วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

โลกนี้มีกี่ภาษา?

หลายต่อหลายคนอาจยังคาใจว่าจริงๆแล้วโลกที่กว้างใหญ่แห่งนี้ มีภาษาสักกี่ภาษา ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นจึงจัดการค้นหาข้อมูล ค้นไปค้นมาเลยได้ความรู้เพิ่มเติมมาอีกว่าจริงๆแล้ว โลกเราเกือบมีภาษาของ โลกด้วนนะนั่นคือ ภาษาเอสเปรันโต (Esperanto)

จากการสำรวจ พบว่าทั่วโลกมีภาษาแตกต่างกันถึง ๕,๐๐๐ ภาษา ภาษาที่ใช้กัน มากที่สุดในโลกคือ ภาษาจีน มีคนพูดภาษานี้ ถึงพันล้านคนเศษ รองลงมาคือ ภาษาอังกฤษ ภาษาฮินดี

ที่ปาปัวนิวกินีประเทศเดียว มีภาษาพื้นเมือง อยู่ประมาณ ๗๐๐ ภาษา ในประเทศอินเดีย มีภาษาแตกต่างกัน อย่างน้อย ๘๔๕ ภาษา เฉพาะที่รัฐอัสสัม ซึ่งอยู่ทาง ตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ก็มีภาษาพูด นับร้อยภาษาแล้ว

เคยรู้มาว่า มีผู้พยายาม สร้างภาษาโลก (world language) ที่คนทั้งโลก สามารถสื่อสารกันได้ โดยไม่ต้องมี กำแพงภาษา นั่นคือ ภาษาเอสเปรันโต (Esperanto) ผู้คิดค้นคือ นักภาษาศาสตร์ และแพทย์ชาวรัสเซีย ชื่อ ดร. แอล. ซาเมนฮอปแต่ความตั้งใจของเขา ไม่บรรลุผล

ประวัติภาษาเอสเปรันโต (Esperanto)

ภาษาเอสเปรันโต (Esperanto) เป็นภาษาประดิษฐ์ที่ใช้กันมากที่สุดในโลก คิดค้นโดย แอล.แอล. ซาเมนฮอฟ นามปากกาของจักษุแพทย์ชาวรัสเซีย (ในช่วงที่รัสเซียปกครองโปแลนด์ โดยมีพ่อแม่เป็นชาวยิว) โดยต้องการให้ภาษาเอสเปรันโตเป็นภาษาที่เรียนง่าย และเป็นภาษาที่สองสำหรับนานาประเทศ ชื่อเอสเปรันโตมาจากชื่อแฝงเรียก ดร. เอสเปรันโต ในช่วงที่เขียนหนังสือเรื่องภาษานานาชาติ

ถึงแม้ว่า ภาษาเอสเปรันโตยังไม่มีประเทศใดนำไปเป็นภาษาทางการ ในปัจจุบัน มีผู้ใช้งานประมาณ 1 แสนถึง 2 ล้านคน ซึ่งมีให้เห็นในคู่มือท่องเที่ยว คู่มือการเรียนการสอน ทางโทรทัศน์ วรรณกรรม การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และในบางโรงเรียนมีการเรียนวิชาเลือกเป็นภาษาเอสเปรันโต วันที่ 15 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันฉลองของภาษาเอสเปรันโต ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของซาเมนโฮฟ ซึ่งในวันนี้ผู้ใช้ภาษาเอสเปรันโตจะรวมตัวกันในฤดูหนาว และเลี้ยงฉลองกัน โดยบางคนจะซื้อหนังสือภาษาเอสเปรันโตเล่มใหม่ในวันนี้

ภาษาเอสเปรันโตเป็นภาษาเดียวที่มีธงประจำภาษา โดยทั่วไปแล้วภาษาอื่นๆ จะไม่ใช้ธงชาติมาเป็นธงประจำภาษา เนื่องจากชาติหรือประเทศหนึ่งอาจมีได้หลายภาษา และภาษาหนึ่งอาจพูดในหลายชาติหรือประเทศ ธงประจำภาษาเอสเปรันโต พื้นธงเป็นสีเขียว มีรูปดาวสีเขียวบนพื้นที่สีเหลี่ยมสีขาวอยู่มุมบนซ้าย นอกจากธงแล้วยังมีเพลงประจำภาษาเอสเปรันโตอีกด้วย ชื่อเพลงว่า La Espero แปลว่า ความหวัง ซึ่งมีชื่อเหมือนกับเพลงชาติของอิสราเอล

เอสเปรันโตคิดค้นขึ้นช่วงปลาย คริสต์ทศวรรษ 1870 และต้น คริสต์ทศวรรษ 1880 โดย แอล.แอล. ซาเมนฮอฟ ในช่วงเวลาพัฒนา 10 ปีนั้น ซาเมนฮอฟได้ใช้เวลาในการแปลวรรณกรรมต่างๆ มาเป็นภาษาเอสเปรันโต รวมทั้งการเขียนและพัฒนาหลักไวยกรณ์ต่างๆของภาษา โดยหนังสือไวยกรณ์เล่มแรกในภาษาเอสเปรันโต ชื่อ อูนูอาลิโบร (Unua Libro ความหมายในภาษาเอสเปรันโตว่า หนังสือเล่มแรก) ตีพิมพ์ที่ วอร์ซอว์ ในเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2430 ซึ่งหลังจากนั้นจำนวนผู้ใช้ภาษาเติบโตขึ้นอย่างรวเร็วภายใน 20 ปีต่อมา โดยเริ่มต้นจากจักวรรดิรัสเซีย และ ยุโรปตะวันออก และได้เข้าสู่ ยุโรปตะวันตก อเมริกา ประเทศจีน และ ประเทศญี่ปุ่น ต่อมาในปี พ.ศ. 2448 การประชุมเอสเปรันโตโลก ได้จัดตั้งขึ้น โดยจัดครั้งแรกที่เมือง บูลอน ซู แมร์ (Boulogne-sur-Mer) ในประเทศฝรั่งเศส และหลังจากนั้นมีการจัดประชุมกันทุกปี (ยกเว้นช่วงสงครามโลก) โดยเปลี่ยนสถานที่จัดไปทั่วโลก

ในปัจจุบันภาษาเอสเปรันโตไม่ได้เป็นภาษาทางการของประเทศ ใด แต่ได้มีการเรียนการสอนในหลายประเทศ อย่างไรก็ตามในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 บริเวณฉนวนโมเรสเนต (Neutral Moresnet, 2359-2462) ได้ถือว่าเป็นรัฐแรกที่ใช้ภาษาเอสเปรันโตเป็นภาษาทางการ ในปี พ.ศ. 2511 สาธารณรัฐโรสไอส์แลนด์ ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งอิตาลี ประมาณ 11 กม. ได้ประกาศตั้งตัวเป็นประเทศเอกราช และได้ใช้ภาษาเอสเปรันโตเป็นภาษาทางการเช่นกัน อย่างไรก็ตาม โรสไอแลนด์ ไม่ถือว่าเป็นประเทศจากชาติอื่น ในปี พ.ศ. 2454 ระหว่างช่วงการปฏิวัติซินไฮ้ ในประเทศจีน ได้มีนโยบายในการเปลี่ยนภาษาทางการจากภาษาจีน เป็นภาษาเอสเปรันโต ด้วยเหตุผลที่ว่าให้ประเทศเป็นสากล แต่ได้ถูกยกเลิกไป ในปี พ.ศ. 2467 ในสหรัฐอเมริกา เริ่มมีการใช้ภาษาเอสเปรันโตสำหรับวิทยุสื่อสาร โดยคาดหวังว่าจะใช้เป็นภาษาหลักในการสื่อสาร แต่สุดท้ายไม่ได้รับการนิยมและได้ยกเลิกไป

การศึกษา ภาษาเอสเปรันโต
ในปัจจุบันมีอยู่บางโรงเรียนที่มีการสอนภาษาเอสเปรันโต มีมากใน จีน ฮังการี และ บัลแกเรีย นอกจากนี้คนส่วนมากเรียนรู้ภาษา โดยการเรียนรู้ด้วยตัวเอง และมีการสอนโดยอาสาสมัครต่างๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต เช่นเว็บไซต์ lernu!

นักวิจัยหลายท่านได้ศึกษาว่าการเรียนรู้ภาษาเอสเปรันโต ช่วยให้ผู้ที่ใช้ภาษาในภาษากลุ่มอินโดยูโรเปียน (เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน) เรียนภาษาอื่นๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น อาจเนื่องมาจาก รูปแบบของภาษา ไวยากรณ์ และคำศัพท์ต่างๆ การวิจัยพบว่า เปรียบเทียบกลุ่มนักเรียน 2 กลุ่ม โดย กลุ่มแรก เรียนภาษาเอสเปรันโต 1 ปี และภาษาฝรั่งเศส 3 ปี กับกลุ่มที่สอง เรียนภาษาฝรั่งเศส 4 ปี ผลออกมาว่า กลุ่มแรกสามารถใช้ภาษาฝรั่งเศสได้ดีกว่ากลุ่มที่สอง ที่เรียนภาษาฝรั่งเศสมากกว่าหนึ่งปี

ว่านหางจระเข้ลดสิวอักเสบ

ถ้า คุณสาวๆตื่นเช้ามาแล้วเจอแต่สิวเม็ดใหญ่ขึ้นเด่นอยู่บนใบหน้า ทั้งคุณแม่และเพื่อนๆก็คอยเตือนว่าอย่าไปแคะแกะอย่างเด็ดขาด เพราะจะตกหลุมพราง ทำให้เจ้าสิวตัวป่วนได้ใจ ติดเชื้อบวมเป่งขึ้นไปอีก

แต่เชื่อไหมว่า เราทำได้ดีกว่านั้นถ้ามีว่านหางจระเข้ เพราะว่านหางจระเข้มีสารที่ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและสารออกฤทธิ์สมานแผล จึงทำให้สิวอักเสบยุบลงได้ทันใจลองสูตรนี้ดูดิ่
ส่วนผสม ว่านหางจระเข้

วิธีทำ ตัดว่านหางจระเข้ แล้วนำไปแช่น้ำประมาณ 10-15นาที เพื่อให้ยางสีเหลืองไหลออกมา จากนั้นปอกเปลือกจนเหลือแต่วุ้นใสๆ นำไปล้างยางออกให้หมด นำวุ้นออกมาหั่นเป็นชิ้นบางๆหรือบดละเอียดคั้นเอาแต่น้ำวุ้นว่านหางจระเข้มา ใช้

กลางคืน ล้างหน้าให้สะอาด ใช้น้ำวุ้นทาบริเวณที่เป็นสิวแห้งและยุบลง
กลางวัน ล้างหน้าให้สะอาด ใช้น้ำวุ้นแต้มบริเวณหัวสิว (สามารถมาครีมบางๆทับได้)

12 ราศี กับการกิน


12  ราศี กับการกิน




ราศี มังกร ( 22 ธันวาคม - 19 มกราคม )

ชาวราศี มังกรเป็นคนหัวโบราณและขี้เหนียว จึงมักกินอาหารประหยัด ประเภท อาหารจานเดียวซะมากกว่าอาหารราคาแพงที่จัดแต่งสวยงาม ไม่ค่อยใส่ใจ เรื่องอาหารการกิน...

ถ้าพบว่าตัวเองเริ่มอ้วนขึ้นมานิ หน่อย ก็จะรีบลดทันที เนื่องจากชาวราศีนี้ไม่ค่อย ชอบลองของใหม่ เพราะฉะนั้นถ้าไปเจออาหารที่มีการรับรองว่าช่วยลดน้ำหนักได้ ก็จะกินแต่อย่างนั้นจนกว่าจะเห็นผล

ราศี กุมภ์ ( 20 มกราคม - 18 กุมภาพันธ์ )

คนที่ เกิดในราศีกุมภ์รักการใช้ชีวิตที่คล่องแคล่ว และดูแลสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ เนื่องจากในวันแต่ละวันจะใช่พลังงานค่อนข้างมาก จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องน้ำหนัก ชอบดื่มไวน์เคล้าอาหารเย็นรสเลิศ และถึงแม้ว่าจะกินมากแค่ไหน ก็ไม่เคยมีปัญหาเรื่องสุขภาพและความอ้วนเลย...

แต่ ถ้าเกิดอ้วนขึ้นมาบ้าง ก็คงจะไม่จำกัดเรื่องอาหารหรอก เพราะเกลียดการถูกบังคับ ชาวราศีนี้จึงเปลี่ยนเมนูอาหารสำหรับลดความอ้วนอยู่เรื่อยจนแทบไม่เห็นผล แต่ถ้าชาวราศีกุมภ์ที่อวบอ้วนตั้งใจจะควบคุมน้ำหนักอย่างจริงจังขึ้นมา นั่นเป็นเพราะไม่อยากกลับมาอ้วนอีกครั้งมากกว่า


ราศีมีน ( 19 กุมภาพันธ์ - 20 มีนาคม )

ชาว ราศีมันรักความรื่นรมย์ในชีวิต โดยเฉพาะเรื่องการดื่มและการกิน จนได้ชื่อว่า กินเก่ง ชอบลิ้มลองอาหารหรือขนมขบเคี้ยวใหม่ ๆ แล้วตามด้วยมื้อใหญ่เด็ด ๆ ไปบอกให้เค้าเพลา ๆ เรื่องกิน เค้าโกรธนะ...

ความเจ้าอารมณ์ของชาวราศีนี้ทำให้ต้องกินเพื่อดับความเศร้า ถึงจะพยายามจำกัดอาหาร แต่ก็อดดื่มไวน์สักแก้วไม่ได้ ... ชาวราศีมีนของแท้ เกลียดการลดน้ำหนักที่สุดเลยล่ะ แต่ชาวราศีนี้ สามารถลดน้ำหนักได้เหมือนกัน ถ้าจำเป็นและเต็มใจ ... วิธีไหนเหรอ.. ก็ชิมอาหารอร่อย ๆ หลายๆ อย่าง จานละ 2-3 คำ จะได้ไม่รู้สึกว่ากินเยอะ...


ราศี เมษ ( 21 มีนาคม - 20 เมษายน )

ชาวราศีเมษ ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องน้ำหนัก เพราะมีอะไรให้ทำอยู่ตลอดเวลา ต้องทำโน่น ทำนี่ หรือไม่ก็เล่นกีฬา ถ้ามีปัญหาเรื่องการกิน เห็นจะมีอยู่เรื่องเดียว งานยุ่งจน ไม่มีเวลากินอาหารเป็นเรื่องเป็นราว...

ชาวราศี นี้รักษาความฟิตได้สบายๆ ส่วนข้อเสียที่แก้ไม่หาย คืออดทนกินอะไรติดต่อกันนานเกินควร ฉะนั้นควรดูแลตัวเองให้กินครบ 5 หมู่หน่อยแล้วล่ะ


ราศีพฤษภ ( 21 เมษายน - 21 พฤษภาคม )

การควบคุมอาหารเป็น เรื่องหนักหนาสาหัสสำหรับชาวราศีพฤษภ เหมือนกันต้องกินยาขม หม้อโตๆ อย่างงั้นแหละ..เพราะชาวราศีนี้รักการกิน.. โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารแปลก ๆ หรือ "ถึงเครื่อง" ชาวราศีพฤษภชอบคิดค้นทำเมนูอาหารใหม่ๆ อยู่เสมอเลย ถึงจะสนุกกับการกิน

แต่ถ้าต้องลดน้ำหนักก็ทำได้ไม่ยาก แต่ถ้าวันใดที่รู้สึก หดหู่ หรือรู้สึกแย่ จะทำให้ทานเยอะผิดปรกติ...จุ๊ จุ๊ ..นี่เป็นนิสัยอันตรายนะ..ระวังหน่อย... แต่ก้อยังนับว่าโชคดีนะ ที่ดาวพฤหัสในลัคนาทำให้ชาวราศีนี้รักสวยรักงาม คอยดูแลรูปร่างอยู่เสมอ ๆ จะควบคุมน้ำหนัก ได้สำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้ ถ้าจำเป็นจริงๆ


ราศีเเมถุน ( 22 พฤษภาคม - 21 มิถุนายน )

ชาว ราศีเมถุนไม่ค่อยปล่อยให้ตัวเองหิว แต่โชคดีที่สามารถเผาผลาญพลังงานได้อย่างรวดเร็ว จนไม่มีเหลือเก็บไปพอกตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย

นอกจากนี้ ชาวราศีเมถุนยังเป็นคนขี้เบื่อ ชอบเปลี่ยนรายการอาหารไปเรื่อย ๆ ฉะนั้น วิธีการกินที่เหมาะสม สำหรับชาวราศีนี้คือ กินมื้อละน้อย ๆ แต่กินบ่อย ๆ


ราศีกรกฎ ( 22 มิถุนายน - 22 กรกฎาคม )

ชาว ราศีกรกฎชอบทานอาหารพื้น ๆ มากกว่าอาหารแปลก ๆ มักกินมังสวิรัติ หรือไม่ก็กินแต่อาหารธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ชาวราศีนี้มีอารมณ์อ่อนไหวง่าย พอมีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจ ก็จะหลบไปหาอะไรทานให้สบายตามลำพัง

ชาว ราศีนี้ควรปฏิบัติตามแบบแผนการกินตัวเองจนเป็นนิสัย เมื่อจัดได้ว่าจะกินอะไร ช่วงไหน ก็ควรทำตามนั้น ซึ่งไม่ยากเลยเพราะชาวกรกฏเป็นคนมีระเบียบ และดำเนินชีวิตไปตามที่วางไว้อย่างง่ายดาย อาหารที่เหมาะกันชาวราศีนี้ คืออาหาร จำพวกปลาและอาหารเบาๆ


ราศี สิงห์ ( 23 กรกฎาคม - 23 สิงหาคม )

ชาว สิงห์ชอบกิน ต้องกินอย่างน้อยสามมื้อต่อวัน แถมยังมีนมเนยบ้างชอบกินของหนัก เน้นปริมาณมากกว่าอาหารหรูดูสวย

ชาวสิงห์ชอบกินข้าวนอก บ้านและกินได้ทุกสถานที่ ชาวราศีนี้อ้วนง่ายแต่ก็ลดได้เร็วเนื่องจากเผาผลาญพลังงานได้ดี จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องน้ำหนัก อาหารที่เหมาะกับชาวราศีสิงห์คืออาหารประเภทไขมันต่ำ


ราศีกันย์ ( 24 สิงหาคม - 22 กันยายน )

ชาว ราศีกันย์เป็นคนเจ้าหลักการ อะไรก็ต้องถูกต้องสมบูรณ์แบบ ก็เลยจู้จี้เรื่องอาหาร มักจะกังวลว่าตัวเองจะกินของไม่ดีเข้าไป ดังนั้นเราจึงมักเห็นชาวราศีนี้ชอบทานมังสวิรัติ นอกจากนนี้ยังวิตกเรื่องสุขภาพของตนจนเกินเหตุ จึงฉลาด เลือกอาหาร และใส่ใจ อาหารเพื่อสุขภาพเสมอ..

อย่างไรก็ตาม..ชาวราศีนี้มีปัญหา ในเรื่องความอ้วนและไม่ค่อยอดทนนัก... ควรเลิกทานอาหารที่ให้พลังงานต่ำ และหันมาทานอาหารที่มีกากใยเข้ามาแทน และที่สำคัญ อย่าลืมออกกำลังกายนะ


ราศีตุลย์ ( 22 กันยายน - 22 ตุลาคม )

ชาว ราศีตุลย์ชอบทานอาหารดี ๆ ตามด้วยขนมหวาน ประเภทฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด แถมด้วยช็อคโกแล็ตล้างปากอีกต่างหาก ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมชาวราศีนี้มันมีปัญหาเรื่องส่วนเกินเสมอ ๆ

ถ้าจะต้อง ลดน้ำหนักจริงๆ ต้องอาศัย ความตั้งใจจริง แรงกระตุ้นอีกเป็นต้น ถึงจะทำได้นะจ๊ะ.. ถึงจะรวบรวมกำลังใจลดความอ้วนได้แล้ว ก็ยังอดแวบมาทานขนมหวานไม่ได้หรอก พอได้สติ ชาวราศีนี้จะรู้สึกผิดจนล้มเลิกโครงการลดความอ้วนที่ตัวเองทำอยู่ ถ้าฟังดู คุ้นๆ เหมือนตัวเองเคยทำล่ะก็...

คุณจะต้องรู้ขอบเขตของตัวเองบ้าง อย่าให้การกระหน่ำ กินเป็นครั้งคราวมาขัดขวางความพยายามที่ทำมาดีเสียแต่ต้นได้ล่ะ ชาวราศีตุลย์ชอบการใช้ชีวิตที่สวยงามและสมดุลเป็นที่สุด ทั้งๆ ที่รู้ว่าการตามใจปาก ไม่ดี แต่ก็อดใจไม่ได้ จนกว่าเข็มเบนเครื่องชั่งจะเพิ่มขึ้นนั่นแหละ ถึงจะพยายามเพลา ๆ ลง ....


ราศีพิจิก ( 23 ตุลาคม - 22 พฤศจิกายน )

ชาว ราศีพิจิก มองการกินอาหารเป็นเรื่องโรแมนติกที่แสนจะหวาบหวาม ทำให้กระเพาะครากอยู่บ่อย ๆ... ถ้าชอบกินอะไร ก็จะกินทีละเยอะ ๆ อาหารจานโปรดคือ พวกอาหารรสเครื่องเทศ ...

ชาวราศีนี้ยัง ชอบลงมือทำเอง ชอบลองทำอาหารใหม่ ๆ เปลี่ยนรสไปเรื่อย ๆ โชคดีที่ชาวราศีพิจิกแข็งแรง มีวินัย และควบคุมความอยากของตัวเองได้ ถ้ารู้สึกว่าตัวเอง เริ่มมีปัญหาเรื่องน้ำหนัก ก็จะลดทันทีโดยไม่รีรอ แต่บางครั้งเข้มงวดกับตัวเองมากเกินไป จนทำให้หงุดหงิด


ราศีธนู ( 23 พฤศจิกายน - 21 ธันวาคม )

ชาว ราศีธนูไม่ค่อยอยู่กับที่และรีบเร่งตลอดเวลา ถ้าเดินทางไปประเทศไหน ก็ชอบ ชิมอาหารพื้นเมืองของประเทศนั้น เป็นประเภทกินเร็ว กินจุ...

เนื่อง จากไม่ค่อยมีเวลา ทำให้ชาวราศีนี้ไม่ค่อยคำนึงถึงคุณค่าทางอาหาร หรือเลือกกินเฉพาะอาหารแคลลอรี่ต่ำ เราจึงมักพบเห็นชาวราศีธนู ตามร้านฟาสต์ฟู้ดมากกว่า ชาวราศีอื่น

แฟลชไดร์ฟรุ่นทำลายตัวเอง!

ครที่ชอบหลงวางแฟลช ไดรฟ์กลาดเกลื่อนจนลืม ไม่ต้องกลัวว่าความลับจะรั่วไหลอีกต่อไป

เมื่อบริษัท ฟุจิทสึ เตรียมวางจำหน่าย แฟลชไดรฟ์ "ทามาเตะบาโกะ" ซึ่งมีความสามารถทำลายข้อมูลภายในหน่วย ความจำ 2 กิกะไบต์ของตัวเองได้หากใส่พาสเวิร์ดผิด หรือถูกนำไปเสียบกับคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าให้ผู้อื่นไม่สามารถถ่ายเทหรือทำซ้ำข้อมูลได้ โดยแฟลชไดรฟ์จะจดจำว่า ถูกเสียบใช้กับคอมพิวเตอร์ทั้งพีซีและแม็กอินทอชเครื่องใดประจำ

ข้อมูลภายในถูกใส่รหัสแบบ "เออีเอส 256 บิต" ซึ่งจะให้แคร็กเกอร์ทั้งหลายต้องเสียเวลานานมากกว่าจะถอดรหัสได้ คาดว่าจะถูกวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นภายในเดือนก.ค.นี้

----------------

วิธีทดแทนพลังงาน จากการ อดนอน

วิธีทดแทนพลังงาน จากการ อดนอน

อดนอน

อดนอน

วิธีทดแทนพลังงาน


มีวิธีดูแลร่าง กายสำหรับคนอดนอน แนะนำจาก พ.ญ.ลลิตา ธีระสิริ แห่งศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี ความว่า ก่อนอื่นต้องยอมรับเสียก่อนว่าคนเราต้องนอนหลับในยามกลางคืน ไม่ใช่กลางวัน เพราะฮอร์โมนในร่างกายถูกธรรมชาติจัดสรรมาอย่างนั้น ในเวลากลางวันเมื่อมีแสงสว่าง ต่อมไพเนียล หรือต่อมเหนือสมอง จะหลั่งฮอร์โมนซีโรโตนินออกมาเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่ากระฉับ กระเฉงเพื่อกิจกรรมดำเนินในยามกลางวัน

ราวๆ 4-5 โมงเย็น ตอนแสงสว่างลดลง ซีโรโตนินก็จะลดระดับลงเพื่อเตรียมให้ร่างกายได้พัก ในขณะเดียวกันต่อมไพเนียลก็หลั่งฮอร์โมนอีกชนิดหนึ่งชื่อเมลาโตนินออกมา ระดับเมลาโตนินในร่างกายจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ง่วงนอนในกลางคืน พอถึงประมาณตี 2 เมลาโตนินจะเริ่มลดระดับลง และซีโรโตนินก็จะถูกหลั่งออกมาในยามเช้ามืด พอดีเช้าเมลาโตนินหายไป ซีโรโตนินเพิ่มขึ้นมาได้ระดับเราก็ตื่นพอดี หากอดนอนก็เท่ากับฝืนวัฏจักรของฮอร์โมนตามธรรมชาตินี้ และว่ากันว่าทำให้ร่างกายเสียสมดุลและทำให้ป่วยได้ง่าย


ทางแก้หากต้องอดนอน มีดังนี้

1.กินอาหารที่อุดมด้วย วิตามินบีและซี เพราะเวลาอดนอนระดับฮอร์โมนจากต่อมไพเนียลปั่นป่วน ทำให้เกิดความเครียดแบบลึกๆ จึงต้องแก้ด้วยวิตามินคลายเครียดประเภทบีและซีปริมาณมาก ดังนั้นในระยะนี้ต้องกินข้าวกล้อง กินผัก ผลไม้ กินน้ำผลไม้คั้นสด น้ำส้มคั้นสดๆ หากกินอาหารประเภทดังกล่าวไม่ได้ ให้ใช้วิตามินบี 100 วันละ 1 เม็ด และกินวิตามินซี 1,000 ม.ก. วันละ 2 เม็ด หลังอาหารเช้า

2.ถึงกลางคืนจำเป็นต้อง เติมพลังงานให้กับตัวเอง เพราะส่วนอาหารที่เรากินเข้าไปจะ ใช้ได้ประมาณ 6 ช.ม.เท่านั้น หากกินอาหารเย็น 6 โมง ถึงเที่ยงคืนพลังงานก็หมดแล้ว จะต้องเติมอาหารที่ให้พลังงานเข้าไป ทั้งนี้ ควรเป็นอาหารที่ย่อยง่ายประเภทข้าวต้ม โจ๊ก น้ำข้าว ธัญพืช จะดีกว่าอาหารที่มีไขมันสูงอย่างนมวัว หรือเครื่องดื่มประเภทโกโก้ หรือมอลต์ เนื่องจากเวลาที่จะนอนมีน้อยอยู่แล้วไม่ควรกวนกระเพาะให้ย่อยอะไรที่ย่อยยาก เพราะจะทำให้หลับไม่สนิทดีนัก และมีอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่ทำให้หลับง่ายกว่า เช่น ข้าวเหนียว กล้วย หากเลือกกินยามดึกได้จะทำให้นอนเร็วกว่า

3.ควรนอนทันทีหลังจาก เสร็จจากดูบอล หรือดูหนังสือ ไม่ควรเสียเวลาออกไปหาข้าวต้มรอบดึกกินนอกบ้านเพราะจะยิ่งมีเวลานอนน้อย และควรระลึกไว้ว่าน่าจะมีเวลานอนติดกันประมาณ 4 ชั่วโมง สุขภาพจึงจะไม่เสื่อมทรุดในระยะนี้ ถ้าต้องนอนตี 3 ก็แปลว่าควรจะตื่นตอน 7 โมงเช้าจึงจะดี


4.ไม่ควรแก้ง่วง ด้วยการดื่มกาแฟ หรือชา เพราะกาแฟมีฤทธิ์ 6-8 ชั่วโมง หากกินกาแฟตอน 4 ทุ่มก็แปลว่าจะหลับได้เอาตอนตี 4 ซึ่งจะทำให้เวลาพักผ่อนไม่พอ หากง่วงก็ควรงีบหลับก่อนแล้วค่อยตื่นมาดูหนังสือหรือดูโทรทัศน์เอาตอนดึก

5.ตื่นเช้าหลังจากอดนอน ควรกระตุ้นตนเองให้กระปรี้กระเปร่าด้วยวิตามิน ดังที่ได้ กล่าวแล้ว หรือจะใช้โสมกินร่วมด้วยก็ดีกว่าดื่มกาแฟ เพราะการใช้วิตามินกับโสมจะทำให้สมองปลอดโปร่งกว่ากินกาแฟ

ชีวิตยิ่งใช้ ยิ่งได้กำไรกลับคืน



ถ้าเปรียบชีวิตกับเงินทุน คงทำให้เรามองเห็นภาพความจริงได้ชัดเจนขึ้น
สมมุติว่าเรามีเงินก้อนใหญ่ อยู่ในมือ และเงินนั้นคือต้นทุนทางธุรกิจ
แต่เพราะความเสียดายเพราะความ กลัว ว่าถ้าเอาเงินนั้นไปต่อยอด แล้วมีอะไรผิดพลาด
เงินก้อนนั้นก็จะไม่ อยู่กับเราอีก แล้วก็เฝ้าเก็บกอดเงินก้อนนั้นไว้โดยไม่แตะต้อง


ในความ รู้สึกเราอาจจะคิดว่าการเก็บเงินไว้เฉยๆ น่าจะปลอดภัยกว่า...
ทั้งๆ มีความจริงที่เราไม่อาจคาดคิดก็คือ
วันเวลาผ่านไปนับวันค่าของมันยิ่งลด น้อยลงไป
แต่ถ้าเอาไปต่อยอดด้วยวิธีที่ชาญฉลาด เงินนั้นก็จะพอกพูนเพิ่มขึ้น




คนทุกคนเกิดมาบนโลกนี้ ล้วนมีต้นทุนพกมาเท่ากัน เพียงแต่มันไม่ใช่ตัวเงิน
ต้นทุนนั้นก็คือการ ได้เกิด ได้เติบโต ได้มีชีวิต
และมีลมหายใจไปตามทิศทางของตนเอง

การ เก็บชีวิตไว้ในที่ที่ปลอดภัย
และเดินไปในทิศทางที่ถูกกำหนดไว้ด้วยความ รัก
แม้ว่าสิ่งนั้นจะทำให้เรามีชีวิตที่สวยงาม
แต่โลกนี้ไม่ได้สวย งานไปหมดทุกแง่มุม



การที่ชีวิต จะแข็งแรงได้นั้นก็มีอยู่วิธีเดียว
นั่นก็คือการได้ใช้ มันอย่างเหมาะสมตามวันเวลา
ให้ตัวเองได้ออกไปผจญภัยบ้าง เพื่อ สร้างภูมิต้านทาน
ให้ชีวิต
ต่อไปในวันข้าง หน้าเราจะได้มีเรื่องราวดีๆ เก็บไว้ต่อทุนให้ตัวเอง

♣ ความรัก .. ไม่มีวันศึกษาจบในวันเดียว ♣




หนังสือเล่มหนา ที่มีอยู่ . . .
เราต่างรู้ อ่านจบวันเดียวไม่ได้
ความรักและการคบ ใครก็เช่นกัน . . .
ไม่มีวันที่เธอจะศึกษาในวันเดียว



เวลาที่ผ่านไป . . . ต้องหมั่นทำความเข้าใจให้ดีๆ
ให้เราอ่านนิสัยกันนานๆ
ไม่ ใช่แค่มุมหวาน อย่างตอนแรกนี้
คนคนหนึ่ง มีด้านดีและไม่ดี
ให้เราเปิด ใจที่มี . . . ยอมรับกัน





แล้วความสัมพันธ์จะมั่นคง
ความ รู้สึกชื่อ "รัก" จะคงมั่น
แล้วหน้ากระดาษความผูกพัน
จะ ไม่มีวัน . . . ฉีกขาดยับเยิน



เวลาในชีวิตยังเหลืออีกเท่า ไหร่
อาจเศร้าเกินไป ที่จะคิดอะไรแบบนั้น
แต่อยากบอกเธอไว้ ไม่ว่าจะเหลือกี่คืนวัน
ขอให้ชีวิตเราได้มีกัน อย่างไม่เปลี่ยนใจ


30 สิ่ง น่าทำ ตอนที่ยังมีชีวิต





30 สิ่ง น่าทำ ตอนที่ยังมีชีวิต

• 1. ทำอะไรที่น่าตื่นเต้นในแต่ละวัน
• 2. ไป เที่ยวที่ที่คุณไม่เคยไป กับคนที่คุณไม่เคยคิดจะ ลืม
• 3. ซื้อความสุข ด้วยรอยยิ้ม
• 4. คุย กับคนแปลกหน้า เพื่อหาเพื่อนใหม่
• 5. ช่วยคนอื่น เมื่อคุณสามารถช่วยได้
• 6. สังเกต สิ่งรอบๆตัว อาจพบความสุขเล็กๆ เข้ามาในชีวิต
• 7. อยู่เงียบๆ กับตัวเองวันละ 5 นาที... เพื่อคิด
• 8. ทุ่มตัวเองเต็มที่ กับการหาทางแก้ ปัญหา ที่ คุณกำลังเผชิญอยู่
• 9. คบคนที่มองโลกในแง่ดี
• 10. เข้าคอร์สเรียนเพิ่มเติม ในเรื่องที่คุณสนใจ
• 11. จัดเวลา นัดเจอ เพื่อนสนิท ในแต่ละเดือน ไป กิน เที่ยว เล่น
• 12. มองพระอาทิตย์ขึ้น สัปดาห์ละครั้ง
• 13.. ดูพระอาทิตย์ตกดิน สัปดาห์ละครั้ง
• 14. ปลูกผักเอง เอาไว้ทานเอง
• 15. ไปหาเพื่อ ที่ไม่ได้เจอกันมานานนับปี
• 16. หยุดตามกระแสสักนิด และทำตาแนวคิดที่เหมาะสำหรับตัวเอง
• 17. บอกตัวเองว่า ไม่มีอะไรสายเกินไป
• 18. ค้นหา ประสบการณ์ดีๆ แปลกใหม่ ให้กับชีวิต
• 19. เลิกกังวลกับสิ่งที่คุณไม่มี และมีความสุขในสิ่งที่คุณมี
• 20. โรแมนติก ทำเซอร์ไพรซ์คนที่คุณรัก
• 21. หยุดเสียเวลา กับเรื่องหยุมหยิม ที่ไม่จำเป็น
• 22. รับประทานอาหารให้ช้าลง ลิ้มรสความอร่อย
• 23. ขอความช่วยเหลือ เมื่อต้องการ เพราะคุณจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ หากไม่เอ่ยปาก
• 24. ถามคำถาม เมื่อสงสัย... ช่วยประหยัด เวลา และลดความยุ่งยากใจ
• 25. เล่นสนุกบ้าง ชีวิตมีแค่ครั้งเดียว
• 26. ทำอะไรทีละอย่าง จะได้ทำออกมาได้ดี
• 27. ฝึกความพอเพียง – พอดี เมื่อมันเกิดขึ้นกับคุณ จะไม่มีใคร เอาไปจากคุณได้
• 28. รักษา สัญญา
• 29. ดู ตลก ฟังเรื่องตลก และแบ่งปันกับคนอื่น
• 30. เปิดโลกความคิดสร้างสรรค์ของคุณ กับ งานศิลปะ เช่นดนตรี ภาพ ถ่าย ภาพยนตร์ ฯลฯ

ตั้งกระทู้ โปรแกรม เปลี่ยน Icon ต่างๆ เป็น Icon รูปของเรา

MakeIcon โปรแกรมสร้าง Icon ขึ้นมาจากรูปภาพนามสกุล BMP,GIF และ JPG ซึ่งเหมาะสำหรับผู้พัฒนาโปรแกรมแล้วอยากจะทำ Icon ให้ กับโปรแกรมตัวเองหรือเพื่อนๆ ที่คิดสนุกๆ แบบผมทำ Icon ขึ้น มาใช้งานเองสำหรับใช้แทนตัวโปรแกรมต่างๆ ให้ดูแปลกๆ น่ารักไปอีกอย่างบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเรา ซึ่งการใช้งานนั้นก็ง่ายๆ เพียง กดที่ File > Import แล้วไปเลือกภาพที่เราชอบขึ้นมาจากนั้นตัวโปรแกรมจะให้เราลดขนาดภาพให้พอดี กับขนาด Icon มาตรฐาน้สียก่อน (กด OK เมื่อเสร็จ) และเมื่อเรียบร้อยแล้วก็ Save ออกมาเป็น Icon นามสกุลต่างๆ ได้เลยครับ (.ico, .cur, .bmp, .gif)

icon

icon

10 วิธีคลายเครียดง่ายๆ

1.การใช้ชีวิตให้ช้าลง
ความ เร่งรีบของชีวิตเป็นสาเหตุใหญ่ของความเครียดในปัจจุบัน ถ้าวางแผนตารางชีวิตได้เหมาะสม ความเร่งรีบก็จะลดลง ความเครียดก็จะลดลงตามไปด้วย

2.ออกกำลังกายแบบแอโรบิก เป็นประจำ
เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ หากทำเป็นประจำจะช่วยเพิ่มปริมาณเลือดไปเลี้ยงสมอง สมองจะหลั่งฮอร์โมนความสุข ส่งผลให้จิตใจโปร่ง เบา สบาย และมีความสุข

3.การเข้านอนหัวค่ำตื่นแต่ เช้า
ช่วง แรกจะต้องใช้จิตตนเองกล่อมให้หลับ และปลุกให้ตื่น ตรงตามเวลาก่อน หลังจากนั้นฮอร์โมนภายในร่างกายจะช่วยให้การหลับตื่นเป็นไปเองตามอัตโนมัติ ส่งผลให้จิตใจและสมองสดชื่น แจ่มใสอยู่เสมอ

4.ฝึกหายใจลึกและช้า
โดย หายใจเข้า ท้องจะพองออก หายใจออก ท้องจะยุบลง หากอัตราการหายใจไม่เกิน 10 ครั้งต่อนาที จะช่วยให้จิตผ่อนคลายลงได้มากทีเดียว

5.การฝึกชี่กง ไท้เก๊ก โยคะ
โดยจิตจับจ้องจดจ่อไปที่ท่าทางการเคลื่อนไหว สอดคล้องกับช่วงจังหวะการหายใจ จะทำให้จิตนิ่ง สงบและผ่อนคลาย

6.การฝึกยิ้ม หัวเราะ มีอารมณ์ขัน
จะช่วยให้เรามีอารมณ์ดีในทันที แถมจะได้รอยยิ้ม หัวเราะ และอารมณ์ขันจากคนรอบข้างกลับมาอีกด้วย ช่วยให้ผ่อนคลายความ เครียดได้

7.การฝึกทำสมาธิ
ซึ่ง มีหลายอารมณ์ หลายวิธีการ จะช่วยทำให้จิตสงบ คลื่นสมองจะช้าลง และมีระเบียบมากขึ้น จิตผ่อนคลาย ร่างกายเป็นสุข

8.การใช้ศิลปะบำบัด
เช่น การร้องเพลง เล่นดนตรี การเต้นรำ การวาดรูป ทำงานศิลปะ จิตจะจดจ่อกับกิจกรรมที่ผ่อนคลาย ลืมความทุกข์ความวิตกกังวลได้ดีทีเดียว

9.การรับพลังธรรมชาติ
การ ได้เปลี่ยนบรรยากาศจากที่จำเจไปสู่ธรรมชาติ เช่น ภูเขา ต้นไม้ ทะเล สายลม แสงแดด จะช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย เป็นสุข และยังเป็นการรับพลังจากธรรมชาติเข้าสู่ตัวเราอีกด้วย

10.การสวดมนต์ อธิษฐานจิต
จิต น้อมไปในคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคารพ รวมทั้งคุณงามความดีที่เราได้กระทำมาในอดีต จะเป็นพลังจิตอย่างมหาศาลให้กับเรา ช่วยให้จิตเราสงบ เย็นและเป็น สุข

ไม่มีใคร รู้ว่าวันข้างหน้าเป็นเช่นไร





























+++ Hamster +++

+++ Playlist +++


MusicPlaylistRingtones
Create a playlist at MixPod.com

+++ coming soon +++