วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การเปลี่ยนแปลง


ในหลายๆ ครั้งที่เราจำเป็นต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่ก่อนที่การเปลี่ยนแปลงนั้นจะมาถึง สิ่งที่ถึงตัวเราก่อนมักจะเป็นความกลัว

กลัวที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งที่บางทีเราก็ไม่ทราบว่า
ฉากต่อไปของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร

เคยอ่านเจอเรื่องสั้นเรื่องหนึ่ง แต่หาต้นฉบับไม่เจอแล้ว
เล่าถึงเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง

หล่อนอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กนี้มานานตั้งแต่เด็ก หน้าบ้านของหล่อนมีต้นไม้
ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขา จนทำให้บริเวณนั้นดูร่มรื่นเป็นพิเศษ

และแล้ววันหนึ่งเมื่อต้นไม้นั้นพ่ายแพ้แก่กาลเวลา
กิ่งก้านที่เคยร่มเย็นกลับก่อให้เกิดความยุ่งยากขึ้น
เมื่อมันหักและหล่นใส่บ้านข้างเคียงบ่อยๆ จนกระทั่ง
เป็นปัญหาถึงขั้นที่จะต้องโค่นล้มต้นไม้ใหญ่นั้นทิ้ง

หลังจากหญิงสาวทราบว่าไม่สามารถจะคงต้นไม้นี้ไว้ได้
หล่อนถึงกับกังวลถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา

ต่อไปนี้ จะเอาร่มเงาจากไม้ใหญ่ที่ไหนคอยกำบังแดดฝน

ไม่มีภาพที่เคยมีอีกแล้ว ยามมองออกไปนอกหน้าต่าง ยิ่งคิดไปต่างๆ นานา

ก็ยิ่งให้รู้สึกเสียดายไม้ใหญ่นั้น ยิ่งวันที่ต้องตัดต้นไม้นั้น

หล่อนได้ยินคำพูดจากเพื่อนของเธอที่ต้องการปลอบใจว่า
“อย่าเสียดายกับสิ่งที่เสียไป จงตื่นเต้นและยินดีกับสิ่งที่กำลังจะตามมา”

แน่นอนว่าตอนนี้ไม่มีคำพูดใดๆ เจาะไชเข้าไปถึงตัวเธอๆ ได้
วันเวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์ ชีวิตของเธอหลังต้นไม้ใหญ่ถูกโค่นเริ่มเปลี่ยนแปลง

ทุกเช้าที่เธอตื่น เธอจะได้รับแสงแดดส่องเข้ามาในบริเวณห้องของเธอ
จนทำให้วันนั้นเกิดรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นทันที เธอได้บริเวณบ้านมากขึ้น
สำหรับปลูกไม้ดอกที่อยากจะปลูกมานาน

เธอกลับเริ่มรู้สึกดีๆ กับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
มันไม่ได้แย่ไปอย่างที่เธอคาดไว้เสียทีเดียว ถ้าต้นไม้ใหญ่นั้นไม่ถูกโค่นลง
วันนี้เธอคงไม่ได้เห็นภาพเด็กๆ วิ่งขึ้นลงรถรับส่งโรงเรียนอย่างร่าเริง
ในอีกมุมตึกถัดไปอย่างชัดเจนเช่นนี้

ตอนนี้เธอเข้าใจกับคำว่า
“อย่าเสียดายในสิ่งที่เสียไป แต่จงตื่นเต้นและยินดีกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น”

เรื่องนี้บางทีคงถ่ายทอดได้ไม่ดีเท่าต้นฉบับ แต่ตอนอ่าน
พออ่านจบแล้วรู้สึกว่ามันเป็นความจริงที่ส่วนมากแล้ว
เรามักจะกลัวการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ทุกอย่างมันอยู่ที่ความคิดจริงๆนะ

คนเรามักกลัวที่จะเข้าไปในห้องมืด ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในห้องนั้นมีอะไรบ้าง
แต่ไอ้ที่กลัวๆ อยู่น่ะมันอยู่ในความคิดทั้งนั้น

อย่างบางคนก็กลัวที่จะสูญเสียคนรักไป ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้มองหรอกนะว่าไอ้ที่กอดๆอยู่น่ะ
มันเหมาะมันดีกับเราแล้วจริงหรือ กลัวว่าต่อไปถ้าขาดเขาหรือเธอไปชีวิตจะเป็นยังไง
เดินห้างคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว กลัวเจอคนที่แย่กว่าเดิม

อะไรก็ตามที่คุณกลัวและคิดไปเรื่อย จนทำให้คุณกลัวที่จะเปลี่ยนแปลง
จนบางทียอมที่จะทนกับสิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณ แย่ลงไปยิ่งกว่าการเปลี่ยนแปลง
คุณลองมองในอีกมุมที่หญิงสาวคนในเรื่องไม่ได้มองดูสิ มุมมองที่เป็นบวกกับชีวิตคุณ
มุมมองที่จะทำให้คุณ ก้าวต่อไปได้ด้วยความตื่นเต้นและยินดี

“อย่าเสียดายในสิ่งที่เสียไป แต่จงตื่นเต้นและยินดีกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น”

ทำนายชีวิตข้างหน้าคุณจะเป็นอย่างไร

ชีวิตนี้เป็นของเรา … ทางเดินชีวิตที่ยาวไกลก็เป็นทางที่เราต้องเลือกเอง แล้วคุณอยากรู้ไหมล่ะ ว่าคุณจะมีอนาคตที่สดใสสักแค่ไหน ลองตอบคำถามง่ายๆ ต่อไปนี้สิ

1. คุณชอบเพื่อนที่ลักษณะนิสัยแบบไหน
ก. เรียนเป็นเรียน เล่นเป็นเล่น จริงใจด้วยก็ดี
ข. ซ่าส์สุดๆ เฮฮาตลอดชีวิต ทำให้คุณหัวเราะได้ทั้งวัน
ค. จิตใจโอบอ้อมอารี ใจเย็นและทนอารมณ์คุณได้ตลอด
ง. คอยให้กำลังใจคุณตลอด ไม่ว่าคุณจะสิ้นหวังขนาดไหน


2. แล้วการเรียนของคุณตอนนี้ล่ะ เป็นยังไงบ้าง
ก. โอโหย…ไม่ต้องห่วง สบายมาก ท็อปเกรด…ยอดเยี่ยมสุดๆ
ข. ก็ดีอ่ะนะ …แต่ไม่ถึงกับโดดเด่นมาก
ค. พอใช้ได้ (ไปซื้อโอเลี้ยงให้หน่อยเด่ะ …) ไม่ถึงกับแย่หรอกนะ
ง. เลิกพูดกันเลยเรื่องเรียนเนี่ย อ่อนอกอ่อนใจซะเหลือเกิน … ทำไมมันแย่ขนาดนี้ฟะ


3. นิสัยส่วนตัวของคุณโดยภาพรวมแล้วเป็นแบบไหนล่ะ
ก. เอาแต่ใจตัวเอง … อะไรในโลกนี้ไม่เคยที่ฉันไม่เคยได้
ข. เชื่อมั่นในตัวเองม้าก…มาก ตั้งใจทำอะไรทุกอย่าง
ค. มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศไม่ว่าใครก็เข้าไปเจ๊าะแจ๊ะกับเค้าได้หมด
ง. ขี้โมโหนะ … แต่แป๊บเดียวก็หายแล้วล่ะ


4. คุณเคยดูถูกคนอื่นบ้างรึเปล่า
ก. ฉันเรอะ … ไม่เคยอ่ะ ไม่ชอบด้วย ถ้าใครมาดูถูกเราบ้างเราก็คงไม่ชอบเหมือนกัน
ข. ก็เฉยๆ ไม่เคยพูดออกมานะ แต่บางทีก็คิดอยู่ในใจเหมือนกัน
ค. บ่อยอ่ะนะ … ก็มันน่าดูถูกจริงๆ นี่นา ..
ง. ก็มีบ้างเป็นบางครั้ง ไม่บ่อยหรอก


5. ถ้าคุณได้รับมอบหมายจากอาจารย์ให้ทำรายงานส่งภายใน 1 สัปดาห์ คุณจะทำอย่างไร
ก. ทำเสร็จภายในเวลาที่กำหนดน่ะแหละ ทำไปเรื่อยๆ
ข. เร่งทำมันวันสุดท้ายนั่นแหละ … ต้องเสร็จจนได้แหละน่า
ค. ทำให้เสร็จโดยเร็วที่สุด สักสองวันก็เสร็จแล้ว ได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่น
ง. ส่งเกินกำหนดแค่วันเดียวเอง แต่รายงานก็เพอร์เฟ็คนะ


6. คุณใช้เงินฟุ่มเฟือยไหม
ก. ไม่หรอก อย่างฉันนะเหรอ มีเท่าไรก็เก็บเข้ากระปุกหมดแหละ ใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น
ข. ก็มีบ้างเป็นบางครั้ง แหมคนเราก็ต้องมีบ้าง สีสันของชีวิตไง
ค. แบบ … จ่ายหมดแหละ ก็มีคนเมคมันนี่ให้ ก็ใช้ไปตามสบาย ไม่เห็นต้องเดือดร้อนเลย
ง. ไม่มีเงินเท่าไร แต่นิสัยก็ฟุ่มเฟือยอ่ะนะ ทำไงได้… นิสัยเป็นแบบนี้นี่ ไม่งั้นก็ตกยุคสิ


7. ถ้ามีใครมาทำให้คุณโกรธจนเจ็บใจมากๆ คุณคิดจะให้อภัยเค้าบ้างไหม
ก. ฝันไปเถอะ เจ็บแล้วจำจ้ะ จำจนตาย … อย่ามาเจอะมาเจออีกเลย
ข. ก็รอเวลาน่ะ นานๆ เข้าอาจจะลืมแล้วก็ให้อภัยเค้าได้
ค. ให้อภัยเสมอแหละ โกรธใครแล้วใจก็ไม่สบายเท่าไร เดี๋ยวแก่ด้วย
ง. ดูตามความเหมาะสมน่ะนะ ตามสถานการณ์แล้วกัน แต่ก็คงจะให้อภัยได้


8. ถ้าคุณได้ไปฝึกงานก่อนเรียนจบ คุณจะ…
ก. ทำไปเรื่อยๆ ไม่เห็นต้องกระตือรือร้นอะไรมากเลย เงินก็ไม่ได้สักบาท
ข. ทำตามที่เค้าสั่งอย่างขยันขันแข็ง แต่ไม่ออกความคิดอะไรหรอก
ค. ตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดล่ะ เพื่อประสบการณ์ในการทำงานของเรา … อนาคตเชียวนะ
ง. จะไปตั้งใจอะไรกันนักกันหนา ทำๆ หยุดๆ ก็ได้ … ขี้เกียจจะตาย เอาไว้ทำงานจริงแล้วค่อยขยันก็ยังทัน


9. ถ้าคุณจะประกอบอาชีพสักอย่าง คุณจะทำอาชีพลักษณะไหน
ก. ทำการค้า ธุรกิจสิ เหมาะกับเราสุดแล้ว
ข. งานอิสระที่ได้ใช้หัวคิดแล่นโลด ไม่ยึดติดกับใครเนี่ย …ฉันเอง
ค. ข้าราชการสิ สบายดี มั่นคงด้วย
ง. รัฐวิสาหกิจก็ดีนะ … เป็นระเบียบเรียบร้อยดีเหมือนกัน


10. คุณมีเงินฝากสะสมในธนาคารสักเท่าไรล่ะ
ก. ก็พอมีบ้างนิดหน่อย
ข. ไม่มีเลยซะกะบาท … ได้มาทีก็ไรก็จ่ายหมดล่ะ เรื่องใช้เงินมันเยอะซะเหลือเกิน
ค. มีพอสมควร ไม่มากไม่น้อย
ง. เยอะแยะเต็มไปหมด


11. ยามที่คุณไม่สบายใจ มีเพื่อนคนไหนมาช่วยเหลือรึเปล่า
ก. ก็เป็นบางครั้ง … แต่ก็น้อยมากนะ
ข. ไม่มีสักคน คิดเองแก้ปัญหาจนชินแล้วล่ะ
ค. มีเสมอล่ะ หลายคนด้วย
ง. มีเพื่อนซี้ปึ้กอยู่คนเดียวเนี่ยปรึกษาได้ทุกงาน


12. ถ้าคุณเจอปัญหาหนักอกหนักใจ คุณจะท้อแท้แล้วยอมแพ้ไหม
ก. ไม่มีทาง เราไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก
ข. หดหู่นะ … ยอมแพ้จริงๆ มันหนักหนามากเลยนี่
ค. ก็นิดหน่อย พอสักพักพลังใจก็มาใหม่
ง. รู้สึกอยู่ในใจ


13. คุณคิดว่าชีวิตทุกวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง
ก. ก็สุขบ้าง ทุกข์บ้าง เป็นธรรมดา
ข. ต้องต่อสู้ชีวิต มุ่งมั่นให้มากที่สุดเพื่ออนาคต
ค. ขอเงินพ่อแม่ใช้ไปวันๆ ไม่เห็นต้องเดือดร้อนเลย
ง. อดมั่ง กินมั่ง ไม่ต้องดิ้นรนตะเกียกตะกายไปไหน


14. ถ้าคุณพลาดหวังจาการสอบเรียนต่อคุณจะทำยังไงล่ะทีนี้
ก. ปล่อยตนเองให้เบื่อหน่ายกับชีวิตไปสักพัก
ข. มองโลกในแง่ดี คิดเสียว่าไม่ได้วัน วันหน้าก็มีโอกาส
ค. เลิกเรียนต่อซะ ไม่เอาแล้ว
ง. ท้อแท้ แต่คงไม่ถึงกับสิ้นหวัง


15. คุณคิดว่าอนาคตที่สุดจะขึ้นอยู่กับอะไร
ก. ความตั้งใจ ขยันหมั่นเพียรของเราเนี่ยแหละ
ข. เงินสิ บันดาลได้ทุกสิ่ง
ค. ไม่เห็นต้องสนใจอนาคต ชีวิตเราเรียบๆ ง่ายๆ ไม่ต้องไปคิดถึงมัน
ง. ดวงชะตาฟ้าลิขิต ตามบุญกรรมทำสร้าง



คราวนี้เราไปตรวจคะแนนกันเลย





ข้อ 1 2 3 4
1 4 1 2 3
2 4 3 2 1
3 1 3 4 2
4 4 3 1 2
5 4 2 3 1
6 4 3 1 2
7 1 2 4 3
8 2 3 4 1
9 3 4 1 2
10 2 1 3 4
11 2 1 4 3
12 4 1 2 3
13 3 4 1 2
14 3 4 1 2
15 4 3 1 2

นับคะแนนกันแล้วลองมาดูผลอนาคตของคุณดีกว่า

0 - 20 คะแนน :
ถนนสายชีวิตของคุณค่อนข้างแคบและแห้งแล้ง คุณไม่ค่อยมีเพื่อนร่วมทางในการเดินทางแห่งชีวิตสักกี่คน เพราะคุณไม่ค่อยสนใจใคร เอาแต่ใจตัวเอง ทำงานกับ ใครได้ไม่นาน คุณไม่ค่อยใส่ใจกับอะไรมากนัก คอยจะเฮฮา แฮปปี้สนุกสนานจนลืมสิ่งที่สำคัญในชีวิตไป อย่าปล่อยให้ชีวิตเรื่อยเปื่อยขนาดนี้เลย … วันหนึ่งในจุดที่คุณรู้สึกอิ่มตัวกับความสุขจอมปลอมนั้นคุณจะรู้สึกเสียดาย กับเวลาที่ผ่านไปของช่วงชีวิต ค่อยๆ ปรับตัวทีละนิดนะ … คิดถึงสิ่งสำคัญในชีวิตให้มากเข้าไว้ ลองมองถึงอนาคตข้างหน้ามากกว่าจมอยู่กับความสนุกสนานที่ไม่ทำให้เกิดสาระ ขึ้นมา ชีวิตน่ะสนุกสนานได้มันก็ดี…แต่ถ้ามากเกินไป ระวังจะทำชีวิตหล่นหายไปนะ …


21 - 40 คะแนน :
คุณเป็นคนที่มีไฟอยู่ในตัวอยู่แล้ว แต่บางครั้งไม่ค่อยได้หยิบมันเอามาใช้ เพราะคุณทำตัวสบายๆ เกินไป จับปลาสองมืออยู่บ่อยๆ ไม่ค่อยจะตั้งใจจริงจังสักเท่าไร ลองมาดูตัวเองจริงๆ ดีกว่า … แล้วคุณจะพบว่าไอ้สิ่งที่คุณกำลังเผชิญหน้าอยู่น่ะ คุณสามารถทำได้ แล้วก็ทำได้ดีด้วยล่ะ เพิ่มความตั้งใจแล้วก็ขยันอีกนิด รับรองอนาคตสดใสแน่นอน


41 - 60 คะแนน :
คุณเป็นคนที่รู้จักตัวเองดี มีความมานะบากบั่น มุ่งมั่น ทำอะไรอย่างตั้งใจตลอดไม่ว่าจะเรื่องอะไร คุณไม่เคยหวั่นสำหรับอุปสรรคใดๆ คุณสามารถก้าวไปถึงเส้นชัย…ถึงอนาคตที่คุณฝันไว้ได้อย่างแน่นอน รักษาความดีเอาไว้นะ … อย่าไปสะดุดหกล้มที่ไหนล่ะ

ใครที่ผลพยากรณ์เป็นที่ถูกใจก็ดีไป … เบิกบานใจได้ แต่คนที่ได้ผลพยากรณ์ไม่ดีสักเท่าไรก็อย่าเพิ่งท้อแท้แล้วปล่อยชีวิตเรื่อย เปื่อยไปตามคำพยากรณ์นะ คุณจะต้องเอาชนะคำพยากรณ์ร้ายๆ ให้ได้ ปรับปรุงตัวเองซะใหม่ ไม่ต้องรีบร้อน … ค่อยๆ ปรับตัวให้เหมาะสมให้ได้ เข้มแข็งเข้าไว้… เรื่องอย่างนี้ต้องขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง ทางเดินของคุณ … คุณเลือกเอง

เทคนิค การแต่งกาย อำพรางหุ่น

สาวหน้าอกใหญ่

เทรนด์ แต่งตัว สาวหน้าอกใหญ่


ควรหลีกเลี่ยงชุดที่มีสายคล้องคอและแขนเว้า เพราะจะยิ่งเน้นความใหญ่ไปยังหน้าอกคุณมากขึ้น ควรเลือกใส่ชุดคอกว้างเนื้อผ้าพลิ้ว ไม่แนบเนื้อจะดีกว่านะคะ


สาวรูปร่างคล้ายผู้ชาย

เทรนด์ แต่งตัว สาวรูปร่างคล้ายผู้ชาย

หลีกเลี่ยงชุดราตรีสั้นทรงตรง เพราะจะยิ่งทำให้คุณมองไม่เห็นส่วนเว้าส่วนโค้ง ชุดที่เหมาะกับคุณควรเป็นชุดคอวี เผยให้เห็นเนินอกแลดูเซ็กซี่นิดๆ ชายกระโปรงมีพู่ฝอยยาวคลุมเข่า เพื่ออำพรางช่วงขาที่ล่ำสันให้ดูเป็นผู้หญิงมากขึ้น


สาวอกเล็ก

เทรนด์ แต่งตัว สาวอกเล็ก

ถ้าคุณเป็นหนึ่งในสาวอกเล็ก ควรเก็บเสื้อคอเหลี่ยมกระโปรงทรงกระบอกลงกล่องเข้ากรุได้เลยค่ะ เพราะชุดลักษณะนี้ยิ่งทำให้หน้าอกคุณแบนกว่าความเป็นจริง และยังทำให้คุณไม่มีทรวดทรงด้วย หยิบชุดคอวี เนื้อผ้ารัดรูปเน้นส่วนเว้าส่วนโค้ง แล้วเลือกชุดชั้นในแบบดันทรง เพื่อเน้นเนินอกให้ดูอวบอิ่ม


สาวร่างอวบ

เทรนด์ แต่งตัว สาวร่างอวบ

สาวเจ้าเนื้อ ควรหลีกเลี่ยงชุดสั้นเลยเข่า และรัดรูปเกินเหตุ เพราะจะเผยให้เห็นโคนขาและเน้นสะโพกให้แลดูใหญ่มากขึ้น เลือกอำพรางรูปร่างด้วยชุดคอสูงและกว้าง เพื่อซ่อนสัดส่วนที่อวบอัด กระโปรงก็น่าจะเลือกแบบยาวคลุมเข่า จะช่วยปิดโคนขาให้เรียวเล็ก

ขอบคุณ "มือที่สาม"

ากถามว่าอุปสรรคของความ รักที่ก้าวผ่านไปยากที่สุดคืออะไร? ต่างคนก็คงต้องมีคำตอบต่างกัน

บ้างก็ว่า "ความห่างไกล" ที่กั้นไม่ให้เจอกันทุกวัน

บ้างก็ว่า "ครอบครัว" พ่อแม่พี่น้องไม่เห็นด้วยกับรักครั้งนี้

บ้างก็ว่า "มือที่สาม" ที่มาแทรกตรงกลาง

ในระหว่างสามอุปสรรค "มือที่สาม" อาจดูหนักที่สุด เจ็บ มากที่สุด ฝังใจนานที่สุด และไม่ว่าใครก็ตาม

ที่ เคยสูญเสียความรักไปเพราะมือที่สาม หรือแม้แต่กำลังจะสูญเสีย ความโกรธแค้นย่อมเกิด ความถือ

โทษโกรธ คนที่มาแย่งแฟนเรา ย่อมมี แต่ก็ไม่รู้จะมีใครฉุกคิดบ้างไหมว่า การสูญเสียความรักไปเพราะ

"มือที่สาม" นั้น เราไม่ควรโกรธ "มือที่สาม" แต่ควรขอบคุณมากกว่า

ขอบคุณที่ช่วยเข้ามาเป็นบททดสอบว่ารักเราเป็นรักแท้หรือ ไม่

ขอบคุณที่ช่วยเข้ามาเปิดเผยนิสัย ที่แท้จริงของคนที่เราคบอยู่ด้วยว่าเขามี "ยีนนอกใจ" ฝังอยู่ในตัว

เพราะถ้าเป็น "รักแท้" อย่าว่าแต่มือที่สามเลย ต่อให้เป็นมือที่สี่ มือที่ห้า ก็ไม่สามารถทำอะไรกับ

ความสัมพันธ์ของเราได้

เหมือนบ้านที่ปิดประตูแน่นหนา

เหมือนขวดน้ำที่มีฝาปิดล็อก

หากไม่มีการเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามาแทรกแซง คนอื่นก็ย่อมไม่มีโอกาสนั้น

"มือที่สาม" จึงไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหา "คนของเรา" ต่างหากที่ไม่ซื่อสัตย์ และเป็นต้นเหตุของปัญหา

มาถึงตรงนี้หาก ถามคำถามเดิมว่า อุปสรรคของความรักที่ก้าวผ่านยากที่สุดคืออะไร?

หลายคนอาจตอบตรงกันว่านั่นคือ "ความ ซื่อสัตย์" และหากมีคนขอให้พูดประโยคสุดท้ายก่อนที่จะ

สูญเสียความรักครั้งนี้ให้กับมือที่สามไป ก็สมควรที่จะพูดว่า "ดีใจที่เลิกกัน และขอบคุณมือที่สามที่มา

ดึงผู้ชายที่ ไม่รักดีคนนี้ออกไปจากชีวิต"

เทรนด์ทรงผม สำหรับหน้าร้อน 2010

Spring & Summer Hairstyle collestion 2010

เอา ทรงผมสวยๆมาฝากคุณสาวๆ กันอีกแล้ว เท รนด์ทรงผมโดดเด่นในปีนี้คือ ทรงผมดัดและทรงผมสั้น ผมดัดเป็นทรงผม ที่ทำให้รู้สึกว่ามีชีวิตชีวาและยังดูทันสมัยอีกด้วย ลอนผมที่ดูมีน้ำหนักและพริ้วไหวทำให้ดูเป็นธรรมชาติ การสร้างลอนใหญ่นิดๆที่ปลายผมแล้วทำให้ทิ้งน้ำหนักจะช่วยให้ใบหน้าของคุณดู เล็กลง และยังเผยให้เห็นถึงความสวยสดใสของคุณอีกด้วย และทรงผมสั้น เทรนด์ปีนี้จะดูอ่อนโยน นุ่มนวลยิ่งขึ้น ทำลอนผมให้ดูเบาสบาย เป็นทรงผมสั้นแบบพริ้วหวานเลยทีเดียว

เทรนด์ ทรงผม ผมดัด

เทรนด์ ทรงผม ผมดัด

ทรงผมดัด ผมลอนเป็นคลื่นดูมีเสน่ห์

เทรนด์ ทรงผม ผมยาว

เทรนด์ ทรงผม ผมยาว

ทรงผมดัด พริ้วไหวแบบธรรมชาติ

เทรนด์ ทรงผม ผมสั้น

เทรนด์ ทรงผม ผมสั้น

ทรงผมสั้น ดูเงางามและอ่อนไหว

เทรนด์ ทรงผม ผมสั้น

เทรนด์ ทรงผม ผมสั้น

ทรงผมสั้น จัดทรงแบบสบายๆเน้นที่ใบหน้าดูอ่อนโยน

เทรนด์ ทรงผม

เทรนด์ ทรงผม ผมดัด

ทรงผมดัด ลอนหลวมๆดูมีมิติ มีสไตล์แบบสบายๆ

วิธีถนอมสายตา..เมื่อใช้ คอมพิวเตอร์นานๆ

อาการที่นัยน์ตาถูกใช้งานอย่างหักโหม ได้แก่

การมองเห็น สี
หากลองมองไปที่อื่นหลังจากที่มองจอคอมพิวเตอร์ เป็นเวลานานๆ จะรู้สึกว่าการมองเห็นสีนั้นยากขึ้น ปรากฏการณ์นี้เกิดจากปริมาณของสีเคมีพิเศษที่อยู่ในจอตาหรือจอรับภาพลดลง อย่างไรก็ตามนัยน์ตาก็จะสร้างสีให้เกิดใหม่ได้ในไม่ช้า หลังจากที่สีเคมีดังกล่าวหายไปชั่วขณะหนึ่ง

การมองเห็นภาพซ้อน
กล้าม เนื้อตาจะรวมภาพที่จุดๆ หนึ่ง แต่เหมือนกับมีบางสิ่งมาอยู่ใกล้ๆ กับจุดโฟกัสนั้น เมื่อเราพยายามมอง ก็จะทำให้เกิดเป็นภาพซ้อน ซึ่งมักพบได้บ่อยๆ การเห็นภาพซ้อนบางครั้งก็ไม่รู้สึกหรือไม่เกิดขึ้นโดยตรง แต่จะรู้สึกปวดหัวหรือเกิดอาการล้านัยน์ตา หากเห็นภาพซ้อนอยู่เรื่อยๆ ควรปรึกษาจักษุแพทย์

ปัญหาในการโฟกัส
หากกล้ามเนื้อตาต้องถูกใช้ งานอย่างหนักโดยการทำงานซ้ำๆ เช่น เพื่อเลื่อนโฟกัสมองตามตัวอักษรที่พิมพ์ หรือกวาดสายตาตามตัวอักษรที่อ่านบนจอภาพ หรือการจ้องมองอยู่ที่โฟกัสเดิมเป็นเวลานานๆ ก็เป็นสาเหตุให้กล้ามเนื้อตาเกิดอาการล้าหรือตึงเครียด และอาจทำให้สายตาหรือกล้ามเนื้อตาเสื่อมลง ทำให้ความสามารถในการกำหนดโฟกัสของสายตาแย่ไปด้วย

อาการปวดหัว
เมื่อ ต้องใช้สายตาอย่างหนักในการจ้องมองจอคอมพิวเตอร์นานๆ อาจจะเกิดอาการปวดหัว พบมากที่บริเวณขมับ ซึ่งเกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณคอและศีรษะเกิดความตึงเครียด อาการปวดหัวอาจไม่ได้เกิดจากความเมื่อยล้าของนัยน์ตาโดยตรง แต่เป็นผลข้างเคียงจากความพยายามจ้องมองในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม คนที่สายตาสั้นจะปวดหัวและมีอาการเมื่อยล้านัยน์ตาได้ง่าย

วิธีการถนอมสายตาเมื่อ ต้องใช้คอมพิวเตอร์
1.ควรเลือกจอภาพที่มีการกระจายรังสีต่ำเพื่อถนอมสายตา วิธีทดสอบง่ายๆ ทำได้โดยลองปิดสวิตช์จอภาพ แล้วเอามือหรือแขนไปจ่อไว้ใกล้ๆ จอภาพให้มากที่สุด จอภาพที่มีการกระจายรังสีต่ำจะแทบไม่รู้สึกถึงไฟฟ้าสถิตตามขนที่ผิว

2.ปรับแสงและความคมชัดของหน้าจอ คอมพิวเตอร์ให้รู้สึกสบายตา รวมทั้งความสว่างภายในที่ทำงาน ลดแสงสะท้อนรบกวน เช่น ปิดไฟดวงที่สะท้อนจ้าลงบนจอคอมพิวเตอร์ หากทำงานกับคอมพิวเตอร์ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงจ้าและจอภาพมีความสว่างมาก ก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อดวงตาได้ง่ายและรวดเร็ว จะรู้สึกว่ามีอาการปวดร้าวดวงตาเร็วและแสบตาอย่างรุนแรง

3.ตำแหน่งของจอภาพควรห่างจากดวงตาประมาณ 18-24 นิ้ว หรือประมาณช่วงแขนเอื้อม และปรับให้ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 15-20 องศา หากระยะห่างระหว่างตากับจอภาพไม่สัมพันธ์กัน จะทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าและปวดตาได้ง่าย

4.การใช้แผ่นกรองรังสีติดไว้ที่หน้าจอ คอมพิวเตอร์ แม้ว่าจะช่วยลดการกระจายรังสีจากจอคอมพิวเตอร์ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แล้วแต่คุณภาพของสินค้า แต่อย่างน้อยๆ ก็ช่วยลดแสงจ้าจากจอคอมพิวเตอร์ลงได้

5.ทำความสะอาดหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่เสมอ เพราะฝุ่นจะทำให้เกิดการสะท้อนมากขึ้น

6.การ หยุดพักหรือเปลี่ยนตารางเวลาการทำงานใหม่ จะช่วยให้สายตาคลายความเมื่อยล้าจากการจ้องเพ่งคอมพิวเตอร์ได้ The National Institute of Occupational Safety and Health (NIOSH) แนะนำให้หยุดพักสายตาครั้งละ 15 นาทีทุกๆ 2 ชั่วโมง ผู้เชี่ยวชาญบางคนก็แนะนำว่าควรจะหยุดพักบ่อยๆ โดยแต่ละครั้งใช้เวลาเพียงเล็กน้อย เช่น พักสายตาทุก 30 นาที โดยหลับตาหรือมองไปไกลๆ สัก 5-10 นาที แล้วจึงเริ่มทำงานต่อไป ก็จะช่วยถนอมสายตาได้

7.อาจใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ วางไว้บนเปลือกตา และหลับตาสัก 2-3 นาที หรือจะให้ดีกว่านั้นก็คือ ปิดไฟ นอนพักสักครู่ (ถ้าไม่มีปัญหากับหัวหน้างาน)

8.สำหรับผู้ที่ใส่คอน แท็กเลนส์ อาจจะเกิดอาการตาแห้งเพราะขาดน้ำหล่อเลี้ยง เพราะห้องที่มีคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ ก็มักจะมีเครื่องปรับอากาศอยู่ด้วย เมื่อบวกกับความร้อนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ จะทำให้อากาศแห้ง การหยอดน้ำตาเทียมจะช่วยได้

9.ควรกะพริบตาให้บ่อยครั้งกว่าปกติ เพื่อให้มีน้ำหล่อเลี้ยงดวงตาอยู่เสมอ ภายใน 10 วินาที ลองพยายามกะพริบตาสัก 1-2 ครั้ง จะช่วยลดความอ่อนล้าของสายตาได้มาก

10.ผู้ที่ใส่คอนแท็กเลนส์ และมีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ซึ่งใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ ควรตรวจเช็กสุขภาพตาบ้าง

Google TV มาแล้วจ้าๆๆๆๆ สดๆๆ ร้อนๆ

Google ยักษใหญที่น่ากลัว และใหญ่กว่าที่หลายๆคนคิด โดยมีอัตราการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด หลังจากเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา Google ตัดสินใจโดดลงมาร่วมในตลาด PDA Phone กับระบบปฎิบัติการ แอนดรอยด์ ซึ่งผลออกมาก็ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ จนถึงขั้นดี แต่ในตอนนี้ Google เองก็กำลังรุกคืบคลานเข้าไปสู่ตลาดรายการ TV ปกติเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่บ้านเรากำลังประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกนอกบ้าน แต่ทางต่างประเทศก็เปิดตัว Google TV ซึ่งเป็นบริการและอุปกรณ์ใหม่ของทาง Google ซึ่งมีข่าวมาอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง Sony , Intel และ Google โดยผ่านทาง Box การเชื่อมต่อที่เรียกชื่อว่า เซตทอปบ๊อกซ์ ซึ่งจะเป็นการเชื่อมต่อให้ TV สามารถรับชมรายการ TV ทางอินเตอร์เน็ตได้ โดยมีเมนูและอินเตอร์เฟสที่จะแสดงบนหน้าจอ TV เมื่อไรก็ตามที่เราอยากค้นหาเรื่องราว รวมถึงรายละเอียดเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็สามารถ พิมพ์ข้อความลงในช่องค้นหา เพื่อค้นหาหนังที่เกี่ยวข้องขึ้นมา เช่นชื่อเพลง ชื่อดารา ชื่อนักร้อง หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้อง

ตัวอุปกรณ์ Google TV นั้นจะประกอบไปด้วยตัวเครื่อง Keyboard และการเชื่อมต่อทาง WiFi โดยมีช่องเสียบต่อ TV ทาง HDMI และใช้ Processor CE4100 นอกจากนั้นมันยังสามารถเชื่อมต่อทำงานร่วมกับ แอนดรอยด์ได้อีกด้วย โดยหาเราใช้ PDA Phone ที่เป็นระบบปฎิบัติการ แอนดรอยด์ ก็จะสามารถใช้งานเป็นรีโมทควบคุมได้อีกต่างหาก เช่น Voice Search การทำงานของกล่อง Google TV นั้นทำงานบนพื้นฐานของระบบปฎิบัติการ แอนดรอยด์ และ Chrome ซึ่งทำหน้าที่เป็น Browser รองรับการทำงาน Flash แบบเต็มรูปแบบ มี Market สำหรับการ Dowload App มาเพิ่มเติมได้ หาก App นั้นๆไมได้บังคับการทำงานว่าจะต้องเป็น Phone การควบคุมการทำงานสามารถใช้ข้ามแพลตฟอร์มกับเครื่องแบบอื่นๆได้ รวมถึง iPhone



Google TV จะเป็นเครื่องรับที่มี อินเตอร์เฟสของตนเอง คล้ายๆกับกล่องเคเบิ้ล TV โดยเปลี่ยนเมนูเลือกช่องต่างๆที่เราคุ้นเคยกลายเป็นช่อง Search เพื่อค้นหา Content รายการ TV ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรูปแบบของ Google TV นั้นจะมีสองรูปแบบด้วยกัน คือเป็นแบบ TV เลย และเป็นแบบ Box ที่นำมาต่อเพิ่ม Google มองว่า TV นั้นเป็นอุปกรณ์ที่เข้าถึงได้ง่ายมาก แต่มันยังไม่ฉลาดพอ เพราะมีข้อมูลและ Content จำกัด แต่สำหรับโลกอินเตอร์เน็ตแล้ว มีแทบทุกอย่างที่อัพเดทและทุกอย่างที่สดแปลกใหม่อย่างที่เราไม่สามารถหาได้ ใน TV ปกติ แต่การแสดงผลหน้าจอก็ยังมีข้อจำกัด การรับชมต้องผ่านทางเครื่องคอมพิวเตอร์ ดังนั้นหากทำลายจุดจำกัดของอุปกรณ์ทั้งสองฝั่งและเชื่อมใให้มันเป็นหนึ่ง เดียวก็จะกลายเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ไร้ขีดจำกัด

ซึ่งการรุกข้ามสมรภูมิ ของ Google ในครั้งนี้ก็เพราะว่าตัวเลขของผู้ชมรายการ TV ทั่วโลกนั้นเป็นตัวเลขที่น่าดึงดูดใจเป็นยิ่งนัก เพราะมีประชากรที่เป็นผู้ชมรายการ TV ทั่วโลกมากถึง 4 พันล้านคน มูลค่าตลาดโฆษณาทีวีทั่วโลกที่สูงถึง 7 หมื่นล้านเหรียญฯ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่ Google จะเข้าไปในธุรกิจนี้เพื่อขายโฆษณาในรูปแบบต่างๆบน Google TV นับว่าเป็นก้าวใหม่ที่น่ากลัว และไม่เคยคิดว่า Google จะโดดลงมาถึงตลาดนี้ ซึ่งมองไปแล้วก็คงจะเป็นไอเดียคล้ายๆกับทาง ไมโครซอฟท์ที่เคยทำมาแล้วนั่นเอง อีกหน่อยก็คงไปตลาดด้านอื่นต่อ ที่เกี่ยวข้องและเกื้อหนุนกัน เช่น วงการสิ่งพิมพ์ วิทยุ และอื่นๆอีกมากมาย

ตั้งกระทู้ Blusky Resort เกาะพยาม

เกาะพยาม



เราออกเดินทางจากกรุงเทพประมาณ 5 ทุ่มค่ะ เพื่อที่จะไปถึงระนองตอนเช้า
ถนนระนองตอนเช้าที่ขับไปถึงค่ะ ขับไปเที่ยวบ่อน้ำร้อนของเมืองระนองก่อน






เราต้องไปขึ้นเรือที่ท่าเรือไปเกาะพยามค่ะ จะอยู่หลังสถานีตำรวจน้ำปากน้ำ ระนอง
เรือที่จะไปเกาะพยามมี 2 แบบคือสปีทโบ๊ท กับเรือธรรมดา
สปีทโบ๊ท 350 บาทใช้เวลา 40 นาที เรือธรรมดา 150 บาท 1.40 ชั่วโมง
เราไปสปีทโบ๊ท เวลาเรือออกคือ 10 โมง และ บ่่าย 2 ค่ะ ไปถึงเอารถไปฝากไว้ที่รีสอร์ทข้างๆท่าเรือ วันละ 50 บาทค่ะ
ส่วนเรือธรรมดาจะออกเร็วกว่าประมาณ 9.30 ค่ะ











ถึงเกาะพยามแล้วจะมีรถกอล์ฟ ของทางรีสอร์ทมารับ แต่วันที่เราไปรถเสียก็เลยใช้มอเตอไซค์มารับแทนค่ะ
เข้า ไปถึง เห็นที่พักแล้วสวยมากกกกกกกกค่ะ จากตอนแรกเราวางแผนพักแค่ 1 คืน เลยเปลี่ยนใจพัก 2 คืนแทนค่ะ
ห้องพักกับบรรยากาศโรแมนติกมากๆๆๆๆๆ ไปถึงจะมี welcome drink มาให้ค่ะ อร่อยดี แต่ไม่รู้น้ำอะไรลืมถาม







รูปรีสอร์ทภายนอกค่ะ ตอนกลางวันค่อนข้างร้อน และน้ำลง วันที่เราไปน้ำจะขึ้นตอนกลางคืน กับตอนเช้า
ช่วงกลางวันน้ำลง พื้นที่รอบๆ ของทางรีสอร์ทจะเป็นทรายหมดเลยค่ะ









ได้กุญแจห้องมาแล้วก็เดินไปห้องพักเลยค่ะ เป็นส่วนตัว มีแค่ 5 หลังค่ะ

















เข้าไปห้องบรรยากาศเหมาะกับการมาเป็นคู่มาก ค่ะ อิอิ โรแมนติกสุดๆ









บริเวณโซฟาใหญ่มาก นอนชมวิวสบายค่ะ หน้าต่างเปิดได้กว้างสุดๆ มีพื้นทีระเบียงออกไปนั่งเล่นได้ค่ะ











ที่นี่มีบริการเรือคยัคให้พายฟรีด้วยค่ะ พายเข้าไปด้านในหลังรีสอร์ท เป็นป่าโกงกาง ยังเป็นธรรมชาติอยู่มากค่ะ









บรรยากาศร้านอาหารภายในรีสอร์ทค่ะ ที่นี่สเต็กอร่อยมากๆ





















ช่วงเย็นๆ ถึงค่ำค่ะ







ห้องน้ำของร้านอาหารค่ะ





บรรยากาศรอบๆ รีสอร์ทค่ะ















เราเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่รอบเกาะ เกาะไม่ใหญ่มากค่ะ ขับวันเดียวเที่ยวได้ทั้งเกาะ ถนนบนเกาะ และภาพจากหลายๆหาดค่ะ





















ที่พักบนเกาะเกือบทั้งหมดเป็นกระต๊อบ ปลูกด้วยไม้ค่ะ ภาพนี้เป็นบริเวณอ ่าวใหญ่









วัดเกาะพยาม และเจดีย์กลางน้ำค่ะ













ออกไปดำน้ำรอบเกาะพยามคะ่







พระอาทิตย์ยามเช้านะคะ พระอาทิตย์ขึ้นหน้ารีสอร์ทค่ะ











รอบนี้เป็นรีวิวที่ยาวที่สุดตั้งแต่ทำมาเลย ค่ะ 555 เพราะถ่ายรูปมาเยอะมากๆๆ เกาะยังสวยอยู่มากๆ รีสอร์ทก็มีที่ให้ถ่ายรูปเยอะมาก
และยังไม่ค่อยมีคนมาทีำรีวิวมากนัก เลยอยากทำให้เห็นภาพของเกาะเยอะหน่อย
ปิ ดท้ายด้วยรูปน้ำผลไม้ของที่นะคะ ชอบน้ำแตงโมมากๆๆ กินทุกวันแต่วันกลับแตงโมหมด เลยอดกินเลย ^ ^



+++ Hamster +++

+++ Playlist +++


MusicPlaylistRingtones
Create a playlist at MixPod.com

+++ coming soon +++