วันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2553

คุณกำลังกลัวความรัก?


"ความรัก คือ การทิ้งความกลัวไป"

คำกล่าวที่มีความหมายดี ๆ นี้ดูสวยงาม
แต่อาจจะยากแก่การลงมือทำ จริง ๆ ในสายตาของบางคน
ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องความรักมาเลย
หรือคนที่เคยผ่านประสบการณ์เลวร้าย
จากความรักมาแล้ว.....

ที่เป็นอย่างนี้อาจเพราะพวกเขารู้สึกว่า
การนำตัวเองเข้าไปพัวพันกับความรัก
ก็เหมือนกับการเสี่ยง... เสี่ยงที่จะถูกปฏิเสธ...

ถูกทำให้ผิดหวัง...ถูกทอดทิ้ง..และทำให้เจ็บปวด
จึงเป็นที่มาของความรู้สึก..กลัวความรัก.....

..... แม้ความรักอาจไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
แต่มันก็มีค่า.. ต่อการมีชีวิตอยู่
เป็นแรงบันดาลใจให้เราทำอะไรได้มากมาย

.... อยากบอกกับคนที่ยังกลัวความรักว่า
ไม่ผิดหรอกที่คุณจะกลัวมัน
เพราะอย่างน้อยคุณก็รู้ตัวเองดีว่า กลัวควมรัก

ต่างกับคนที่วิ่งหนีความรัก และเฝ้าหลอกลวงตัวเองว่า
มีความสุขดีแล้วกับการอยู่คนเดียว
ไม่จำเป็นต้องพบเจอและสร้างกำแพงขึ้นมาปิดกั้นตัวเอง
เพราะกลัวจะต้องรักคนอื่น

แต่ลืมนึกไปว่า ถึงเราจะหนีมันอย่างไร ก็หนีไม่พ้นหรอก
เพราะความรักมันอยู่ในใจของเรา จะหนียังไงมันก็เจ็บปวดอยู่ลึก ๆ แล้วคุ้มหรือเปล่ากับการต้องหลอกตัวเองไปเรื่อย ๆ อย่างนั้น

.... หนทางของความรัก มันอาจจะไม่ได้เป็นภาพที่ชัดเจน
ให้เราเดินไปได้สะดวกหรือง่าย ๆ
แต่สิ่งที่รออยู่ที่ปลายทางนั้น ก็มีค่ามากพอ
ที่จะกวักมือเรียกเราให้เดินเข้าไปหา

...แทนที่เราจะวิ่งหนีมัน ก็เปลี่ยนมาเป็นเตรียมตัวเองให้พร้อม
เวลาที่จะต้องไปเจอกับมันดีกว่า
เหมือนกับเวลาที่เราออกเดินทาง
ก็เตรียมเสื้อกันหนาวไปบ้างเผื่อเจออากาศที่หนาวเย็น
เสื้อกันฝนหยิบไปหน่อยก็ดี
เผื่อหยิบมาใส่เวลาที่ฝนมันตก
หยูกยาก็ติดไปบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ
พอปฐมพยาบาลตัวเองเบื้องต้นเวลาเจ็บไข้

.... แต่ถ้าเดินทางออกไปแล้วโชคร้าย
ต้องสะบักสะบอมกลับมาก็ไม่เป็นไร...
รักษาตัวเองใหม่ เผื่อออกเดินทางในครั้งต่อไปก็เท่านั้นเอง..
แต่เชื่อมั้ยว่า..การเดินทางครั้งต่อไปของเรา
มันต้องดีกว่าครั้งแรกอยู่แล้วล่ะ... ว่ามั้ย...?

....."วันนั้น อ่อนแอ แต่วันนี้ไม่ใช่"....

นิ้วก้อย...บอก อะไรได้บ้าง



จุด เด่น-จุดด้อย รู้ได้ด้วยลายมือ
หันฝ่ามือเข้าหาตัวเอง โดยผู้หญิงให้ดูมือซ้าย ส่วนผู้ชายให้ดูมือขวา
แล้วขีดเส้นแบ่งข้อต่อแต่ละข้อบน นิ้วก้อย จะได้ทั้งหมด 3 ข้อ ตามรูปประกอบ
ส่วนที่ยาวที่สุด คือส่วนที่บอกถึงจุดเด่นในตัวคุณ


ข้อบนสุดยาวที่ สุด


คุณเป็นคนมีพรสวรรค์ในการพูดจา ดึงดูดคน


เป็นคนพูดจาฉะฉานชัดเจนทั้งใน น้ำเสียงและกริยาท่าทาง


เป็นคนช่างสังเกตและ รอบคอบ




ข้อกลางยาวที่ สุด


เป็นคนที่ให้ความใส่ใจต่อผู้อื่น และมีความอดทน เป็นเลิศ


ลักษณะความยาวของข้อกลาง นี้


ส่วน มากมักพบในบุคคลที่อยู่ในวงการแพทย์เป็นส่วนใหญ่


ข้อล่างยาวที่ สุด


คุณเป็นคนรักอิสระเสรีอย่างมาก


ไม่ชอบถูกควบคุมโดยใคร เป็นคนพูดจาเปิดเผย


ตรงไปตรงมา ฝีปากกล้าคมคาย ยึดมั่นในความมีเหตุมีผล


และจะเก่งในเรื่องการโต้เถียง หรือการโต้แย้งใดๆ




ในทางกลับกัน ส่วนที่สั้นที่สุด คือส่วนที่บอกถึงจุดด้อยในตัวคุณ



ข้อบนสุดสั้นที่สุด


คุณเป็น คนไม่กล้าแสดงออกอย่างมาก


เป็นคนขี้อายจนถึงขนาดตัวคุณเอง ก็ยากที่จะเข้าใจในตัวเอง


นอกจากนี้คุณยังเป็นคนที่ไม่มี มนุษยสัมพันธ์กับคนอื่นอีกด้วย




ข้อกลางสั้นที่ สุด


คุณเป็นคนซื่อสัตย์


ยุติธรรมแน่วแน่มั่นคง


อาจจะเรียกได้ว่าถึงขั้นไม่มี ความประณีประนอม


จนดูเหมือนความที่เป็นคน ตรง กลายเป็นข้อด้อยของคุณไปเล




อล่างสั้นที่สุด คุณเป็นคนซื่อๆ ง่ายๆ


ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมมารยา


เชื่อคนง่ายจนกระทั่งอาจจถูกหลอก


หรือถูกโกงได้ง่ายด้วย ความไร้เดียงสาของคุณ


หนทางสู่ความสำเร็จ


ไม่มีใครนิยมชมชอบความล้มเหลวสักราย นอกจากหมดอาลัยตายอยากจริงๆ ทว่าเพิ่งขึ้นต้นเถลิงศกใหม่ทั้งที จะห่อเหี่ยวใจไปทำไม หากตกงานก็ให้มองในแง่ดีว่า อีกไม่นานเราจะได้งานทำ ตั้งมั่นอย่างนี้ สักวันจะสมความปรารถนา ไม่ได้ล้อเล่นนะ พูดจริงๆเหตุนี้ จึงขอหันมาเล่าเรื่อง The Winner's Guide to Success ผู้ชนะแนะวิธีสู่ความสำเร็จในนิตยสาร รีเดอร์'ส ไดเจ็ท ดีกว่าเพราะอย่านึกนะว่า ทุกคนจะประสบความสำเร็จกันง่ายๆ ทำความดียากกว่า สร้างความเลวซะอีก คนดีๆ จึงอยู่ในสังคมลำบากกว่าไงจ๊ะไมเคิล เจฟฟรีย์ อารัมภบทในเชิงถามว่า รู้ไหมว่า คนที่ประสบความสำเร็จคิดอย่างไร? หรืออะไรเป็นแรงผลักดันพวกเขา? ดังนั้น เพื่อที่จะได้คำตอบเหล่านี้ หนุ่มเจฟฟรีย์ จึงดิ้นรนไปสอบถามความคิดเห็น จากตัวอย่างของผู้ประสบความสำเร็จ ในหลายสาขาอาชีพ แล้วนำมายำรวมกันกลายเป็นแรงจูงใจ 7 ประการดังนี้

1. บอกกับตัวเองว่า อนาคตขึ้นอยู่กับความคิด และการกระทำของคุณเอง ไม่ต้องไปรอให้ชะตากำหนดหรือฟ้าลิขิต และยิ่งจะดีขึ้นอีก ถ้าไม่ต้องไปฟังใคร โดยเฉพาะพวกที่ชอบดูถูกดูหมิ่นเราว่า ไม่มีทางทำอย่างนี้ได้หรืออย่างนั้นได้ ใครจะไปรู้จักเราจริง พวกนี้มีปากก็พูดได้ทุกอย่าง แต่ไม่จริงเสมอไปจำไว้เลย เว้นแต่ใจของคนฟังไม่เข้มแข็งพอ คุณก็จะเป็นอย่างที่เขาบอก

2. วางเป้าหมายให้ชีวิต เช่น จะทำงานอะไร หรือมีชีวิตคู่อย่างไร ใช้สติกำหนดไว้แต่เนิ่นๆ
3. เมื่อมีเป้าหมายก็ต้อง มีการวางแผน ทำอย่างไรถึงจะได้ดั่งใจ ขอเพียงอย่าเขียนแผนมั่วเป็นใช้ได้

4. อย่าจับเสือมือเปล่า หมายถึง ต้องยอมลงทุนบ้าง เพื่อให้ได้ความสำเร็จนั้นมา ยกตัวอย่าง หากอยากเป็นหมอหรืออะไรก็แล้วแต่ ควรลงแรงและลงสมอง ใส่ใจศึกษาหาความรู้ด้วย ถ้าอยู่เฉยๆ จะเอ็นทรานซ์ติด คณะที่เราชอบได้ไง เช่นเดียวกับถ้าไม่พยายามอะไรเลย ไม่ยอมเขียนจดหมายไปสมัครงาน แล้วบริษัทห้างร้านต่างๆ จะรู้ได้อย่างไรว่า มีคุณอยู่ในโลกหรือจะติดต่อกับคุณอย่างไร

5. ทำสิ่งใดก็ควรรู้จริงในสิ่งนั้น อย่ารู้แบบเป็ด เพราะคนที่คู่ควรกับความสำเร็จ ต้องฝึกฝนจนมีทักษะสุดยอด ในงานที่ทำถึงจะถูก

6. อย่าท้อถอยง่ายๆ บอกตั้งแต่ต้นแล้วไงว่า ของแบบนี้ทำได้ยาก ต้องเผื่อใจไว้ด้วย

7. อย่าชักช้า ลงมือทำในสิ่งที่ตั้งใจเสียแต่บัดนี้ หากโอ้เอ้คงได้หรอก ความสำเร็จน่ะ.

ข้อคิดดีๆสําหรับความรัก





1. การรักและไม่ได้รับรักตอบ เป็นทุกข์ แต่สิ่งที่ทุกข์ยิ่งกว่า คือการรักใครสักคน
แต่ไม่มีความกล้าพอ ที่จะบอกให้คนคนนั้นรู้ และต้องมาเสียใจภายหลัง


2. ความรักคือความรู้สึกที่คุณยังห่วงใยใครสักคนอยู่ แม้จะแยกความรู้สึก ความลุ่มหลงและความสัมพันธ์แบบรักใคร่ออกไปแล้ว


3.สิ่งที่น่าเศร้าใน ชีวิต คือการพบคนที่มีความหมายอย่างมากสำหรับเรา
แต่มาค้นพบภายหลังว่า เราไม่ได้ถูกกำหนดมาเพื่อสิ่งนั้น และจะต้องปล่อยให้ผ่านพ้นไป


4. เมื่อประตูแห่งความสุขปิดลง ประตูแห่งความสุขบานอื่นก็จะเปิดขึ้น แต่เราก็มัวแต่มองประตูที่ปิดลง ไปแล้วเนิ่นนาน จนกระทั่งเรามองไม่เห็น ประตูแห่งความสุขบานอื่น ที่เปิดไว้รอ


5. เพื่อน ที่ดีที่สุดคือ คนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกันโดยไม่พูดอะไรกันสักคำ
แต่ สามารถเดินจากไป ด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกันอย่างประทับใจที่สุด


6. เป็นความจริง ที่เราไม่สามารถรู้เลยว่าเรามีอะไรอยู่ จนกว่าเราจะสูญเสียมันไป... แต่ก็จริงอีกเช่นกันที่เราไม่รู้ว่าเราพลาดอะไรไปบ้าง จนกระทั่งผลของสิ่งนั้นเข้ามาหาเรา


7. การมอบความรักทั้งหมดให้ใครสักคน ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเขาจะรักเราตอบ อย่าหวังที่จะได้รักตอบ แต่จงรอให้มันงอกงามขึ้นในหัวใจเขา แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้นก็ให้พอใจว่าอย่างน้อยมันก็ได้งอกงามขึ้นในใจ ของเราเอง


8. มีสิ่งที่คุณต้องการจะได้ยิน แต่คุณจะไม่ได้ยินมันจากปากของคนที่คุณอยากได้ยิน
แต่อย่าทำตัวเป็นคนหู หนวก โดยไม่รับฟังสิ่งนั้นจากคนที่เขาบอกกับคุณจากหัวใจ


9. อย่าบอกลา ถ้าคุณยังต้องการจะพยายามต่อไป อย่าท้อใจถ้าคุณยังรู้สึกว่าคุณไปไหว
อย่า พูดว่าคุณไม่รักคนคนนั้นอีกแล้ว ถ้าคุณยังไม่สามารถ "ทำใจ"


10. ความรักมักมาเยือนผู้ที่ยังคงหวัง ถึงแม้ว่าจะผิดและมาเยือนผู้ที่ยังคงเชื่อ
ถึงแม้ว่าจะถูกทรยศหักหลัง และจะมาเยือนผู้ที่ยังคงรัก ถึงแม้จะเคยเจ็บปวดมาก่อน


11. อย่ามองใครจากหน้าตา เพราะมันอาจหลอกเราได้ อย่ามองใครจากความร่ำรวย
เพราะ มันไม่จีรังยั่งยืน ให้มองหาคนที่ทำให้คุณยิ้มได้ เพราะเพียงยิ้มเดียวสามารถทำให้วันที่หม่นหมองกลับสดใส


12. การที่เราจะประทับใจ ใครนั้น อาจใช้เวลาแค่เพียงนาทีการที่เราจะชอบใครอาจใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมง การที่เราจะรักใครอาจใช้เวลาเพียงชั่ววัน แต่การที่จะลืมใครนั้นต้องใช้เวลา ชั่วชีวิต


13. ขอให้คุณมีความสุขมากพอ ที่จะทำให้คุณเป็นคนอ่อนหวาน ผ่านการทดสอบมามากพอ ที่จะทำให้คุณเข้มแข็ง มีความเศร้าโศกพอ ที่จะทำให้คุณยังคงความเป็นมนุษย์และมีความหวังมากพอ ที่จะทำให้คุณเป็นสุข


14. เอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าคุณรู้สึกว่าสิ่งนั้นจะทำให้คุณเจ็บปวด รู้ไว้เถอะว่าคนอื่นก็เจ็บปวด จากสิ่งเดียวกันเช่นกัน


15. จุดเริ่มของความรักคือ การปล่อยให้คนที่เรารักเป็นตัวของตัวเอง อย่าดึงเขาจากภาพความเป็นเขา มิฉะนั้นจะหมายความว่า เราต้องการเพียงภาพสะท้อนของตัวเราที่ปรากฎในตัวเขา


16. คนที่มีความสุขที่สุด ไม่ได้หมายความว่าเขามีสิ่งที่ดีที่สุด เพียงแต่เขาสามารถทำสิ่งที่เขาม ีให้ดีที่สุดได้ต่างหาก


17. อนาคตที่สดใส มีรากฐานอยู่บนอดีตที่ถูกลืม คุณไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ดี ถ้าหากไม่รู้จักปล่อยวาง จากความผิดพลาดในอดีต และความปวดใจ


18. คุณร้องไห้ตอนคุณเกิดในขณะที่คนรอบข้างกำลังยิ้ม จงมีชีวิตอยู่เพื่อเมื่อตอนคุณตาย คุณจะเป็นคนที่ยิ้ม ในขณะที่คนรอบข้างร้องไห้ให้คุณ...


วิธีดูแลสุขภาพของคนชอบคุยโทรศัพท์ นาน




เวลาที่คุย โทรศัพท์นาน ๆ แล้วเคยสังเกตหรือไม่ว่าเกิดอะไรผิดปกติบ้าง เพราะสมัยนี้การคุยโทรศัพท์นาน ๆ เป็นเรื่องธรรมดาสามัญสำหรับวัยรุ่นยุคนี้ไปเสียแล้ว โดยที่ไม่เคยคำนึงว่าการบริโภคการสื่อสารมากเกินไป นอกจากจะส่งผลให้ เกิดพฤติกรรมอันเคยชิน และบางทียังส่งผลต่อสุขลักษณะอนามัยด้วย โดยส่วนมากจะมีอาการร้อนหู หรือมีเลือดผสมหนองไหลออกมาจากหูเลยทีเดียว...

สาเหตุของอาการ นั้น มาจากการคุยโทรศัพท์มือถือติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้ติดเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ง่าย เพราะความร้อนจากโทรศัพท์จะเข้าไปอยู่ในหู ทำให้เกิดอาการคัน ซึ่งเมื่อเกิดอาการแล้ว ตัวเรายังคงแคะ หรือเกาก็จะทำให้ผิวหนังเป็นแผล ดังนั้นเชื้อโรคต่าง ๆ จึงสามารถเข้าสู่แผลได้ง่ายขึ้น ทำให้ช่องหูเป็นสิวหรืออักแสบได้ นอกจากนี้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์ ยังเป็นตัวการทำลายเส้นประสาทในรูหู และเซลล์สมองอีกด้วย อาจทำให้เกิดเนื้องอกขึ้นมาได้ในที่สุด

วิธี ป้องกันก็ง่ายมาก โดยหันมาใช้สมอลล์ทอล์ค หรือบูลทูธแทน เนื่องจากจะช่วยป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ จากนั้นให้นำสำลีจุ่มแอลกอฮอล์ เช็ดทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือวันละ 2 ครั้ง เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรค

ทั้งนี้ ยังมีเหตุจากหูฟังด้วย จากการใช้ฟังเพลงติดต่อเป็นเวลานาน ทำให้เกิดความดันของคลื่นเสียง ซึ่งจะทำลายเซลล์ประสาทหูและเซลล์ขนในหู แล้วถ้าได้ยินเสียงเหมือนแมงหวี่ร้อง หรือเสียงวิทยุจนผิดคลื่นตลอดเวลา ก็แสดงว่าเริ่มมีอาการประสาทรับเสียงเสื่อม


นอกจากนี้หูฟังที่ ใช้ยังเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรค ซึ่งจะทำให้เป็นโรคหนองในหู และการอักแสบในช่องหูได้อีกด้วย ทางที่ดีควรเปิดเพลงในเครื่องเล่น ด้วยระดับความดังแค่ครึ่งเดียว ไม่ควรเปิดดังจนเกินไป และควรเลือกสถานที่ รวมทั้งเวลาในการฟังเพลงให้เหมาะสม เพื่อให้หูได้หยุดพักบ้าง และเหนือสิ่งอื่นใด ควรหลีกเลี่ยงการใช้หูฟังร่วมกับผู้อื่น เพราะอาจจะทำให้ติดเชื้อโรคได้ ทั้งยังต้องหมั่นดูแลทำความสะอาดหูฟังอยู่เป็นประจำอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เราควรที่จะใช้โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นเพลงเอ็มพี 3 ฯลฯ ให้เหมาะสม ไม่มากจนเกินไป และดูแลสุขลักษณะให้ดีเป็นพิเศษ เพื่อปิดกั้นช่องทางของโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ และเพื่อสุขภาพที่ดีของเราตลอดไป

+++ Hamster +++

+++ Playlist +++


MusicPlaylistRingtones
Create a playlist at MixPod.com

+++ coming soon +++