วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2553

30 ความสุข แบบง่ายๆ


1. นึกไว้เสมอว่าการโกรธ 1 นาที จะทำให้ความทุกข์อยู่กับคุณ 3 ชั่วโมง

2. ถ้ายิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจก รับรองว่าเค้าต้องยิ้มตอบกลับมาทุกครั้งแน่

3. ลองปลูกต้นไม้เองสักต้น การเติบโตของมันจะบ่งบอกตัวตนของคุณได้

4. หลับตานิ่งๆ สัก 3 นาที เมื่อรู้สึกว่าอะไรที่อยู่ตรงหน้ามันช่างยากเหลือเกิน

5. ระหว่างแปรงฟัน ฮัมเพลงด้วยจนจบ จะทำให้ฟันสะอาดขึ้นสองเท่า

6. เคี้ยวข้าวแต่ละคำให้ช้าลง จากที่รสชาติธรรมดา ก็จะอร่อยขึ้นเยอะเลย

7. ไม่ว่าผมจะสั้น หรือยาว แค่ไหน ก็ต้องการให้หวีอย่างทะนุถนอมเหมือนกันหมด

8. การขึ้นลงบันไดสูงๆ แบบไม่ให้เมื่อย คือการไม่นับว่ากำลังยืนอยู่บันไดขั้นที่เท่าไร

9. คนตาบอดจะเห็นว่าคุณสวยมากๆ ทันทีที่คุณถามเขาว่า 'ช่วยพาข้ามถนนไหมคะ?'

10. เมื่อจะหยิบเศษเงินให้ขอทาน ไม่จำเป็นต้องนับก่อนที่จะหย่อนลงกระป๋องหรอก

11. ควรหัดพูดคำว่า 'ไม่ เป็นไร' ให้เคยปากมากกว่าการพูดคำว่า 'จะเอายังไง'

12. ลองตั้งนาฬิกาให้เร็วขึ้น 15 นาที รับรองว่าจะไม่ค่อยไปสายเหมือนเมื่อก่อน

13. สัตว์เลี้ยงที่บ้านเก็บความลับเก่ง เรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้จึงเล่าให้มันฟัง

14. อาหารที่ไม่ชอบกินตอนเด็ก ลองตักเข้าปากอีกทีเผื่อจะกลายเป็นอาหารจานโปรด

15. เขียนชื่อคนที่เกลียดใส่กระดาษแล้วฉีกทิ้ง ความเกลียดจะเบาบางลงไปเรื่อยๆ

16. ให้ปล่อยน้ำตาไหลโดยไม่ต้องเช็ด เมื่อน้ำตาแห้งจะดูแทบไม่ออกว่าเพิ่งร้องไห้

17. ตุ๊กตาและของเล่นเก่าๆ จะทำให้เรายิ้มออกเสมอเมื่อไปหยิบมาเล่นอีกครั้ง

18. ก่อนจะชื้ออะไรก็ตาม ต้องคิดหาประโยชน์ของมันทำให้ได้อย่างน้อยสามข้อก่อน

19. ถึงเสื้อกางเกง ในตู้จะมีอยู่น้อย แต่ถ้าใส่สลับกันไปเรื่อยๆ ก็จะดูเหมือนมีเยอะขึ้น

20. ซาลาเปา 1 ลูก กินได้ 2 คน ลูกชิ้นปิ้ง 1 ไม้ กินได้ 4 คน ถ้าคุณคิดจะแบ่งเท่านั้นเอง

21. เลือกให้ของขวัญคนที่ไม่เคยได้ดีกว่า ให้คนที่ได้เยอะจนจำชื่อคนให้ได้ไม่หมด

22. ในวันที่รู้สึกเศร้าๆ เหงาๆ เดินไปชื้อดอกไม้ให้ตัวเองสักดอกก็จะดีขึ้น

23. แอบรักใครสักคน ยังไงก็ยังดีกว่าไม่เคยรู้ว่าความรู้สึกรักมันเป็นอย่างไร

24. ถึงจะไม่ออกไปไหน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ ไม่ได้นิ

25. ฝึกโรแมนติกง่ายๆ คนเดียวบ้าง ด้วยการนั่งนับดาวให้ครบ 100 ดวง ก่อนนอน

26. ถ้าคุณเช็ดกระจกที่ขุ่นมัวที่สุดจนสดใสได้ ทำไมคุณจะเรียนดีกว่านี้ไม่ได้

27. พยายามอ่านหนังสือทุกชนิดในมือให้จบเล่ม มันอาจจะไม่สนุกแต่ก็มีประโยชน์แฝงอยู่

28. วันที่ตื่นเช้าๆ ให้บิดขี้เกียจนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ถ้าขี้เกียจออกกำลังกาย

29. แค่เอาข้าวที่กินไม่หมดไปให้หมาที่เดินผ่าน ก็เป็นการทำบุญที่ไม่ต้องลงทุนแล้ว

30. ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็นในบ้าน แม่จะได้มีค่าขนมให้คุณเพิ่มขึ้นอีกหลายบาท

4อย่า...(แล้ว ชีวิตจะมีสุข)


1. อย่าเป็นนัก จับผิด
คนที่ คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง 'กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก' คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง จงมองคน-มองโลกในแง่ดี (( แม้ใน สิ่ง ที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข ))

2. อย่า มัวแต่คิดริษยา
'แข่ง กันดี ไม่ดีสักคน - ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน' คนเรา ต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว คือ 'เจ้ากรรมนายเวร' ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น...เราต้องถอดถอนความริษยาออกจากใจ

***เรา ริษยา 1 คน เรา ก็ มี ทุกข์ 1 ก้อน ( หนักเปล่าๆ )*** จงถอดถอนความริษยาออกจากใจโดยใช้วิธี 'แผ่เมตตา' แล้วปล่อยวางไป

3. อย่า เสียเวลากับความหลัง
90% ของ คนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ 'ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น' มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก... เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขา พร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลัง (หนักป่ะล่ะ??) ทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงตัด และปล่อยมันซะ

'อย่า ปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน'
'อยู่ กับปัจจุบันให้เป็น อย่าไปยึดติดกับอดีต แล้วชีวิตจะเป็นสุข'
---จง ให้กายอยู่กับจิต และ ใช้จิตอยู่กับกาย----

4. อย่า พังเพราะไม่รู้จักพอ
'ตัณหา' ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ 'ยิ่งเติม-ยิ่งไม่เต็ม' ทุกอย่าง ต้องดู คุณค่าแท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่าแท้ของนาฬิกา คือไว้ดูเวลา ไม่ใช่มีไว้ เพื่อความโก้หรู คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คือไว้สื่อสาร ไม่ใช่มีไว้เพื่อความโก้หรู ลองถามตัวเราเองซิว่า 'เกิด มาทำไม'

'คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็น มนุษย์อยู่ตรงไหน 'ตามหา - แก่น ' ของชีวิตให้เจอ พยายามวางกิเลส ทั้ง โลภ โกรธ หลง ให้ได้มากที่สุด แล้วชีวิตจะมีความสุขอย่างแน่นอน...

อยากมีความ สุข... จงทำตัวเหมือนน้ำ


บางครั้งการดำเนินชีวิตอย่างปกติสุข ต้องรู้จักปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม ทั้ง สภาพ แวดล้อมภายนอก เช่น สภาพเศรษฐกิจ สังคม ผู้คน วัฒนธรรม ค่านิยม ฯลฯ หรือสภาพแวดล้อมภายใน ซึ่งได้แก่ ฐานานุรูป หรือสถานะทางสังคมของตัวเองและครอบครัว ความรู้ ฯลฯ

หลายคน เป็นทุกข์ หาความสุขไม่เจอ เพราะไม่สามารถ "ปรับตัว" ให้เข้ากับปัจจัยทั้ง 2 ประการได้ น้ำเป็นตัวอย่างที่ดีของการปรับตัวเหล่านี้

1. รู้จักประมาณตัว

Water Being : น้ำ ไม่ว่าจะอยู่ในภาชนะรูปแบบไหนๆ หรือแหล่งน้ำธรรมชาติลักษณะใดๆ ก็สามารถทำตัวกลมกลืนมีรูปร่างไปตามนั้น เช่น อยู่ในแอ่งเล็กๆ อยู่ในสระขนาดกลาง อยู่ในบึงกว้างๆ อยู่ในทะเลสาบขนาดใหญ่ หรือแม้แต่อยู่ในมหาสมุทร น้ำก็อยู่ได้

Being Water : คนเองก็ต้องรู้จักปรับ ตัวให้เข้ากับที่อยู่หรือสิ่งแวดล้อมที่ห่อหุ้มชีวิต อยู่บ้านใหญ่ก็อยู่ได้ อยู่บ้านเล็กก็ปรับตัวให้เหมาะสม เศรษฐกิจดีก็ใช้เยอะ เศรษฐกิจแย่ก็ตัดรายจ่ายได้ไม่ทุกข์ร้อนใจ มีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย ตามภาษิต 'นกน้อยทำรังแต่พอตัว'

เบื้องต้น คนต้องรู้ตัวเองเสียก่อนว่าเป็นน้ำในอะไร บางคนเป็นแค่น้ำขังในกะลา ทว่าใช้ชีวิตเหมือน้ำในทะเลสาบ แน่นอนล่ะ ในที่สุดก็ต้องอัตคัตขัดสน หามาได้ก็ใช้หนี้ หมุนวนอยู่อย่างนั้นเพราะดำเนินชีวิตแบบ "เกินกำลัง" ของตัวเอง

เมื่อรู้ตัวแล้ว ก็ต้องรู้สถานการณ์ มีแล้วค่อยใช้ ไม่มีให้เก็บออม คนสมัยนี้ชอบเอา "เงินอนาคต" มาใช้ เงินอนาคตหมายถึงอะไรน่ะหรือ ก็หมายถึงเงินหรือรายได้ที่คาดว่าจะได้ในวันข้างหน้า แต่ก็เลือกที่จะใช้เสียในวันนี้ เช่น ซื้อของเงินผ่อน กู้ หรือรูดบัตรเครดิตไปก่อน แล้วค่อยจ่ายทีหลัง มีจ่ายก็ดีไป ถึงเวลารายได้ไม่มาอย่างที่คิด ลำบากเอามากๆ

2. รู้จักถ่อมตน-เคารพคนอื่น

Water Being : น้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ ต่ำเสมอ น้ำตกเกิดเพราะบนที่สูง บนยอดเขามีน้ำอยู่มาก ไม่ว่าอยู่บนผิวดินหรือใต้ดิน ถึงที่สุดก็ต้องไหลลงสู่ที่ต่ำ

Being Water : เปรียบดั่งคนที่รู้จัก อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ติดยึดกับหัวโขนที่สวมอยู่ ว่าฉันเป็นมหาเศรษฐี ฉันเป็นอธิการบดี ฉันเป็นรัฐมนตรี ฉันเป็นกรรมการผู้จัดการ ฉันเป็นนายพล ฯลฯ แต่สามารถปรับตัวได้ตามกาลเทศะ พบผู้อาวุโสก็รู้จักนอบน้อม พบผู้อ่อนอาวุโสหรือด้อยฐานะกว่า ก็เคารพ ให้เกียรติ และมีเมตตา ไม่ดูถูก ไม่รังเกียจ

3. รู้จักยืดหยุ่น

Water Being : น้ำนั้นอ่อนนุ่ม แต่มีแรงปะทะมหาศาล ยามที่อยู่เฉยๆ น้ำไม่ทำร้ายใครแต่ยามที่น้ำไหลบ่าก็สามารถทำลายแม้กระทั่งขุนเขาขนาดมหึมา

Being Water : คนจึงต้องรู้จักอดทน อดกลั้น และข้ามผ่านช่วงเวลาที่ไม่น่าพอใจไปให้ได้ ด้วยการรู้จักยืดหยุ่น รู้เขารู้เรา รู้จักถอยเพื่อก้าว เมื่อได้ชัยชนะให้เกียรติคู่ต่อสู้ แข็งมาอ่อนกลับ ชนะจากภายในสู่ภายนอก

จะชนะผู้อื่นได้จึงต้องทำตัวเหมือนน้ำทั้ง กายภาพและจิตใจ ใช้ความอ่อนนุ่มสยบความแข็งกร้าว ว่าไปแล้วประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาหลายร้อยหลายพันปีก็มีตัวอย่างมายืนยันความ คิดนี้ ผู้ชายที่มีอำนาจอันแข็งแกร่งล้วนแต่พ่ายแพ้ต่อสตรีที่อ่อนโยนและเลอโฉมมา แล้วทั้งสิ้น

สิ่ง ที่ดีที่สุด


สิ่งที่ดี ที่สุดในชีวิตเรา...คือชีวิตเรา

สิ่งที่มี ค่าที่สุดในใจเรา...คือหัวใจเรา

อย่าเอา ชีวิตทั้งชีวิตไปยกให้ใคร

อย่าเอาใจ ทั้งใจไปยกให้ใครคนเดียว

อย่ายก สิ่งที่มีค่าที่สุดและดีที่สุดของเราไปให้ใครดูแล

เพราะไม่ มีใคร...ที่จะดูแลมันได้ดีไปกว่าตัวเราเอง

อย่าปิด กั้นความรู้สึกของหัวใจ

อย่า บอกว่าเกิดมาเพื่อรักคนๆเดียว

คนใจแคบ เท่านั้น...ที่เกิดมาเพื่อรักคนได้คนเดียว

เราสามารถ รักใครต่อใครได้มากมาย

ขอเพียง ให้รู้จักหน้าที่ของความรัก

หน้าที่ ที่จะปฏิบัติต่อคนที่เรารัก

รักต่าง แบบ...ปฏิบัติในหน้าที่ที่ต่างกัน

แล้วเมื่อ วันใดวันหนึ่ง...

คนบางคน ไม่แยแสกับความรักที่เรามีให้

เราก็ยัง คงเหลือใครต่อใครอีกมากมาย...

และไม่ เห็นต้องเจ็บเจียนตาย...

ถ้าเรา มั่นใจ...ว่าเราทำหน้าที่ให้รักนั้น เต็มที่แล้ว

อากาศ...ร้อน อบอ้าว

ออกมายืน คุยกับแสงแดด

อากาศ...หนาว ขาดใจ

ออกมาหาไอ อุ่นลมหนาว

เราจะรู้ ว่าร้อนหรือหนาว...ก็ต่อเมื่อเราได้สัมผัสกับมัน

ก็เหมือน ความรัก...อยากรู้ว่ารสชาติเป็นยังไง

ก็ต้องไป ลองสัมผัสกับมัน...อย่าทรมานตัวเอง

อย่ายืน ตากแดดนานๆ หรือยืนต้านทานลมหนาว

ถ้ารู้ว่า ร้อนนัก...ก็หลบที่ร่ม

ถ้ารู้ว่า หนาวนัก...ก็ก่อเตาผิง

ความรักจะ ไม่ทำร้ายเรา...ถ้าเราไม่ทำร้ายตัวเอง

ถ้าเธอ รู้จักรัก...แสงแดดจะทำให้อบอุ่น

ลมหนาวจะ ทำให้เธอหลับสบาย

+++ Hamster +++

+++ Playlist +++


MusicPlaylistRingtones
Create a playlist at MixPod.com

+++ coming soon +++