วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วิ่งตาม ความรัก

สมัยตอนเป็นเด็ก.. จำได้ว่าในวิชาพละศึกษา
คุณครูสั่งให้เราวิ่งรอบ สนามกันคนละ 20 รอบ.. เพื่อจับเวลาของแต่ละคน ..
แถมยังมีรางวัลมาล่อใจ อีกด้วยว่า.. ใครเข้าเส้นชัยได้คนแรก..
จะมีคะแนนพิเศษเพิ่มให้

พอเริ่มออกสตาร์ท..

ฉันก็สังเกตเห็นเพื่อนหลายคน ..พยายามจะเบียดตัวเอง..ขึ้นมาอยู่แถวหน้าสุด.. เพื่อที่จะได้เปรียบคนอื่นในช่วงออกตัว

แล้วพอครูบอกว่า..วิ่งได้-เท่านั้นแหละ ..
เพื่อนหลายคนของฉัน..ก็ วิ่งปรู๊ดออกไปแบบไม่คิดชีวิต

ส่วนฉัน -- โน่น วิ่งอยู่หลังสุด
ไม่ได้ช้า..เพราะเหนื่อย ..หรือเพราะวิ่งไม่เก่ง ..
แต่ฉันกำลังรู้สึกสนุกสนาน..กับการวิ่งจับ เวลาซะเหลือเกิน ..
เพราะฉันวิ่งไป- คุยไป ..กับเพื่อนซี้รู้ใจ..แบบไม่สนเวลา ..
ฉันสนใจความสนุกสนาน..ระหว่างการ วิ่งมากกว่า

บางที..เห็นคนข้างหน้า..ที่วิ่งนำมาหลายรอบ..กำลังชะลอความเร็ว ..เพราะเหนื่อยหอบ ..
ก็อดที่จะขอวิ่งแซงหน้าบ้างไม่ได้ ..

หรือบางที..หันไปเห็นเพื่อนที่วิ่งรั้งท้ายตลอด..
ก็จะพยายามวิ่งให้ ช้าลง ..รอให้เขาวิ่งทัน..จะได้คุยไปด้วยกันหลายๆ คน….สนุกดี

หรือบางที..รู้สึกไม่อยากแซงคนข้างหน้าขึ้นมาเฉยๆ..
เพราะว่าวิ่งตาม หลังเขา.. จะได้แอบนินทาเขาได้.. สนุกไปอีกแบบ

จะทำลายสถิติไหม ..ไม่รู้หรอก..
รู้แต่ว่า..วิ่งช้าๆ-มันไม่เหนื่อย เร็ว ..และขอแค่วิ่งให้ถึงเส้นชัย..ก็พอ

*

คงคล้ายคล้าย..กับ ‘ความรัก’..กระมัง
ทุกคน..มี 'เส้นชัย' ของตัวเอง..มีสถิติ-ที่ตัวเองพอใจ
แต่..คนที่เข้าเส้นชัยก่อน ..ใช่ว่า..จะคว้า 'ความรักที่ดี' ได้ก่อนเสมอไป..
และสถิติที่ดี.. ก็ไม่ได้การันตีว่า.. 'ความรัก' จะสมบูรณ์แบบ

ในขณะที่..สังคมทุกวันนี้..ปลูกฝังให้เราวิ่งแซงคนอื่น ๆ เสมอ ..
สอน ว่า...อย่าพยายามให้ใครแซงหน้า..
เพราะนั่นหมายถึง.. ทำให้เราพลาดโอกาสดีๆ ในชีวิตไป

แต่..สังคมของ ‘ความรัก’..สอนให้คนรู้จักผ่อนจังหวะก้าว..ให้ช้าลง ..แต่หนักแน่นขึ้น

โลกภายนอก..บอกให้เรารู้ว่า ..
'อย่า วิ่งตามใคร..ถ้าไม่แน่ใจว่า..จะตามเขาได้ทัน ..
เพราะมันเสียแรงเปล่า.. และโง่เหลือเกิน'

แต่.. 'โลกของความรัก' ..
ใคร อีกหลายคน...สมัครใจที่จะเป็น 'คนโง่'.. เพื่อวิ่งตาม 'คนที่ตัวเองรัก' ให้ทัน
..ทั้งที่รู้แก่ใจว่า.. 'ไม่มีวันนั้น'

เพื่อนรักคนหนึ่งของฉัน.. มี ‘เส้นชัย’..ในหัวใจของเธอเอง

คนรักของเธอ..เป็นนักวิ่ง ฝีเท้าดี ..เพราะตั้งแต่อยู่กันมา ..เขาออกวิ่งก่อนเธอเสมอ ..
ไม่เคยบอก ล่วงหน้า.. และไม่เคยชะลอความเร็วลงเลย ..
แต่ความเร็วของเขา..ก็ไม่มาก ไปกว่า.. 'ความรัก' ที่เธอมี

'ความรัก' ทำให้เธอวิ่งเร็วขึ้น.. ใกล้เขามากขึ้น..
และไม่ยอมปล่อยให้เขาทิ้ง ระยะ..จนคลาดสายตาเธอ

แต่..เมื่อเกือบที่จะถึงตัว เขา ..เธอก็จะเลือกที่จะ 'วิ่งให้ช้าลง'
..ราวกับว่า..จะวิ่งเหยาะๆ ..ตามเขาไปเรื่อยๆ

เธอแซงหน้าเขาได้ ..แต่เธอไม่ทำ..
แม้แต่จะวิ่งให้ทันเขา-ในแนวเดียวกัน ..เธอก็ทำได้..แต่เธอไม่ทำ

‘เหตุผล’..ที่ฟังดูเหมือนง่ายของเธอ..ทำเอาใจฉันนิ่งงัน
‘ถ้าวิ่งให้ ทันเขา ...หรือแซงหน้าเขาไป ...ฉันก็คงมองไม่เห็นเขาในชีวิตอีก
แต่ถ้า ฉันวิ่งตามเขาห่างๆ แบบนี้ ...เท่ากับว่า..
ฉันยังได้เห็นความเป็นไปของ เขา ..ยังมีเขาอยู่ในสายตา ..ในชีวิต
แม้ว่า..เขาจะไม่เคยหันหลังกลับ มา.. แล้ววิ่งให้ช้าลงเลย..ก็ตาม'

'แล้วทำไม..ไม่เข้าใกล้เขากว่านี้ ..
ทำไมต้องเว้นระยะห่างแบบนี้ ด้วย.. เธอเป็นคนรักของเขานะ'
คำถามของฉัน..ทำให้แววตาของเพื่อนรัก.. ปรากฏรอยเศร้า … แต่ปากยิ้ม

'ฉันกลัวเขารู้ตัว.. แล้ววิ่งหนีฉันไป-ไกลยิ่งกว่านี้ ..
ถึงวันนั้น..ฉันอาจเหนื่อยจนหมด แรง..ที่จะวิ่งตามอีกต่อไปแล้ว

ห่างแบบนี้ดีกว่า ..ฉันได้เห็นเขา ..มันอุ่นใจ ..
หรือถ้าวันหนึ่ง..เขาล้มลง… ฉันจะได้วิ่งเข้าไปช่วยพยุงได้ทัน
และถ้ามันจะทำให้เขาเห็น 'ความจริงใจ' ของฉัน..
เขาอาจจะชวนฉันวิ่งไปพร้อมกันอีกครั้ง.. ถ้าเขาหายดีแล้ว'

ความรัก..ทำให้คนมีความหวัง..อยู่เสมอ
ในขณะเดียวกัน ..มันก็ทำให้คนบางคน 'โง่งมงาย' เสียเต็มประดา
ถ้าเพื่อน..เลือกที่จะ วิ่งออกนอกเส้นทาง.. แล้วไปตั้งต้นใหม่..กับ 'ใครสักคน' ที่เขาพร้อมจะวิ่งไปกับเพื่อน.. ป่านนี้เพื่อนของฉัน..คงเข้าเส้นชัยไปนาน แล้ว

แต่..เพื่อนยังคงเต็มใจ..ที่จะวิ่งตามเขาไปเรื่อยๆ
แม้ว่าบางที..อาจ จะไม่มีวันนั้น .. วันที่เพื่อนเข้า.. 'เส้นชัยแห่งความรัก'
เพราะบาง ที….. ‘เส้นชัย’..อาจไม่มีความหมายต่อคนบางคน..
หากว่า..เขาเข้าเส้นชัย ..แต่ได้ทำ 'หัวใจ' หล่นหายไป..ระหว่างทาง

เมื่อ 'ความสุข' คือ… การโง่ที่จะรักและวิ่งตาม
ในสังคมของความรัก… ฉันจึงมองเห็นคนที่ 'วิ่งช้า'
..และปรารถนาจะเป็น 'ผู้ตาม' ด้วยความเต็มใจ..อยู่เสมอ

ความรัก ..ไม่ใช่สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต
แต่ .. ‘ความรัก’..เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิต....มีค่ามากที่สุด

ตอนนี้..ก็คงจะพอรู้..
ถึงความรู้สึกของ ‘การวิ่งตาม’..บ้างแล้วนะ..

อยากเป็น 'คนวิ่งตาม'...
โดยที่ไม่รู้จักเหนื่อยบ้าง..เหมือนกัน

หยิบหมอก หยอกดอกกระเจียว” - มิ.ย. ถึง ส.ค. นี้เท่านั้น


ภาพ จาก http://jakkr.multiply.com/photos/album/61/61

ททท. ขอเชิญทุกท่านร่วม “หยิบหมอก หยอกดอกกระเจียว”

ภาพ จาก http://doctorkrit.multiply.com/photos/album/15/15

จังหวัดชัยภูมิ ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ขอเชิญทุกท่านร่วม “หยิบหมอก หยอกดอกกระเจียว” งานเทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวงามจังหวัดชัยภูมิ ประจำปี 2553 ในระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน - 31 สิงหาคม 2553 ณ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อำเภอเทพสถิต และ อุทยานแห่งชาติไทรทอง อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ


ภาพ จาก http://www.pixpros.net/forums/showthread.php?t=34712

“งานเทศกาลท่องเที่ยวดอก กระเจียวงาม จังหวัดชัยภูมิ ประจำปี 2553” ที่จัดขึ้นตลอดเดือนมิถุนายน - เดือนสิงหาคม 2553 ณ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อำเภอเทพสถิต และ อุทยานแห่งชาติไทรทอง อำเภอหนองบัวระเหวจังหวัดชัยภูมิ เป็นกิจกรรมที่จัดต้อนรับฤดูฝน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชนในท้องที่สามารถสร้างการรับรู้ให้กับนักท่องเที่ยว และผู้ที่สนใจทั่วไปที่เดินทางมาเยือนดินแดนชัยภูมิเกิดความประทับใจอย่าง ไม่รู้ลืม

กิจกรรมที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิ ขบวนแห่กระเจียวคืนทุ่ง การแสดงดนตรีจากนักเรียนของอำเภอเทพสถิต การแข่งขันเดินเพื่อการกุศล การแข่งขันแรลลี่(โดยหอการค้าจังหวัดชัยภูมิ) การปีน - ไต่หน้าผา “ผาก่อ - รัก” ชมสวนหินงามป่าหินล้านปีที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ ปั้นแต่งตามแต่จะสุดจินตนาการ การแสดง และจำหน่ายสินค้าที่มีชื่อเสียงของจังหวัดชัยภูมิ อีกทั้งทุ่งดอกกระเจียวสีขาว สีเขียวและสีชมพูอมม่วง น้ำตกไทรทอง และจุดชมวิวผาหำหดของอุทยานแห่งชาติไทรทอง ก็เป็นอีกสถานที่ที่รอการมาเยือนของนักท่องเที่ยวให้เดินทางท่องเที่ยวให้ สนุก เติมความสุขให้กับชีวิตได้เป็นอย่างดี




ภาพ จาก http://www.pixpros.net/forums/showthread.php?t=34712

ข้อมูลจาก
http://thai.tourismthailand.org/festival-event/grand-content-7581.html

แก้วน้ำ1ใบ ให้อะไรกับคุณ ???















อวัยวะเรา ก็ต้องตอกบัตรเข้างานนะ

เวลา กับ ร่างกาย ของคน

01.00 น. – 03.00 น. เป็นเวลาของตับ
ขอบอก เลยว่า . . . ทุกคนควรนอนหลับพักผ่อนให้เป็นประจำในช่วงเวลานี้ให้ได้ เพราะตับจะหลั่งสาร มีราโทนิน ที่จะทำให้หน้าอ่อนกว่าวัย เห็นมั้ยละว่าสำคัญแค่ไหน ที่สำคัญห้ามกินเด็ดขาดในเวลานี้เพราะจะทำให้ตับต้องทำงานหนักและเสื่อม เร็ว

03.00 น. – 05.00 น. เป็นเวลาของปอด
สิ่งที่ดี ที่สุดที่ควรทำคือ ตื่นนอน ลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ซะหน่อย เขาบอกว่าถ้าตื่นนอนช่วงนี้เป็นประจำจะทำให้ผิวพรรณดี

05.00 น. – 7 .00 น. เป็นเวลาของลำไส้ใหญ่
เพราะ ฉะนั้นควรขับถ่ายให้เป็นนิสัยทุกเช้า ถ้าคนไหนมีโรคประจำตัวคือท้องผูกกว่าจะถ่ายแต่ละทียากเย็นเหลือเกิน แนะนำว่าให้ลองดื่มน้ำผึ้งผสมมะนาว น้ำ 1 แก้ว + น้ำผึ้ง 1 ช้อน + น้ำมะนาว 4-5 ลูก

07.00 น. – 09.00 น. เป็นเวลาของกระเพาะอาหาร
จึงควรกิน อาหารเช้าในช่วงเวลานี้ทุกวัน เพราะถ้าปล่อยให้ท้องว่าง กระเพาะอาหารจะอ่อนแอกลายเป็นคนตัดสินใจช้า ขี้กังวล ที่สำคัญจะหน้าแก่เร็วกว่าไว น่ากลัวมากๆๆ

09.00 น. – 11.00 น. เป็นเวลาของม้าม
พูดน้อย กินน้อย และไม่นอนหลับ

11.00 น. – 13.00 น. เป็นช่วงเวลาที่หัวใจทำงานหนักที่สุด
ควรทำใจ ให้สบาย หลีกเลี่ยงสิ่งทึ่จะทำให้เครียด พยายามไม่ใช้ความคิดหนัก ถ้าต้องเครียดกับงานตรงหน้ามากนักก็ผ่อนคลายซะบ้าง

13.00 น. – 15.00 น. เป็นช่วงเวลาของลำไส้เล็ก
งดกิน อาหารทุกประเภทให้ลำไส้เล็กได้พักผ่อน

15.00 น. – 17.00 น. เป็นเวลาของกระเพาะปัสสาวะ
ออกกำลัง กายหรืออบตัวให้เหงื่อออก อย่ากลั้นปัสสาวะ

17.00 น. – 19..00 น. เป็นเวลาของไต
อาบน้ำทำ ให้ร่างกายสดชื่น ไม่ควรออกกำลังกายหนัก

19.00 น. – 21.00 น. เป็นเวลาของเยื่อหุ้มหัวใจ
ควรหยุดทำ งาน พักผ่อนทำสมาธิและสวดมนต์

21.00 น. – 23.00 น. เป็นเวลาของพลังงานรวม
ทำให้ร่าง กายอบอุ่นนอนหลับให้ร่างกายพักผ่อนเต็มที่

23.00 น. – 01.00 น. เป็นเวลาของถุงน้ำดี
นอนหลับ ให้สนิท (ถ้าไม่หลับช่วงนี้มีโอกาสเกิดโรคมากมายและร่างกายจะทรุดโทรมไว)

-------------------

รวม คติเตือนใจ



รวม คติเตือนใจ
* ใจดีมีแต่ให้ ใจไร้ชึงการให้คือใจยักใจมาร

* ตั้งใจสูงเกินไป มักทำให้ใจเราท้อแท้

* ความเข้าใจ คือหัวใจของการกระทำต่างๆ

* อยากสร้างความดี จะต้องมีขันติ ยอมรับคำติได้ ด้วยใจที่สงบได้ จะพบทางออกที่ดีๆ

* ชอบแต่คำชม ระวังจะขื่นขมในวันหน้า

* ดูชะตาชีวิตในวันหน้า ให้ดูความนึกคิดในวันนี้ทำดีแล้วหรือ

* คนเช่นไรก็มักคิดมักพูดไปในทางนั้น

* มีดีช่วยแบ่งปัน สร้างความสำพันร์ให้เหนียวแหน้น

* ดีไม่กลัว กลัวแต่ไม่ดี มีดีแต่ไม่กลัว กลัวแต่ไม่มีดีอะไรสักอย่าง

* เรียนที่โรงเรียนไหน ก็ไม่เท่าเรียนที่จิตใจของตน

* ยึดไว้ไม่วาง จ้างใครก็ช่วยไม่ได้ (นอกจากตน)

* รู้แล้วกับไม่ทำ รู้จำกับไม่ปฏิบัติ ก็ได้แต่ปริยัต ไม่เกิดผล

* สิ่งดีควรใช้ สิ่งที่ไร้ควรหลีก

* เที่ยวไปทั่ว ยังไม่รู้ทั่วถึงความคิดของตนเอง

* ไฟนั้นมันเผาตน แต่ยังกังวนที่จะไปดับที่ไหนกันเล่า

* เหตุ และผลย่อมที่จะปลนกัน เมื่อมีเหตุ ผลย่อมจะมีแน่

* กลัวลูกมันเหนื่อยตนเหนื่อย กลัวลูกมันตายตนจะตายก่อน

* ต้นไม้นั้นให้ชีวิต แต่คนยังคิดที่จะทำลาย

* เดินช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม
เดินอย่างงาม เดินตามแบบทำมะชาติตรง
เดินอย่างคนทะนง คงต้องเชิดหน้า
เดินอย่างมีปัญหา หน้ายุ่งให้เห็นกัน
เดินอย่างเห็นทุกวัน คือแทบพันกันเข้าด้วยขาทั้งสอง

* คิดได้แต่ไม่ดี ก็ยังดีได้แต่ไม่เคยคิด (แก้ไข)

* ผิดถูกนั้นสำคัญสไหน แม้ไม่นำไปปฏิขัติให้เกิดผล

* รู้ทำรู้คิดแต่สิ่งที่ดี ชีวีก็มีสุขได้

* รู้เท่าทันจิต ความคิดไม่วุ่นวาย รู้ถึงความตาย ย่อมคลายจากความยึดมั่น

* ไม่มีต้นไม้ กายคงยืนอยู่ไม่ได้นาน

* มีลมหายใจได้ เพราะใครให้อากาศบริสุทธิ์

* อย่ามัวหวังแต่คอยกำลังใจ ให้ทำไปด้วยใจที่มั่นคงจะไปกว่า
อย่ามัวหวังแต่คอยกำลังใจจากใคร เมื่อไม่ได้ย่อมจะเสียใจ และสิ้นกำลังที่จะเดินต่อ

* อยากรู้ให้ถาม อยากงามให้แต่ง อย่าแข็งไปด้วยมานะ ย่อมจะได้รับในสิ่งที่ดีๆ

* ยิ่งตามก็ยิ่งไกล ยิ่งเอาใจก็ยิ่งเสีย

* รู้รักรู้หลงคงไม่นั่งเศร้า รู้เค้าแต่ไม่รู้เราคงต้องเศร้าเป็นแน่

* อยากลืมแต่ไม่รู้กับยิ่งจำ รู้ทำย้ำคิดชีวีคงลืมได้

* เริ่มแรกคิดแหกก็คงเศร้า จะเอาได้จากที่ไหน

* มีน้ำใจใครๆก็รัก ใจที่หนักย่อมรักษาบุญไว้ได้

* คิดผิดคิดใหม่ คิดให้จะได้บุญ

* คิดทำเพื่อผู้อื่นวันคืนก็มีแต่สุข คิดทำเพื่อตนทุกข์นั้นจะล้นออกมาให้เห็น

* ให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะมารทั้งปวง (โดยเฉพาะมารที่อยู่ในจิตใจ)

* ศึกษาธรรมะชนะการศึกษาทั้งปวง

* คิดแต่ข้อดีของเค้า เราจะต้องหม่นหมอง ตรองตรม

* รู้แล้วอย่าลืมบอกเพื่อน เตือนแล้วอย่าลืมกระทำนะครับ

* อยากสอนคนอื่นให้สอนตนก่อน อยากให้คนอี่นรู้ และเข้าใจตนต้องรู้ก่อน

* พึงตนก็พ้นพัย พึงใจก็พ้นทุกข์

* พึงคนอื่นสุขก่อนผ่อนทุกข์ที่หลัง พึงตนทุกข์ก่อนสุขตามมาทีหลัง

* ได้ของดีแล้วมักช่า กินยาบ้ายิ่งช่ายิ่งบ้าไปใหญ่

* มีเงินน้อยก็ทุกข์ มีเงินมากก็ทุกข์ แล้วสุขนั้นอยู่ไหน (อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลอยู่ในจิตใจดวงนี้ไงครับ)

* ได้ของขังชีวิตพังมาก็มาก อยากได้ลาภจนลืมตัวกระทำผิด

* ของดีแท้นั้นย่อมเบาสบาย ของที่พาจิบหายนั้นย่อมที่จะหนักมาก (หนักทั้งกายหนักทั้งใจ)

* รักสาตัวรักสาใจนั้นยังยากแล้ว แล้วใยเล่าเฝ้าหาสิ่งมาเพิ่มให้หนักหนา
เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งระอา เมื่อรู้ว่าไม่ใช่สุขที่แท้เอ๋ย

* พูดดี คิดดี ทำดี ย่อมจะบังเกิดสิ่งดีขึ้น

* โชคอยู่ที่เรา อย่ามัวไปเฝ้าจากที่ไหนให้เหนื่อยเปล่า

* บวชด้วยปากพูดมันง่าย แต่บวชด้วยใจนั้นมันยากยิ่ง
พูดย่อมง่ายกว่ากระทำ รู้ธรรมนำชีวิตให้สดใส

* หากไม่รู้คิด ชีวิตต้องหมองม่น

* รู้เลือกรู้ทำ ย่อมทำให้ชีวิตนั้นสดใส

* เวลามีน้อย อย่ามัวเฝ้าหาแต่สิ่งที่ไร้สาระเลย

* จิตยังไม่แน่วแน่ ระวังจะแพ้กิเกสเอาง่ายๆ

* ได้มาแปล็บเดียวก็เบื่อ ไม่เชื่อก็ลองดูเถิด

* ฉลาดเพิ่มกิเลส ปัญญาลดกิเลส ฉลาดเพิ่มทุกข์ ปัญญาเพิ่มสุข

* หวังแต่สิ่งอื่นคนอื่น สักวันคงต้องกลืนน้ำตา

* ของดีนั้นหายาก เพราะลำบากมัวหากันแต่ภายนอก

* สิ่งดีมีแต่นำสุขมาให้ สิ่งจังไรนำแต่ภัยมาถึงตัว

* ยกเงินไว้ที่สูง เพื่อนฝูงแตกกระเจริง ยิ่งคิดว่าเงินเป็นที่พึง จึงละพึงชึงพระธรรมคำสอน

* มีเงินน้อยก็ทุกข์ มีเงินมากก็ทุกข์ แล้วสุขนั้นอยู่ที่ใด

* รู้ภัยไม่พกเงินมาก รู้ยากจน ต้องขยัน อดทน และประหยัด

* คนหลงเงิน ไม่ใช่เงินหลงคน คนไม่ดี ไม่ใช่เงินไม่ดี

* เงินจะดี เพราะรู้จักใช้ เงินจะบั่นไร เพราะใช้ไม่เป็น

* เขียนอยากให้เข้าใจ มิใช่เขียนไปเพื่อความเพิดเพลิน

* หนทางตรงกับไม่เดิน แต่กับชอบเดินทางที่เพิดเพินกันหนักหนา

* ผู้อิ่มย่อมรู้จักให้ ผู้ที่รู้จักจิตใจย่อมเข้าใจในความทุกข์ของผู้อื่น

* ให้ธรรมะเป็นทาน ไม่ควรคิดประมาณในผลบุญนั้นมีเท่าไหร่

* ด้วยใจที่สงบย่อมจะพบกับทางสว่าง หนทางคงยังยาวไกล หากไม่ใส่ใจในการปฏิบัติ

* สุขเพราะไม่ยึด เพราะยึดนั้นจึงทุกข์

* รู้หนักให้ปล่อยวาง รู้ทางให้รีบเดิน อย่ามัวแต่เมินเฉย เวลาเลยจะไม่ทัน

* อยากลืมคนรัก ให้ตะนักข้อเสียของเค้ามากๆ

* สุดยอดของเงินทอง คือวิชชาความรู้ สุดยอดของสัตตรูคือตัวเราเอง


* พูดเพราะเป็นหวง ไม่รักไม่หวง ไม่เอาบ้วงมาแขวนคอหรอกครับ

* ยิ่งใช้ก็ยิ่งกว้าง ยิ่งกว้างก็ยิ่งสงบ

* บัณฑิตไม่คิดถือสา คนมีปัญญารู้จักพิจาระณาดีชั่ว

* เรื่องไม่ดีนั้นเชื่อง่าย ยิ่งเป็นเรื่องการตายยิ่งเชื่อกันใหญ่

* ส่วนเรื่องดีนั้นเชื่อได้อยาก อยากลอง อยากพิสูตก่อนจึงจะเชื่อ

* เรื่องเพียงน้อยนิด เก็บไปคิดเป็นเรื่องใหญ่

* การมีธรรม และปฏิบัติ ย่อมที่จะขจัดความทุกข์ให้สิ้นไปได้

* อกุศลกรรมไม่ควรก่อ ที่ความก่อคืออุศลกรรมจะนำชีวิตให้เป็นสุข

* รู้เลือกรู้รักสา
รู้นำพาชีวิต
รู้คิดก่อนตัดสินใจ
รู้ไปตามทางที่ถูกต้อง
รู้มองทางไกล
รู้เรื่องอะไรไม่เท่ารู้เรื่องของกฏแห่งกรรม

* ใจดีย่อมยิ้มได้ง่าย ใจง่ายมักจะเจอทุกข์ภายหลัง

* อยากให้เค้าเป็น ตนเป็นก่อน
อยากให้เค้าดี ตนดีก่อน
อยากให้เค้าสุข ตนสุขก่อน
อยากให้เค้าทุกข์ ตนทุกข์ก่อน

* ทุกข์น้อยเพราะสละมาก ทุกข์มากเพราะสละน้อย

* ฝึกตนพ้นพัย ฝึกจิตใจพ้นทุกข์

* ทุกข์อยู่ที่ตัวเรา อย่าไปมัวเมาเฝ้าเพ่งแต่ผู้อื่น

* ทุกข์อยู่ที่ตน ตนเท่านั้นที่แก้ได้

* อย่าแพ้ในสิ่งที่ยังไม่ทำ อย่าจำแต่เรื่องที่ไร้สาระ อกุศลให้ละ อยากเป็นพระจะต้องใจดีๆ

* รักษาตัวพ้นจากโรคพัย รักษาใจพ้นจากทุกข์ ทุกข์นั้นอยู่ข้างใน ใช่ใครที่มัวหากันแต่ภายนอก

* ทำตัวดี ย่อมจะมีประโยชน์ หากมัวคิดแต่จะโกรธ โทษนั้นจะยิ่งมีมาก

* ทุกความเห็นย่อมมีความหมาย หากได้พินิพิจารณาให้ถี่ถ้วน

* บัณฑิตไม่คิดก่อเวรกรรม ย่อมกระทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์

* บัณฑิตมักแสวงหา คนมีปัญญามักนำพาไปหาแต่สิ่งที่ดีงาม

* บัณฑิตไม่คิดงก จะมิสร้างนรกให้เกิดขึ้นในดวงจิต

* รู้คิดรู้ฝัน รู้ลงมือทำถึงจะสำเร็จ

* สุดยอดของเงินทอง คือวิชชาความรู้ สุดยอดของสัตตรูคือตัวเราเอง

* พูดเพราะเป็นหวง ไม่รักไม่หวง ไม่เอาบ้วงมาแขวนคอหรอกครับ

* ยิ่งใช้ก็ยิ่งกว้าง ยิ่งกว้างก็ยิ่งสงบ

* บัณฑิตไม่คิดถือสา คนมีปัญญารู้จักพิจาระณาดีชั่ว

* เรื่องไม่ดีนั้นเชื่อง่าย ยิ่งเป็นเรื่องการตายยิ่งเชื่อกันใหญ่

* ส่วนเรื่องดีนั้นเชื่อได้อยาก อยากลอง อยากพิสูตก่อนจึงจะเชื่อ

* เรื่องเพียงน้อยนิด เก็บไปคิดเป็นเรื่องใหญ่

* การมีธรรม และปฏิบัติ ย่อมที่จะขจัดความทุกข์ให้สิ้นไปได้

* อกุศลกรรมไม่ควรก่อ ที่ความก่อคืออุศลกรรมจะนำชีวิตให้เป็นสุข

* รู้เลือกรู้รักสา
รู้นำพาชีวิต
รู้คิดก่อนตัดสินใจ
รู้ไปตามทางที่ถูกต้อง
รู้มองทางไกล
รู้เรื่องอะไรไม่เท่ารู้เรื่องของกฏแห่งกรรม

* ใจดีย่อมยิ้มได้ง่าย ใจง่ายมักจะเจอทุกข์ภายหลัง

* อยากให้เค้าเป็น ตนเป็นก่อน
อยากให้เค้าดี ตนดีก่อน
อยากให้เค้าสุข ตนสุขก่อน
อยากให้เค้าทุกข์ ตนทุกข์ก่อน

* ทุกข์น้อยเพราะสละมาก ทุกข์มากเพราะสละน้อย

* ฝึกตนพ้นพัย ฝึกจิตใจพ้นทุกข์

* ทุกข์อยู่ที่ตัวเรา อย่าไปมัวเมาเฝ้าเพ่งแต่ผู้อื่น

* ทุกข์อยู่ที่ตน ตนเท่านั้นที่แก้ได้

* อย่าแพ้ในสิ่งที่ยังไม่ทำ อย่าจำแต่เรื่องที่ไร้สาระ อกุศลให้ละ อยากเป็นพระจะต้องใจดีๆ

* รักษาตัวพ้นจากโรคพัย รักษาใจพ้นจากทุกข์ ทุกข์นั้นอยู่ข้างใน ใช่ใครที่มัวหากันแต่ภายนอก

* ทำตัวดี ย่อมจะมีประโยชน์ หากมัวคิดแต่จะโกรธ โทษนั้นจะยิ่งมีมาก

* ทุกความเห็นย่อมมีความหมาย หากได้พินิพิจารณาให้ถี่ถ้วน

* บัณฑิตไม่คิดก่อเวรกรรม ย่อมกระทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์

* บัณฑิตมักแสวงหา คนมีปัญญามักนำพาไปหาแต่สิ่งที่ดีงาม

* บัณฑิตไม่คิดงก จะมิสร้างนรกให้เกิดขึ้นในดวงจิต

* รู้คิดรู้ฝัน รู้ลงมือทำถึงจะสำเร็จ

* ใจง่ายเสียตัว ใจกลัวๆทำอะไรมักไม่ถูก

* สิ่งที่เห็นอาจไม่จริง สิ่งที่คิดอาจไม่ใช่ ต้องใช้วิจารนะยานครับ

* พบ พราก จาก ลา เป็นทำมะดาของโลกครับ

* ยิ่งงามก็ยิ่งเผ็ด แต่ว่ายิ่งเผ็ดก็ยิ่งชอบ ออแปลกดี

* ดูให้ดีๆ อย่าให้ความหลงบังตาจนมองไม่เห็น

* เมตตาพาให้เรียนรู้
เมตตาพาให้ตนได้ฝึกฝน
เมตตาพาให้เกิดสันติสุข
เมตตาพาให้ใจสงบ
เมตตาพาให้เกิดปัญญา
เมตตาพาให้เกิดวิริยะ
เมตตาพาให้เกิดขันติ
เมตตาพาสัทจะ
เมตตาพาให้เกิดอธิฐาน
เมตตาพาให้ใจเป็นสุข
เมตตาพาให้เกิดอุเบกขา
เมตตาพาให้พ้นทุกข์

* ผู้เก่งธรรมย่อมนำความสุขมาสู่ประชา และอ่อนน้อมถ่อมตนเสมอ
ผู้เก่งทางโลก มักอวดองทนงตัว ยกตนข่มท่าน

* สิ่งดีนั้นควรเก็บไว้ สิ่งจั่งไรให้วางเสีย

* ชีวิตเปรียบเหมือนเดินอยู่บนเส้นด้าย จะต้องค่อยๆยับย้ายไปอย่างละมัดละวังที่สุด

* ความสุขคือการปล่อยวาง
ความสุขคือการชนะความอยาก
ความสุขคือความสงบ
ความสุขคือความโล่งโป่งเบาสบาย
ความสุขเกิดจากการได้เรียนรู้ธรรมชาติว่าเป็นอย่างไร
ความสุขคือการให้
ความสุขคือการได้ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น
ความสุขคือการระชั่ว กระทำแต่ความดี
ความสุขคือการไม่ยึดมั้นถือมั้น
ความสุขคือการได้ให้อภัย
ความสุขคือการไม่โกรร เกลียด ชิงชัง อิจฉาริษยา จองเวร
ความสุขคือการไม่โลภ อยากได้สิ่งของที่เป็นของคนอื่น
ความสุขคือการมีสันธ ความพอใจในสิ่งที่ตนเองมี

* จิตสงบย่อมพบกับสิ่งที่สดใส จิตที่เหลวไหลไพนั้นย่อมเกิดมี
สิ่งที่ดีนั้นจะไม่ไกลพ้น หากเดินตามทางสายกลางที่พระพุทธเจ้ามอบให้


* รู้ตัวพ้นทุกข์ ไม่รู้ตัวทุกข์ล้น

* สละสิ่งที่ไม่สำคัญ เพื่อสิ่งที่สำคัญกว่า สละสิ่งที่สำคัญน้อย เพื่อสิ่งที่สำคัญมาก

* ของดีอยู่ในตัว อย่ามัวแต่ไปหาภายนอกเลย

* คิดก่อนทำ ย้ำก่อนตัดสินใจ

* ใช้ชีวิตแบบไร้สาระ แล้วจะละความชั่วได้อย่างไร

* สุขได้เพราะตน พ้นได้เพราะรู้ และปฎิบัติ

* ทำดีมักสงสัยจั่ง ทีทำชั่วไม่ยักกะสงสัยอย่างนี้บ้างหนอ

* ทำดีนั้นมัวแต่คิดอาย ทำชั่วไม่เห็นจะอายมั้งล่ะ

* ความสุขแค่น้อยนิด อย่าได้คิดทำกรรมชั่ว

* สิ่งดีๆมักไม่ยึด มักยึดแต่สิ่งที่ไม่ดีชีวีต้องหมองหม่น

* เวลาจะมีมาก ถ้าไม่อยากในสิ่งที่ไร้สาระ
เวลาจะมีมาก ถ้ารู้อยากในสิ่งที่เป็นประโยชน์
เวลาจะมีค่า ถ้าว่าสิ่งไหนดี และเลือกทำ

* จิตที่สงบย่อมเป็นสุข จิตที่มักสนุกย่อมพบกับความวุ้นวาย

* มองให้เป็น เห็นประโยชน์ทั้งสองอย่าง
มองอย่างผู้รู้ คือรู้ทั้งดี และชั่วเอาไว้เป็นแบบ พร้อมเตือนตน

* มองเป็นเห็นประโยชน์ มองไม่เป็นเห็นแต่โทษ
มองเป้นย่อมยั่งมิตให้ยืน ขืนมองแต่สิ่งที่ไม่ดี ไมตรีก็จางหาย
มองให้เห็นหลายแง่ ถึงจะแก้ความวิตกกังวนได้
หันกับมามองกายกับใจเรา เฝ้าระวังไม่ให้เกิดอกุศลแล้วหรือ

* รู้จิตรู้ใจเค้า ยังไม่เท่ากับรู้ใจตนเอง

* เมื่อรู้เรา เค้านั้นก็เช่นเดียวกัน

* จิตใจดีย่อมมีเมตตา จิตใจริษยาพาให้เกิดทุกข์

* สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวมักมองไม่เห็น มักจะเห็นแต่สิ่งที่ไกลตัวมากกว่า

* อยากได้ให้ไป อยากเข้าใจให้ถาม

* สิ่งดีๆยังมีอีกมาก หากไม่ให้ตัวมานะมีเป็นตัวกลั้น

* รู้มากเค้าไม่ว่าดี แต่มั่งมีเค้ามักว่าดีเสมอ

* ยอมรับความผิด จึงคิดเปลี่ยนแปลงตน

* ถ้ารู้ทำไมทำไม่ได้ แต่เมื่อเอาให้ทำเหมือนรู้

* สิ่งที่คิดว่าง่ายมันยากก็มี สิ่งที่คิดว่ายากมันง่ายก็มี

* สิ่งที่ได้มาง่ายมักไม่ยั้งยืน สิ่งที่ยั้งยืนมักจะเสียแรงเสียเหงื่อมาก

* ไม่ลองก็ไม่รู้ ไม่ดูก็ไม่เห็น ไม่ทำหรือจะเป็น รู้เห็นเป็นเช่นไรเล่า ต้องให้เจ้าพิสูธดู

* วันนี้วันพระ แล้วท่านได้ละสิ่งที่ไม่ดีออกจากใจแล้วหรือยัง

* ใจที่สงบย่อมจะพบกับความสุข ใจที่มักสนุกย่อมพบกับความวุ้นวาย

* แต่งความดีกันวันละนิด ชีวิตจะได้ชืนบาน

* จ่ายให้น้อยหน่อย ชีวิตจะไม่ลำบาก

* ดีไม่กลัว กลัวแต่ไม่ดี

* มีน้อยก็ใช้น้อย มีมากก็ใช้มาก ไม่มีแล้วจะเอาที่ไหนมาใช้เล่า

* ดีนั้นชอบช่วยเหลือ ใจเสือนั้นชอบขูดรีด


* อยากให้แต่พ่อแม่เห็นใจ แล้วเราเคยเห็นใจท่านมั้ย

* ชีวิตจะเป็นพิษ เพราะความคิดไม่เป็นประโยชน์

* รู้ดีไม่เท่าทำดี ทำดีไม่เท่าใจดี ใจดีไม่เท่าใจที่สงบ และมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

* ทางดีไม่ชอบเดิน ทางที่เพิดเพลินชอบเดินดีๆ

* จะจนหรือลวย สุดท้ายต้องม้วยมรนาเหมือนกันนั้นแหละ

* มีสองดีกว่ามีหนึ่ง ถ้ามีสองไม่สามัคคีมีหนึ่งดีกว่าแน่

* โลกร้อนเพราะใจคนมันร้อน โลกจะสงบเย็นได้ ใจคนจะต้องเย็นสงบ

* ต้นไม้เป็นบ่อเกิดของอาหาร และยา ความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นบ่อเกิดของปัญญา และความสงบสุข

* ลูกคือดวงใจของพ่อแม่ แล้วพ่อแม่คืออะไรหนอของลูกรัก

* ต้นไม้ไม่มีคนมีชีวิตอยู่ได้ แต่คนไม่มีต้นไม้จะมีชีวิตอยู่ได้มั้ย
ต้นไม้คือผู้ให้ชีวิตแก่คน แต่คนกับตอบแทนด้วยการตัดไม้ทำลายป่าหนอ

* เป็นลูกไม่ควรผลานพ่อแม่ เป็นเฒ่าแก่ไม่ควรข่มเหงลูกน้อง

* รู้เลือกรู้คิด จิตก็เบิกบาน รู้จักให้ทาน ความเบิกบานยิ่งเพิ่มล้น


* ชีวิตมีแต่รับก็นับว่าเสื่อมมาก
ชีวิตมีแต่ให้ก็ไร้ชึงความสมดุล
ชีวิดเจริญจะต้องไม่เพิดเพินทั้งการให้ และการรับ

* เวลาอยู่ที่ใจ ถ้าอยากจะต้องมีแน่

* สิ่งดีๆยังมีอีกเยอะ อย่าได้เอาสิ่งเปอะเพียงนิดเดีวยมาปิดกลั้นไว้

* หัวใจจะเป็นธรรม เพราะไม่กระทำโดยความรำเอียง

* ชีวิตมีน้อยนิด อย่าได้คิดสร้างกรรมชั่วเลย

* เกิดมาเป็นคน ถึงจะจนก็ยังดีกว่าสัด

* ได้ดีอย่าลึมตน ได้เกิดเป็นคนอย่าลืมทำความดี

* ความไม่เคยเกิดจากไม่ทำ ความไม่จำเกิดจากไม่ท่อง และทำให้เป็นนิสัย

* คนที่อ่อนน้อม ย่อมพร้อมที่จะเป็นฝ่ายรับที่ดีได้เสมอ

* มองโลกในสองแง่ ความจริงแท้ก็จะบังเกิด

* คิดอยากแต่มั่งมี ความดีก็เริ่มหาย คิดอยากแต่สบาย ร่างกายก็เริ่มอ่อนแอ

* อารมณ์อยู่เหนือจิต มีแต่ทุกข์
จิตอยู่เหนืออารมณ์ จึงมีสุบได้

* บัณฑิตไม่คิดทำร้าย ถึงจะถูกให้ร้ายก็ไม่หมายจะเอาคืน

* สิ่งใดไม่เรียนรู้จริง ก็ยากอยู่ที่จะละได้
สิ่งใดไม่เรียนรู้จริง ก็ยากยิ่งที่จะเข้าใจ
สิ่งใดไม่ได้สำผัส ก็ยากยิ่งที่จะรู้สึกได้


* มีสองดีกว่ามีหนึ่ง มีสองหากไม่สามักคีมีหนึ่งยังจะดีกว่า

* รู้มากนั้นมากหลง หลงมากนั้นมักมืด

* อยากรู้ให้ทดลอง อยากช้ำชองต้องทำเรื้อยๆ

* รู้คัดในสิ่งที่ดี
รู้เลือกในสิ่งที่ถูกต้อง
รู้ไม่ข้องกับสิ่งเสพติด
รู้ปฏิเสธในการทำชั่ว
รู้ตัวไม่หลงตัวเอง
รู้ตัวไม่ข่มเหงคนอื่น
รู้จักฝืนใจตน ให้พ้นจากอำนาจกิเลส


* ไม่ว่าอะไร เมื่อไม่สนใจย่อมจะคิดว่าไม่มีเวลา

*รู้ให้รู้รับ ถึงนับว่าเป็นบัณฑิตบัณฑิตควรคิดการไกล คนจังไรคิดแค่ใกล้นิดเดีวย

* คนที่มักสนุก เลยต้องคลุกเค้ากับเหล้าเบียร์
ถ้าได้ดื่มเบียร์ ต้องเสียทรัพย์อัพทั้งปัญญา
แล้วยังนำมา ชึงชะตาที่เสื่อมถอยด้อยด้วยกิเลสหนาปัญญาเสื่อม

* รู้มากไม่ทำ มักจะทำให้ตนหลง
รู้น้อยแต่คิดทำ มักจะทำผิดพลาด
รู้มากแล้วทำ ย่อมที่จะเกิดผล

* สร้างความกล้าให้กับตัวสักนิด เพื่อพิชิดความกลัวให้จางไป

*สิ่งที่ไม่รู้บางทีอยู่แค่เอื้อม ถ้าไม่เสื่อมจากทางสายกลาง


* สิ่งที่ไม่เข้าใจยังมีอีกมาก สิ่งที่อยากรู้ยังมีอีกเยอะครับ
แต่ในสิ่งที่มากและเยอะนั้น แต่หาสิ่งที่มีคุณค่านั้นมีน้อยนัก

* รู้ต้องรู้แจ้ง แทงตลอด
รู้ต้องรู้แน่ ใช่แต่ว่าท่าทีเหลว
รู้ต้องเผื่อแผ่ ใช่แต่ แพ้ความตะหนี่
รู้ๆดีแต่ไม่ทำ ต้องช้ำใจในภายหลัง

* งามนอกดูดี แต่มีค่าน้อย งามในไม่ค่อยดู แต่อยู่คู่กันได้นาน

* ไม่ให้ก็ไม่รู้ ไม่ลองอยู่กับสัดก็ไม่เห็น อยากเป็นคนมีเมตตา จะต้องค้นหา และปฏิบัติธรรม

* อยากรู้ให้ถาม อยากงามให้แต่ง อยากแบ่งอยากให้ ต้องรู้ใช้รู้ประหยัด

* ชีวิตคือการเรียนรู้ รู้เรียนรู้ศึกษานำพาชีวิตไปสู่ฝั่งพระนิพพาน

* รู้ดีรู้ชั่ว รู้ตัวรู้ตื่น วันคืนล่วงไปๆ ใครจะช่วยเจ้าได้หนอ

*เหตุ และผล คงต้องค้นคิดพิจาราณาด้วยปัญญาทุกปัญหามีทางแก้ ถ้าไม่แพ้คิดถอยก่อน คงได้ดี

* รู้แล้วเปลี่ยน เรียนแล้วนำไปใช้ ฝึกหัดให้ได้ ใช้ให้เป็นก็จะเห็นผล

* สอนตนให้รู้ฝืนใจ
สอนตนให้ทำสิ่งที่เป็นกุสล
สอนตนให้พ้นจากอบาย
สอนตนให้คลายจากความยึดมั้นถือมั้นในตัวตน
สอนตนเพื่อความหลุดพ้นแห่งวัฏสงสาร

* ผู้ให้ย่อมจะได้มิต ผู้คุ้นคิดย่อมที่จะได้ปัญญา

* สอนตนรู้ผลของกรรมดี สอนตนอย่าได้มีจิตริษษา

* ปัญหา ก็คือ ปัญญา ปัญญา คู่มา กับปัญหา

* ยิ้มได้เพราะใจผ่องใส คนมักใหญ่ใจนั้น จะขุ่นมัว

*ชีวิตจะมืดมิดอยู่ ถ้าไม่รู้ว่าหลงตัว ชีวิตจะเมามัว เพราะตัวหลงครอบคุมอยู่

* รู้ตัวนั้นแหละดี รู้ว่า ไม่ดีจึงแก้ไขตัว ไม่ให้คิดชั่วทำชั่ว แล้วตัวก็จะสดใสเอง

* เริ่มวันนี้ได้วันนี้ เริ่มพรุ่งนี้ก็ได้พรุ่งนี้ เมื่อมีโอกาศ อย่าได้ประมาด เพราะเป็นหนทางแห่งความตาย

* คนขี้เกลียดมักจะเบียดเบียนผู้อื่น คนที่ฝืน และเพียนนั้นย่อมจะทำสำเร็จ

* รู้เข็ดรู้จำ รู้ไม่ทำช้ำรู้สำนึกผิด คิดเปลี่ยนแปลงแก้ไข ชีวิตจะได้สดใส และเป็นสุขได้

*หากท่านไม่พูดแล้วใครจะรู้ได้ คนที่รู้ได้นั้นก็คือผู้ที่ถึงที่สุดแห่งธรรมแล้ว

*เพราะความมักได้เพียงน้อยนิด ชีวิตเลยต้องอัปเฉา
เพราะความมักได้ของฟรี ก็เลยต้องมีแต่เรื่องทุกข์
เพราะคิดว่าเป็นทางสุข ทุกข์นั้นจึงประจักให้เห็น

*อิจฉาตาร้อน เร้าร้อนไปทั้งตัว
เพราะเหตุกลัว กลัวเขาได้เขาดีไปกว่าตน
เพราะความร้อนรน เฝ้าเผาตนต้องดิ้นรนจะเบียดเบียน
ใช้คำพูดคำด่าเพื่อติเตียน เพียนเพื่อชนะคนอื่นก็เป็นพอ

* อิจฉาตาร้อน เร้าร้อนไปทั้งตัว
เพราะเหตุกลัว กลัวเขาได้เขาดีไปกว่าตน
เพราะความร้อนรน เฝ้าเผาตนต้องดิ้นรนจะเบียดเบียน
ใช้คำพูดคำด่าเพื่อติเตียน เพียนเพื่อชนะคนอื่นก็เป็นพอ

*ดีน้อย เสียมาก อย่าต้องลำบากแบกหาบเลย ให้ละว่างและเมินเสย ใยเล่าเลยจะเกิดทุกข์ให้เห็นกัน

* สิ่งที่ดีๆนั้นควรจำ แล้วนำไปปฏิบัติให้เกิดผล
อย่ามัวแต่เฝ้าจับผิดแต่คน ทางหลุดพ้นคือความดี
แสงสีสวยนั้นขาวดี เป็นแสงนำทางสู่ทางสว่าง สอาด สงบ

* ความดีใยเราเจ้าต้องกลัว สิ่งที่ควรกลัวนั้นก็คือ ใจตัวคิดทำบาปมากกว่าครับ

* ฝึนตนพ้นภัย ฝึนใจพ้นทุกข์ เมื่อเจอทุกข์ ย่อมจะชุกหาที่เพิ่ง

*ทำดีนั้นมันยาก มักมากนั้นมันง่าย จะทำให้กิเลสสลาย จะต้องฝึกทั้งกายฝึกทั้งใจ
คอยจ้องแต่จับผิด คิดแต่เรื่องชั่ว มั่วแต่สิ่งที่ไม่ดี ชีวีก็มีแต่ทุกข์

*กินเพื่ออยู่ ตน และผู้อื่นไม่เดือดร้อน อยู่เพื่อกิน ชีวิตตน และผู้อื่นต้องร้อนยิ่ง

* ใช้อย่างผู้รู้คิด ชีวิตมีความหมาย ชีวิตจะอันตราย ก็หญิงชาย รู้แต่ใช้

*ความรู้อยู่ที่ปาก ถ้าอยาก ก็ใช้ปากเป็นทางเพื่อรู้

*จงดูให้เห็นเป็นเช่นกับครู แล้วเฝ้าดูให้เห็นเปลี่ยนให้เป็นประโยชน์
แล้วคุณก็จะไม่เกิดความโกรธ แล้วหลงไปโทษแต่ตัวเขาครับ

*พูดมากก็ย่อมที่จะผิดมาก มักมากก็ย่อมที่จะทุกข์มากครับ

* รู้จักเลือกรู้จักคิด จะนำพาชีวิตให้สดใส

* ชีวิตอยู่ได้ด้วยความเปลี่ยนแปลง หากไร้ชึงการเปลี่ยนแปลงแล้วจะอยู่ไม่ได้

* อยากได้ลูกดี ตนเองต้องดีก่อน อยากให้คนอื่นดี เราก็ต้องดีก่อน

* ความอยากนั้นไม่มีวันจบ หากไม่รบกับกิเลสให้ดับกันไปข้างหนึ่ง

* ได้มาเดียวก็เบื่อ ไม่เชื่อก็ตรองดูอดีต มีอะไรทำให้พอใจได้นานไหม

* ใจคับ โลกมันแคบ ใจไม่แคบโลกมันกว้าง

* กำไว้มันเหนื่อย เมื่อยนักก็ปล่อยวางเสียบ้างจะได้รู้สึกดี

* คิดว่าเค้าเป็นครู สอนทั้งดีชั่วให้รู้จัก

* ยามกินยังรู้จักเลือก ยามเห็นทำไมไม่รู้จักเลือกหนอ

* สิ่งที่ล้ำค่าอีกสิ่งหนึ่ง นั้นก็คือบทเรียของชีวิต

* ทุกข์เกิดจากตัวเรา ให้เข้าไปดู และแก้ไขไพนั้นก็จะลด และหมดลงในที่สุด

* ชีวิตไม่สดุด หรือตำความทุกข์เข้าอย่างจั่ง ชีวิตก็ยังหลงระเริงอยู่เป็นแน่แท้

* เชื่อไม่ควรเฉย ไม่เชื่อไม่ควรละเลย และกล่าวหา

* คำว่าไม่เคย เพราะไม่ทำจะเคยได้อย่างไร
คำว่าไม่เป็น เพราะไม่ทำได้อย่างไร
คำว่าไม่เห็น เพราะไม่ทำ ไม่ปฏิบัติจริงจัง และถึงทีจะเห็นได้อย่างไร
ทุกคำที่กล่าวๆเพราะไม่รู้ เป็นเพียงแค่คำแก้ตัวเพื่อหลบหลีกปัญหา

* ย้ำทำย้ำคิด ทำสิ่งที่เป็นกศล ผลบุญจะได้เต็มไวๆ

* อยากรู้ควรตามไปดู ไม่ควรอยู่ และนิงเฉย เวลาจะนั้นย่อมล่วง และไม่เคยคิดคอยใคร

* ไปทางตรงใช่ว่าลัด ไปทางอ้อมใช่เหลวไหลชะเมื่อไหร่

* มีน้อยก็ว่าไม่มี มีมีมากก็ว่าไม่มี แล้วคุณคิดว่ามีเท่าไหร่นั้นถึงจะพอ

* ความท้อแท้ ทำให้แพ้เอาง่ายๆ

* เดินสายกลาง เป็นทางสายเอก

* คิดไม่ตก อย่าเก็บรถไว้ในใจ มีอะไร ค่อยๆเปิดใจปรึกษากัน

* ความคิดเป็นบ่อเกิดของการกระทำ ความคิดนำการกระทำจึงเกิด ความคิดประเสิถย่อมเกิดความสุขตามมา

ร้ายเพราะความโลภ
ร้ายเพราะอวิชชา
ร้ายเพราะหว่ง
ร้ายเพราะหลง
ร้ายเพราะหึง
ร้ายเพราะเกลียดชัง
ร้ายเพราะอิจฉา ริษยา
ร้ายเพราะอยากได้ อยากครอบครอง
ร้ายเพราะรัก

♣ เติมชีวิต .. ด้วยรัก ♣



หลายครั้งหลายหนที่เราเจ็บปวดเพราะรัก...เพราะรักเป็นทุกข์ นั้นหรือ...


หากมองให้ดี ๆ รักอาจจะไม่เป็นตัวกำหนดทุกข์นั้นได้.. แต่เป็นการคาดหวังจากฝ่ายหนึ่งมากกว่า...ลองย้อนถามตัวเองซิว่า "ทุก ๆ ครั้งที่เราร้องไห้ เราผิดหวัง เป็นเพราะเรารักเขาหรือเป็นเพราะว่า เขาไม่รักเรามากอย่างที่เราต้องการกันแน่"

ความรักไม่เคยทำร้ายใคร... แต่เป็นความคาดหวังจากความรักนั้นมากเกินไป... ความ รักที่เราคาดหวังมากจะย้อนกลับมาทำร้ายเราทุกครั้งที่เราคาดหวังสูงเกินไป..




ไม่มีใครใน โลกที่สามารถเป็นอย่างเจ้าชาย...เจ้าหญิงในฝันของเราได้... การเรียกร้องจากอีกฝ่ายรังแต่จะทำให้เจ็บปวดกันทั้งคู่... เมื่อใดที่รู้สึกท้อแท้หรือหมดกำลังใจ...จากการร้องหาความรักจากผู้อื่น ...

ลองมองย้อนกลับมาที่ตัวเราเอง... แล้วลองสร้างความรักให้เกิดขึ้นภายในของตัวเองดูบ้าง...

ไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายได้รับอยู่ ตลอดเวลา ... ความรักภายในตัวของตัวเอง...ไม่ต้องใช้เงินใช้ทองซื้อมา... หากแต่ก่อขึ้นมาง่าย ๆ ...และมีล้นเหลือมากพอที่จะแบ่งปันให้ผู้อื่น... โดยไม่จำเป็นต้องคาดหวังจะได้สิ่งตอบแทนมา ...




เมื่อใดที่ รักใครสักคน...ลองให้ความรักแก่เขาเท่าที่เราจะทำได้... โดยไม่ต้องคาดหวังถึงสิ่งที่จะได้รับกลับมา ไม่จำเป็นเลยที่เรียกร้องให้เขารักเราตราบเท่าเทียมที่เรารักเขา... เพียงแค่แบ่งปันรักในใจเท่านั้น... เราก็จะสัมผัสจากคำว่าความสุขจากความรัก...จากการให้อย่างแท้จริง



นอกจาก นี้เราจะสามารถควบคุมความสุขของตัวเองให้อยู่ในมือของตัวเองได้... ไม่จำเป็นต้องให้ความสุขของเราอยู่ในมือของคนอื่นที่แล้ว ๆ มา... เพราะเขาเองเป็นบ่อเกิดของความรัก... เป็นคนให้ มิได้เป็นฝ่ายรับ.. และยิ่งให้มากเท่าไร...เราก็ยิ่งได้ความรักกลับคืนมากเท่านั้น...




เมื่อเราบริสุทธิ์ใจที่จะให้รักกับใครก็ตาม...อีกฝ่ายก็จะรู้สึกสบายใจที่จะ ให้รักแก่เรา... โดยไม่ต้องคำนึงว่าเราต้องการอะไรตอบแทนจากเขากันแน่...



แต่สิ่ง ที่สำคัญที่สุด...คือ... ความรักและการให้เป็นบ่อเกิดของความสุขได้ด้วยตัวของมันเอง ... ไม่จำเป็นต้องใช้ใครก็ตามเป็นคนสร้างความสุขให้เราอีกแล้ว... เพราะทั้งความรักและความสุขทั้งหมด...มันอยู่ที่เรานั่นเอง...

ถ้าท้อเป็นเพียงถ่าน ถ้าผ่านจึงเป็นเพชร


ถ้าท้อเป็นเพียงถ่าน ถ้าผ่านจึงเป็นเพชร


เพชรมีค่ามากกว่าถ่านหลายล้านเท่า
ทั้ง ๆ ที่เพชรเป็นธาตุคาร์บอนเหมือนกัน
ไม้ผ่านการอบการเผา ไม่นานก็กลายเป็นถ่าน
แต่เพชรผ่านความร้อน ไม่ต่ำกว่า 5,000 องศาฟาเรนไฮน์
ได้รับความกดดันมากกว่า 1 ล้านปอนด์ต่อตารางนิ้ว
ด้วยระยะเวลาอันยาวนาน จนกระทั่งกลายเป็นเพชร
เพชรที่เป็นเครื่องประดับอันงดงาม
พร้อม ๆ กับเป็นของที่มีความแข็งมากที่สุดในโลก

ถ้าท่านกำลังได้รับความกดดันอยู่ จงอดทน จงอดทน
ถ้าท่านกำลังถูกเคี่ยวถูกสับอยู่ ให้คิดว่าเพียงแค่นิ้ว
จะทำให้เป้าหมายเราสั่นคลอนได้หรือ ?
ถ้าสถานการณ์กำลังบีบคั้น แสดงว่าชัยชนะกำลังรออยู่ข้างหน้า
ถ้ายังถูกโหมกระหน่ำอีกให้รู้ตัวว่า
ท่านกำลังใกล้จะเป็นเพชรเต็มที่แล้ว....

ในสถานการณ์เช่นนี้ หากหยุดคิดพิจารณาอย่างมีสติ
ย่อมจะเกิดปัญญาพบหนทางสว่างได้เสมอ
จงมุ่งมั่นอาจหาญสง่างาม เสมือนดั่งเพชร
แม้เพชรจะตกอยู่ในสภาวะทุกข์ยากลำบาก อ้างว้างและโดดเดี่ยว
แต่เพราะเพชรไม่เคยย่อท้อต่อสู้เรื่อยไป
ให้ถือว่าทุกอย่างเป็นบทเรียนและบทฝึกตัวเองเสมอ จนกาลเวลาผ่านไป
เพชรจึงภูมิใจในตัวของมันเอง และด้วยความอดทนถึงที่สุดนั่นเอง
เพชรจึงเป็นอัญมณีล้ำค่า ควรแก่การประดับมงกุฎของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่
จากอดีต.... ปัจจุบัน....ตลอดไปในอนาคต

เพชรแท้ ย่อมไม่กลัวการพิสูจน์


♣ เขาคือคนที่เราควรอยู่ด้วย แน่แล้วหรือ ? ♣



ถ้า กำลังรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้เราและเขาทะเลาะกันเป็นประจำ และการสื่อสารล่มสลายอย่างหนัก ดังนั้นคงต้องถามตัวเองด้วยคำถามสำคัญเหล่านี้ว่า ความสัมพันธ์นี้คุ้มค่าพอที่จะเก็บรักษาเอาไว้หรือไม่


มากพอที่จะลองพยายามคืนชีวิตชีวาให้ชีวิต เซ็กส์หรือเปล่า บางครั้งเซ็กส์ไม่เวิร์คเพราะปัญหาที่หนักหนาสาหัส นั่นคือเราและเขาเข้ากันไม่ได้เอาซะเลย ลองถามตัวเองดูสิว่า มันคุ้มไหมที่จะเยียวยาชีวิตเซ็กส์ของเราโดยด่วน ถ้าคำตอบคือไม่...ก็อาจถึงเวลาโบกมือลาเสียที



1.เขาเป็น เพื่อนหรือเปล่า
เราเลือกอยู่กับคนที่เราจะไม่คบเป็น เพื่อนหรือเปล่า ที่น่าแปลกใจคือมีคนจำนวนหนึ่งที่ทำแบบนี้ ลองหยุดคิดถึงประเด็นนี้สักนิดไม่แน่ว่ามันอาจช่วยไม่ให้ปวดใจและเปลืองเวลา ในชีวิตมากไปกว่านี้ ตามปกติคนเรามักมีสเปคเอาไว้ในหัวแล้วจึงมองหาสิ่งที่พอไปได้กับไอเดียที่ คิดเอาไว้ ผู้ชายมักเลือกผู้หญิงที่สวยเริ่ดสุดๆแต่อารมณ์แปรปรวนและเข้ากับเพื่อน ผู้หญิง (ที่นิสัยน่ารัก) ของตัวเองไม่ได้เลย ส่วนผู้หญิงอาจจะเลือกผู้ชายกำยำล่ำบึกดูแมนแต่ดูแลเธอไม่ดี ในขณะที่มีเพื่อนผู้ชายเป็นพวกจ้อไม่หยุด แล้วรู้อะไรไหมคะ เวลามีปัญหากับแฟน แทนที่จะพูดกันตรงๆ ทั้งผู้หญิงและผู้ชายจะนำเรื่องคับข้องใจมาถกกับเพื่อนฝูงมากกว่า เพราะความที่เข้ากันได้ไงคะ เวลาทะเลาะกับแฟนสาวก็ยังมีผู้ชายที่โทรมาปรับทุกข์กับเพื่อนหญิงซึ่ง ปลอดภัย ที่จะคุยด้วยได้



2.เขาทำให้ ชีวิตเราดีขึ้นหรือเปล่า
นี่คือคำถามง่ายๆอีกหนึ่งคำ ถามที่คนมักละเลยไม่ใส่ใจเวลาที่รีบร้อนมีคู่รัก ในยามที่เป็นโสดเราไม่ต้องตอบคำถามนี้กับใคร ไม่ว่าอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น การเลือกอยู่กับคนผิดคือการเสียเวลาในชีวิตอย่างมหาศาล เพราะคนที่เราอยู่ด้วยควรทำให้เรารู้สึกเป็นอิสระ ไม่มีอะไรวิเศษเยี่ยงนี้อีกแล้ว และอีกคำถามที่ควรถามตัวเองคือ อยู่กับเขาแล้วเราสนุกมีความสุขไหม รีบถามตัวเองเสียแต่เดี๋ยวนี้ เพราะต่อไปภายภาคหน้าช่วงโปรโมชั่นก็จะหมดไป คนน่ะเปลี่ยนแน่อยู่แล้วแต่บรรยากาศในความสัมพันธ์ละเปลี่ยนไปหรือเปล่า ของแบบนี้ไม่ได้เปลี่ยนปุบปับในวันสองวัน มันต้องใช้เวลาถึงจะมองเห็น ถ้าตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองระทมทุกข์อยู่ละก็ ลองนั่งลงเผชิญหน้ากับมัน อย่าละเลยเมินเฉย จัดการคุยกับอีกฝ่ายดีกว่าค่ะ



3.เราไว้ใจเขา ได้ไหม
ถ้าไว้ใจได้ก็วิเศษไปเลยค่ะ เพราะความไว้ใจคือรากฐานที่สำคัญของความสัมพันธ์อันสมบูรณ์แข็งแรง และยังเกี่ยวเนื่องไปถึงเซ็กส์เยี่ยมๆอีกด้วย แต่ถ้าคำตอบคือ ไม่ ก่อนอื่นต้องพิจารณาว่าใครเป็นฝ่ายไม่ไว้ใจใคร เราเป็นคนขี้หึงหรือเปล่า อารมณ์เก่าๆในอดีตยังตามมาหลอกหลอนหรือไม่ เราเป็นคนขี้ระแวงหรือเปล่า บางครั้งเขาพยายามสร้างความมั่นใจให้เราแต่เรากลับเมินซะนี่ หรือว่าสังหรณ์ของเราถูก เขาอาจนอกใจอยู่ก็ได้ หากเราวิเคราะห์เจาะลึกดูแล้วพบว่าเขาเป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้อย่างแรง ก็ควรตีจากทันที แต่ถ้ายังไม่มั่นใจ แค่รู้สึกตะหงิดๆ ก็น่าจะลองถามเพื่อนฝูงโดยย้ำว่าขอคำตอบที่ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา และอย่าลืมเตรียมตัวรับกับคำตอบที่อาจสร้างความปวดร้าวใจ



คำถาม ที่ง่ายสุดๆ
ถ้าหากคำถามทั้งสามข้อข้างบนดูเหมือนหนัก หนาสาหัสเกินไป แต่ใจก็ยังอยากได้คำตอบถึงสถานะของความสัมพันธ์ ขอแนะนำให้ลองพิจารณาดูคนรักแล้วถามตัวเองด้วยคำถามง่ายๆสั้นๆว่า



ฉันมี ความสุขหรือเปล่า
เท่านี้ก็รู้แล้วว่า เขาคือคนที่เราควรอยู่ด้วยต่อไปหรือไม่.

♣ คนรักกัน ... เขาจะไม่ทำแบบนี้ ♣




คุณพร้อมที่จะ รักใครหรือยัง ? ถ้าพร้อมแล้วคุณก็รู้ใช่ไหมว่า เมื่อรักกันแล้ว คนรักกันอยู่ด้วยกันต้องเติมความชื่นใจให้กับชีวิตกันและกันใช่ไหม ? แต่ทำไมบางวันที่เราอยู่กับนรัก เรากลับรู้สึกว่าทำให้เราเจ็บหัวใจเหลือเกิน บางเรื่องเล็กๆ แต่สะกิดความรู้สึกได้มากมาย ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากได้ความรักยืดยาวหรือกำลังมีรักครั้งใหม่
นี่คือ .. คำขอร้อง.. อย่าทำแบบนี้กับคนที่คุณรักเลย ..

มีอะไรก็เก็บไม่เคยพูดความในใจ
เวลาที่มีปัญหาแล้วคุณพูดคำว่า "เปล่า..ไม่มีอะไร" "ไม่เป็นไร" เราเชื่อว่านั่นไม่ได้แปลว่า "ไม่รู้สึก" แต่คุณพยายามเก็บความรู้สึกโกรธนั้นไว้อยู่ในใจ ที่เริ่มฟูมฟักกลายมาเป็นระเบิดเวลา ที่คุณจะไม่เหลือแม้แต่ความทรงจำของความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ก่อนที่จะเก็บกดเกินกว่าจะทน ค่อยๆ พูดกันด้วยเหตผล (ไม่แนะนำให้พูดขณะที่โกรธ เพราะแต่ละคนก็มีเหตุผลของตัวเอง) ลองคุยกันอย่างใจเย็น ไม่จำเป็นต้องบอกว่าคุณถูก เขาผิด แต่ให้บอกว่าคุณเสียใจ ที่เขาทำแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องโทษกัน แต่ควรเปิดใจและรับฟังต่อกันไม่ได้แนะให้สาดอารมณ์ให้กัน แต่ ... ควรเรียนรู้ที่จะปรับตัวเพื่ออยู่ด้วยกัน

อยากให้เธอรู้สึกเจ็บซะบ้าง

จะเป็นเพราะว่าเขาทำคุณเจ็บใจอยู่บ่อยๆ หรือคิดประชดทำให้สะใจไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่ความคิดอย่างนี้ก็วนอยู่ในหัวของคุณตลอดเวลา ทำให้คุณกลายเป็นใครสักคนที่ขอให้ฉันได้มีโอกาสพูดจิก ประชด ทำอะไรก็ได้ ให้เธอได้รู้ว่าความเจ็บเป็นอย่างไร ใช่ ... ทำแล้วรู้สึกสาแก่ใจ นาทีแรกคือความสะใจ นาทีต่อไปคุณคือคนที่เสียใจ เพราะคนนั้นคือคนที่หัวใจคุณรักไม่ใช่หรือ?? ปล่อยความเจ็บ ปล่อยความแค้นออกไปซะเถอะ ไม่เคยมีใครใช้วิธีนี้ประท้วงความรักแล้วได้ผลสักคน

ไม่ใส่ใจ .. ไม่ให้ความสำคัญ

มีคนเถียงขึ้นมาทันทีว่า "สำคัญนะ .. แต่รอก่อนได้นี่ " " คนรักของเราจึงถูกจัดเข้าหมวดหมู่ "สำคัญแต่ไม่ด่วน" ไม่รู้ตัว เรื่องของคนอื่น เป็นเรื่องที่มาก่อนเสมอ คนของเราเป็นคนกันเอง พูดกันได้อยู่แล้ว ผิดนัดกับเพื่อนไม่ได้ นั่นคือสิ่งสำคัญ ผิดนัดกับแฟน นั่นคือสิ่งที่ต้องเข้าใจ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ทำแบบนี้ วันหนึ่งแฟนของคุณจะบอกว่า "งั้นเราเป็นเพื่อนกันดีกว่า เพราะดูแล้วเธอจะดูแลเพื่อนดีกว่าแฟน"

ไม่ได้ว่าอะไร แต่ทำให้รู้สึกผิดตลอดเวลา

ไม่... คุณไม่คยต่อว่าเขาเลย เวลาเขาผิดนัด แล้วยังบอกว่า "ไม่เป็นไรหรอก แค่ฉันยอมทิ้งนัดลูกค้ามานั่งรอคุณเท่านั้นเอง" เวลาที่คุณป่วย แล้วเขาไม่ว่างมาดูแลคุณ ก็ไม่เคยโกรธ แต่คุณจะโทร.เรียกเพื่อนชายคนสนิทมาลากคุณไปโรงพยาบาล แล้วบอกเขาว่า "ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เพื่อนมาส่งแล้ว เขามีเวลาให้ฉันเสมอ" เห็นไหมล่ะ..คุณไม่ได้ว่าอะไรเลย แต่คุณกำลังทำให้คนรักของคุณรู้สึกว่าเป็นคนไม่ได้ความ ไม่มีความรับผิดชอบเท่านั้นเอง และถ้ารู้สึกแบบนี้อยู่บ่อยๆ จากวันที่บอกว่าขอโทษก็จะมีวันหนึ่งที่เค้าบอกว่า ..ถ้าอย่างนั้น..ไม่มีเขา..ก็คงจะดีซะกว่า !!

หักหน้าตลอดเวลา

ถึงแม้ในโลกนี้จะไม่มีใครเพอร์เฟ็คท์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนรักของคุณจะไม่ได้ความไปซะทุกเรื่อง เวลาคนอื่นพูด เราฟัง แต่เวลาที่คนรักของเราพูดบ้าง กลับหันไปบอกว่า "เงียบๆ ไปเลย" เวลาเขาเสนอความคิดเห็น จะมีคำพูดติดปากกลับไปเสมอว่า "คุณไม่รู้เรื่องหรอกน่า" ไม่ว่าใครทำใส่ใจ ก็ถือเป็นหารไม่เคารพความสามารถของเขาทั้งนั้นล่ะ

เรายังรักกันอยู่ใชไหม
ถ้าเมื่อไรที่คุณรักกันอยู่ แต่เกิดคำถามนี้ขึ้นในใจ ไม่ต้องถามใคร ให้ถามตัวคุณเองทั้งคู่ว่าคุณให้ความเชื่อมันต่อกันอย่างไร คุณลืมที่จะบอกคู่รักของคุณหรือเปล่าว่าคุณรักเขามากแค่ไหน? ใครจะเถียงว่าแค่คำว่ารักไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันหรอกนะว่าจะรัรกกันตลอดไป ไม่พูดก็ได้ แต่อย่าลืมแสดงความรู้สึก แสดงความเอื้ออาทร ให้เขารู้ว่าเรารักเขามากแค่ไหน ... เราทุกคนต้องการความมั่นใจในรักเสมอล่ะ

โกหก

คนรักกัน อภัยให้กันได้เสมอ ไม่มีความผิดใดที่เราจะให้อภัยคนที่เรารักไม่ได้ !! แต่ขอให้จริงใจต่อกัน อย่าโกหกกัน กับคำที่ว่า ไม่อยากบอก เพราะไม่อยากให้ไม่สบายใจ มันแค่คำแก้ตัวที่ทำให้รู้สึกแย่น้อยลงไปเท่านั้น แต่ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ... จริงใจและเปิดเผยต่อกัน นั่นคือการให้เกียรติคนรักเราอย่างมากที่สุดแล้ว

+++ Hamster +++

+++ Playlist +++


MusicPlaylistRingtones
Create a playlist at MixPod.com

+++ coming soon +++