทดสอบการเคารพและ การซื่อสัตย์ต่อทั้งตัวเองและต่อคนรัก และเป็นการเปิดโอกาสให้กันอย่างแฟร์ ๆ ทั้งสองฝ่าย ลองตั้งกฎที่เปิดโอกาสให้ขนาดนี้แล้วยังผิดกฎ กติกา มารยาทแล้ว ก็คงต้องปล่อยให้ระยะทาง (และความไม่มั่นคงทางจิตใจ) ชนะความรักครั้งนี้ไปเถอะ

ขัดใจเมื่อไหร่ให้รีบเคลียร์

ก็ขนาดใกล้กันแล้วทะเลาะขัดใจกันยังอันตรายอยู่ นับประสาอะไรกับการอยู่ห่างไกลกันขนาดนี้ เห็นทีต้องรีบเคลียร์ให้ไวที่สุด อย่าปล่อยให้ค้างเนิ่นนาน เพราะยิ่งไกลหูไกลตากันอยู่แล้ว จะมีอะไร ผ่านเข้ามาที่จิตใจต่างก็ว้าวุ่นกันอยู่ก็ไม่รู้

แบ่งปันเรื่องราวในชีวิตประจำวัน

ห่างแต่ตัว...หัวใจใกล้ รับรู้เรื่องราวของกันและกันผ่านช่องทางการสื่อสารที่มีอยู่มากมายประดามี เสมือนอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แถมเวลาหงุดหงิด เพราะต้องการเวลาส่วนตัวก็ยังมีอีกต่างหาก แม้คุณจะต้องเดินอยู่คนเดียว แต่ก็รับรู้ไว้อยู่กับตัวและหัวใจไว้ได้เลยว่า คุณไม่ได้โดดเดี่ยว เพราะคนรักคุณอยู่ในใจและใกล้ชิดกันตลอดเวลา ไม่แพ้ใคร บอกเล่าเรื่องราว สิ่งที่พบเจอในแต่ละวันด้วยกัน ไม่ว่าจะฟ้าร้อง ลมแรง แดดเปรี้ยง ฝนตก หรือว่าหนาว จับใจ จะหิว หรือจะอิ่ม อ้วนขึ้น ผอมลง บอกเล่ากับเขาหรือเธอ ให้ต่างคนต่างได้จินตนาการถึงกันและกัน

อย่าถือสาเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ

จริงอยู่ที่ทุกครั้งที่เกิดเรื่องบาดหมางหัวใจเมื่อไหร่ เป็นต้องรีบเคลียร์ในทันใด แต่ก็ใช่ว่าจะยึดถือทุกเรื่องทุกสิ่งเป็นประเด็นสำคัญไปเสียหมด ไม่เช่นนั้นรักจะยิ่งขม ด้วยสาเหตุจากทั้งระยะทางบวกกับทัศนคติ ปล่อยวาง ทำใจ และยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น มองอะไรให้เป็นเรื่องขำ ๆ เพราะจริง ๆ ก็เรื่องขำทั้งนั้น เมื่อมองย้อนกลับมา หากแต่อารมณ์ ณ ขณะนั้นมันนำพาให้คุณเดือดดาลไปก่อนแล้ว โกรธข้องหมองใจอยู่คนเดียว เสียสุขภาพจิตเปล่า ๆ คนไกลเขาไม่รู้หรอก

กระชับสัมพันธภาพกับคนรอบข้างของคนรัก

ถึงตัวเขาหรือเธอจะไม่อยู่ใกล้ ๆ แต่ความสัมพันธ์และสายใยต่าง ๆ ที่เขามีกับครอบครัว หรือเพื่อน ๆ ก็ยังคงต้องสานต่อโดยคนรักที่เป็นตัวแทนเขาได้ ทำให้หายคิดถึงแถมมิตรภาพและสายสัมพันธ์ยังอบอวลด้วย และในวันที่เขาหรือเธอกลับมา คนรู้ใจของชีวิตทุก ๆ คน ก็ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่เสื่อมสลายและห่างหายไปไหนเลย

มองโลกในแง่ดี แง่จริง ไม่กลิ้งกลอกหลอกตัวเอง

เชื่อมั่นในตัวเองและในความรัก แม้จะได้ยินมาหลายปากว่า “รักแท้แพ้ระยะทาง” เสมอ โอ้ฟังอย่างนี้เห็นทีใจฝ่อตั้งแต่ยังไม่ถ่อเดินทาง ให้คิดว่าล้านคน ล้านคู่ก็ล้านรายละเอียด ใช่ว่าทุกความรักที่มีระยะทางมากั้นขวาง ไว้จะจบลงแบบแซดเศร้าเสมอไป คุณต้องดึงพลังความเชื่อมั่นออกมาบริหารจัดการความรักระยะทางไกลแบบฉบับของ คุณเอง พอใจในวิถีชีวิตของคุณ โดยที่อย่าไปเอาบรรทัดฐานที่คุณตั้งขึ้นเองมาวัดตัดสินความรักของคุณ

ให้ความคิดถึงได้ทำงาน และเป็นแรงผลักดันให้ความมั่นคงและเชื่อใจของกันและกันได้ไหลลื่น เพิ่มรสชาติของความรักให้กลมกล่อม มีคิดถึง มีตื่นเต้น มีห่วงหา เพราะบางทีบางครั้งความรักที่ไกลห่าง ก็อาจเพิ่มประสิทธิภาพของความรักได้ลงตัวกว่าความใกล้ชิด ใช้ “ที่ ว่าง” ระหว่างกันให้เป็นประโยชน์

สร้างอุปนิสัยผู้ประสบชัยชนะ




อริสโตเติล กล่าวไว้ว่า ...

"เราเป็นเช่นที่เรากระทำ หากต้องการประสบชัยชนะ ก็จงกระทำให้ติดเป็นนิสัย"

นี่คือข้อพิสูจน์ว่า หากเราต้องการจะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในงานอาชีพเราก็จะต้องฝึกฝนตนเอง สร้างอุปนิสัยให้เป็นคนที่กระทำสิ่งใด ๆ แล้ว จะต้องประสบชัยชนะเสมอไป

อุปนิสัยที่จะต้องสร้างสม เพื่อให้เคยชินกับการประสบความสำเร็จ คือ

คาดการณ์ล่วงหน้า ลงมือก่อนใคร ๆ
คน ที่นิ่งเฉยรอให้เหตุการณ์ต่าง ๆ มาถึงตัวก่อนจะตัดสินใจกระทำสิ่งใด คือ
คน ที่รอจนเกิดปัญหาจึงลงมือแก้ แต่ถ้าเราคิดว่าอนาคตจะต้องเป็นเช่นไร
และ ลงมือกระทำในสิ่งที่ถูกต้องก่อนใคร ๆ ความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ

เริ่มงานพร้อมภาพสุดท้ายในใจ
เริ่มงาน ในวันนี้ พร้อมจินตนาการว่าจุดสิ้นสุดของงาน คือความสำเร็จจะเป็นเช่นไร
เพื่อ จะได้ก้าวเดินแต่ละขั้นเพื่อจุดมุ่งหมายที่ปลายทางคือชัยชนะ

จัดลำดับขั้นตอนอย่างถูกต้อง
ความ สำเร็จมิใช่เกิดจากโชค การทำงานหนัก หรือความชาญฉลาด หากแต่จะต้องเริ่มจากจุดที่ถูกต้อง หมายความว่าจะต้องเลือกขั้นตอนการทำงานตามลำดับควมสำคัญ ลงมือปฏิบัติโดยให้ความสามารถ ความเพียรพยายาม และโชค เป็นองค์ประกอบูก

คิดว่าจะชนะ แล้วจะชนะ
การทำงานใด หากไม่มีความมั่นใจตั้งแต่ต้น ย่อมไม่อาจจะชนะได้ ผู้ที่จะประสบความสำเร็จจะต้องคิดคเสมอว่า เราจะชนะ เราจะชนะและชัยชนะย่อมเป็นของผู้นั้นี

เข้า ใจเขา เพื่อเขาจะเข้าใจเรา
ในการติดต่อสื่อสารกับบุคคล อื่น ตั้งใจฟังเพื่อให้เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
เมื่อรู้ถึงความต้องการของ เขาแล้ว ก็จะสามารถสร้างความเชื่อถือ ความสัมพันธ์
และความมีเหตุผลที่ จะทำให้เขาเข้าใจในตังเรา

รวมพลัง
ตะเกียบ ทั้งแท่งมีควาแข็งแกร่งเท่าไม้ทั้งต้น ฉันใด การรวมตัวกันทำงานเป็นทีม
ย่อม สร้างความได้เปรียบกว่าผู้ที่ทำงานเพียงหนึ่งหรือสองคน ฉันนั้นท่

ลับมีดให้คมตลอดเวลา
หมายความ ถึงการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทั้งร่างกาย จิตวิญญาณ ความคิด สังคมและอารมณ์

+++ Hamster +++

+++ Playlist +++


MusicPlaylistRingtones
Create a playlist at MixPod.com

+++ coming soon +++