วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

8 สูตรมาสก์หน้าผลไม้ ทำเองเลยง่ายดี

เพราะเรารู้กันดีว่าของสดๆ จากธรรมชาติ ไม่ว่าจาก ผัก ผลไม้ หรือดอกไม้หลายๆ ชนิดมีสารบำรุงที่มีประโยชน์ต่อการบำรุงผิว และเสี่ยงต่อการแพ้ได้น้อย เราจึงสามารถนำของสดๆ มาพอกบำรุงผิวหน้ากันโดยตรงกันได้เลย เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่น และมอบสารอาหารให้ซึบซาบลงสู่ผิวชั้นนอก ขับให้ผิวสวย นุ่มเนียนทันทีหลังล้างออก

แต่ก่อนลงมือคว้าของดีจากตู้เย็นมาปรุงสูตรมาสก์หน้า ขอแนะนำสักนิดว่า ก่อนอื่นควรดูสภาพผิวของเราเองก่อนอื่นใด ว่ามีสภาพผิวแบบไหน และมีประวัติแพ้อะไรมาบ้าง จากนั้นจึงเลือกผลไม้ที่เหมาะกับผิวเราจริงๆ อาทิเช่น คนที่ผิวแห้ง ก็ควรเลือกอาหารผิวที่ช่วยเติมน้ำให้ผิว ในขณะที่คนผิวมันควรเลือกอาหารผิวที่ให้ความตึงกระชับ และมีรสเปรี้ยวนิดๆ หรือคนมีสิว มีรอยแผลเป็น ก็ควรเลือกสารสกัดที่มีกรดธรรมชาติในการลดเลือนรอยสิวให้จางลงพร้อมการบำรุง ที่ดีไปในตัว

นอกจากนี้ การเลือกส่วนผสมในการมาสก์หน้าที่เข้ากันได้ก็สำคัญไม่น้อยเลย อย่าลืมเชียวว่า แม้การปรุงสูตรสวยสไตล์ธรรมชาติๆ อย่างนี้จะไม่มีข้อจำกัดมากมายนัก แต่ก็ควรเลือกชนิดที่เข้ากัน และมีปฏิกิริยาทางเคมีที่ส่งเสริมกันด้วย หรือถ้าให้ง่ายเข้า ก็ลองพกสูตรที่เรานำมาฝากไปปรุงสวยกันก่อน งานนี้คงมีสักสูตรที่โดนใจเป็นแน่ เพราะ 10 สูตรเหล่านี้ ไม่ลองไม่ได้เลย ง่ายๆ แค่บดแล้วนำมาผสมกัน ก็นำไปพอกบนหน้าสะอาดๆ ได้เลย

1. แตงกวาบด + โยเกิร์ต (หรือนม)

อยากมีผิวนุ่มๆ ต้องสูตรนี้เลย เน้นว่าเอาแตงกวาปอกเปลือกก่อนแล้วสับละเอียด ผสมโยเกิร์ตแบบที่ไม่มีรสสักนิด ผิวจะได้ชุ่มชื่นทันที

2. มะขามเปียก + น้ำผึ้ง

สูตรนี้อาจเติมน้ำผึ้งมาก หน่อย เพราะมะขามเปียกมีความเป็นกรดรรมชาติสูง สูตรนี้ช่วยให้ผิวขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติได้เลย

3. แอปเปิ้ลบด + น้ำผึ้ง

กินแอปเปิลแล้วผิวสวย และยังดีต่อผิวด้วย เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย สูตรนี้ใช้ได้กับทุกผิว

4. กล้วยบด + โยเกิร์ต + น้ำผึ้ง

ใครผิวมันขอแนะนำ เพราะกล้วยบดดีจริงๆ กับการควบคุมความมัน ใช้แล้วผิวนุ่มจนสัมผัสได้

5. มะละกอ + ฟักทอง + น้ำผึ้ง

สูตรนี้ให้กลิ่นหอมสดชื่น มากๆ มะละกอและฟักทองบดยังช่วยเติมสารแอนติออกซิแดนท์ให้ผิวได้โดยตรง

6. มะเขือเทศ + มะนาว + น้ำผึ้ง

วิตามินเพียบ สูตรนี้กระชับผิวนี้ใช้ได้ทุกสภาพผิวจริงๆ แถมในมะเขือเทศยังมีไลโคปีน ที่ดีต่อการลดฝ้าได้ด้วย

7. ผงขมิ้น + ดินสอพอง + มะนาว

สูตรไทยแท้ๆ ที่นอกจากผิวจะเนียนสวยขึ้นด้วยขมิ้น ก็ยังเป็นส่วนผสมที่ลงตัวในการลดสิวได้ดีอีกด้วย

8. ว่านหางจระเข้ + โยเกิร์ต

ปรับผิวให้ขาวใส ชุ่มชื่น หอมนุ่มได้เลย เพราะว่านหางจระเข้นั้นดีกับผิวแห้ง ผิวมีสิว และผิวคล้ำแดดที่สุด

ขอขอบคุณ ข้อมูลจากผลิตภัณฑ์สบายอารมณ์ อ่านไอเดียแนวทางธรรมชาติได้ทุกวันที่ www.sabai-arom.com

♣ รักนี้ ... ไม่มีวันหมดโปรโมชั่น ♣





คุณสาว ๆ หลายคนคงเคยตั้งข้อสงสัยเอาไว้ว่า "ทำไม ความรักของผู้ชายถึงได้หมด โปรโมชั่นกันง่ายดายนัก" จากที่เมื่อก่อนตอนรักกันใหม่ ๆ เคยเช้าถึงเย็นถึงตามรับตามส่ง อยู่ด้วยกันก็เอาอกเอาใจสารพัดชนิดที่ป้อนข้าวป้อนน้ำกันถึงปาก เอาใจกันดุจดังเจ้าหญิงน้อย ๆ ไฉนเลยพอวันเวลาผ่านไปความเอาใจใส่จากชายหนุ่ม

เริ่มจะลดน้อยถอยลง เลิกงานดึกดื่นก็ปล่อยให้ต้องกลับบ้านคนเดียว โดยที่เจ้าตัวกลับบอกหน้าตาเฉยว่าติดปาร์ตี้อยู่กับเพื่อน จากที่เคยจูงมือพะเน้าพะนอก็กลายเป็นเดินนำลิ่ว แล้วยังหันกลับมาบ่นอีกว่าทำไมคุณถึงได้เดินช้าจัง แถมยังมีอาการห่างเหินหมางเมินกันอย่างเห็นได้ชัด

ความรักของคุณหมดโปรโมชั่น แล้วหรือ?

อาการเปลี่ยนไปของชายหนุ่มเป็นสิ่งที่ คุณสาว ๆ ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง หรือหากคนรักของคุณเปลี่ยนไปจริง ๆ คุณคงภาวนาขอให้เกิดขึ้นช้าที่สุดและน้อยที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่กระทบกระเทือนจิตใจมากเกินไปนักหรือยังพอรับได้อยู่ ฉะนั้น ก่อนที่คุณจะมาตั้งคำถามว่า ความรักของคุณหมดโปรโมชั่น แล้วหรือ ทำไมคุณไม่ลองหาทางป้องกันด้วยการลองหันกลับมาถามตัวเองสักนิดดีกว่าว่า ... ทำอย่างไรความรักของคุณถึงจะไม่หมดโป รโมชั่น ...

อย่าเรียกร้องอะไรจากเขามากนัก

คุณ เคยลองสังเกตตัวเองหรือเปล่าว่าเวลาที่คุณคบกับเขานาน ๆ เข้า คุณมักจะเรียกร้องอะไรจากเขามาขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเช่น คุณอาจรู้สึกว่าคุณคบกับแฟนของคุณมาตั้งนานแล้ว ทำไมเขาถึงยังไม่พูดถึงเรื่องอนาคตของเราเสียที หรือว่าเรียกร้องไห้เขาไปไหนมาไหนกับคุณทุกที่ ไม่ว่าจะเป็น การไปเดินซื้อของในห้างสรรพสินค้าไปงานเลี้ยงของคุณกับเพื่อนสมัยมัธยม หรือแม้แต่การที่ต้องไปทำงานและกลับบ้านด้วยกันทุกวัน ซึ่งจริง ๆ แล้วเขาอาจจะทำตัวปกติอยู่แล้วเหมือนตั้งแต่ตอนเริ่มคบกันใหม่ ๆ บางทีความสัมพันธ์ที่มากขึ้นของคุณกับเขา กลับกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญในการแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ที่คุณแสดงออกต่อเขาเพิ่มมากขึ้นโดยที่คุณไม่รู้ตัวก็เป็นได้

อย่าปล่อยเนื้อปล่อยตัว

จำเด ทแรกของคุณได้หรือเปล่าว่าคุณแต่งตัวอย่างไร ไปเจอชายหนุ่มของคุณ ภาพของสาวสวยที่เป็นที่จับตามองของหนุ่ม ๆ รอบโต๊ะในดินเนอร์แรกคงสร้างความภูมิใจให้เขา ว่าเขาได้ควงกับผู้หญิงที่สวยที่สุด (ในเวลานั้น) ภาพความทรงจำเหล่านั้นคงกลายเป็นแค่อดีต หลังจากที่คุณคบกับเขาได้ไม่นาน ใบหน้าที่เคยสวยใสก็เริ่มกลายเป็นมันเยิ้ม เส้นผมที่เคยได้รับการดูแลและจัดแต่งทรงอย่างประณีต กลับกลายเป็นผมชี้ฟูกระเชอะกระเชิง ภาพของหญิงสาวที่เคยแต่งตัวด้วยกระโปรงชุดอย่างพิถีพิถัน ก็กลายเป็นเสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ ทุกวัน ๆ คุณอาจจะเถียงว่านี่แหละคือตัวตนที่แท้จริงของคุณ แต่อย่าลืมว่าชายหนุ่มของคุณเคยเห็นคุณในภาพที่สวย ๆ งาม ๆ เป็นใครก็คงอยากให้แฟนตัวเองดูดีอยู่เสมอ จริงไหมล่ะ



บางอย่างก็เปลี่ยนไป ตามกาลเวลา

ต้องทำความเข้าใจว่าเรื่องบางเรื่องกาล เวลาก็เป็นตัวแปร สำคัญที่ทำให้อะไร ๆ ต้องเปลี่ยนไป คุณอาจจะเคยคุยโทรศัพท์กับเขา เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน บางครั้งก็อาจจะคุยกันหลาย ๆ ชั่วโมง หรือคุยกับจนถึงเช้า แต่พอวันเวลาผ่านไป การได้ทำความรู้จักกันผ่านการพูดคุยย่อมลดลงเป็นธรรมดา ยิ่งเรารู้จักตัวตนของกันและกันมากขึ้น เราก็ยิ่งไม่เหลือเรื่องอะไรให้คุยกันมากมายเหมือนเมื่อก่อน

ไอ้ที่จะมาคุยกันเป็นชั่วโมงคงไม่มีอีกแล้ว คงเหลือแค่เพียงการโทรหา เพื่อแสดงความเป็นห่วงเป็นใยหรือถามไถ่เรื่องราวชีวิตประจำวันก็เท่านั้น หรือเรื่องของ "เวลา" ที่เขาเคยมีให้คุณตลอด พอคบกันไปลักระยะหนึ่งเขาอาจจะมีตำแหน่งที่สูงขึ้น ต้องมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น อาจทำให้เวลาที่เขามีให้คุณต้องลดน้อยลง คุณก็ต้องเข้าใจเขาด้วย เพราะนั่นก็หมายถึงอนาคตของคุณทั้งสองคนจะได้มั่นคงมากขึ้นตามไปด้วย


รักเขาอย่างที่เขาเป็น


บางทีความรักในช่วงเริ่มต้นของ คุณอาจทำให้คุณมองข้ามตัวตน ในแบบที่เขาเป็น คุณมักจะมองแต่เรื่องที่ดี ๆ มองแต่สิ่งที่คุณพอใจจะมอง โดยลืมที่จะมองในด้านแย่ ๆ ของเขา อย่าลืมว่าไม่มีใครที่จะสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่างได้หรอก อย่างเช่น การแต่งตัวของชายหนุ่มของคุณ บางครั้งคุณอาจคิดว่าตอนนี้เขาชอบใส่กางเกงยีนส์ตัวโตกับเสื้อตัวโคร่ง แต่ต่อไปคุณจะจับเขาแต่งเนื้อแต่งตัวเสียใหม่ ให้เป็นหนุ่มขาเดฟเสื้อลายดอกเหมือนหนุ่มเกาหลีตามแบบที่คุณชอบได้ อย่าฝันไปหน่อยเลย เขาไม่มีวันแต่งตัวตามแบบที่คุณต้องการได้หรอก หรือคุณอาจเคยมองข้ามเรื่องที่เขาเป็นคนพูดจาโผงผาง รู้สึกดีที่เขาพูดกับเราแบบตรงไปตรงมา แต่ถึงเวลาที่เขาต้องเข้ากับญาติผู้ใหญ่ของเรา เรื่องเพียงเท่านี้อาจทำให้เขาเข้าหน้าญาติผู้ใหญ่ของคุณไม่ติดก็ได้

ความรักไม่ใช้เครือข่าย โทรศัพท์มือถือ ที่จะมีโปรโมชั่นให้เลือกมากมายและมีวันหมดอายุ แต่ความรักควรเป็นสิ่งที่เกิด ขึ้นบนความพอดีระหว่างคนสองคน คนสองคนที่มีนิสัยที่พอดีกัน มีสถานะทางสังคมพอดีกัน มีพื้นฐานครอบครัวที่พอดีกัน และที่สำคัญทั้งสองคนต้องมีความรักที่พอดีกัน ไม่ควรปล่อยให้ใครต้องรักใครมากกว่า ไม่ควรปล่อยให้ใครต้องเป็นผู้ให้มากกว่าที่ได้รับ หากเกิดความพอดีขึ้นระหว่างคุณทั้งคู่แล้วเชื่อได้เลยว่าโปรโมชั่นความรักของคุณจะไม่มีวันหมด อายุอย่างแน่นอน

โสด 7 แบบ แล้วคุณโสดแบบไหน



1. คืนนี้ไม่มีดวงดาว (โสดช่างฝัน)

คน โสดประเภท นี้ชื่อก็บอกอยู่ว่าเป็นคนชอบเพ้อ ชอบฝัน ชีวิตเหมือนอยู่ในเทพนิยาย ตลอดเวลา ได้แต่เฝ้ารอคอยว่าวันหนึ่งจะมีเจ้าชาย หรือเจ้าหญิง มารับไปอยู่ในปราสาท คนโสดในกลุ่มนี้มักเป็นคนช่างเลือก และหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง จนบางครั้งลืมมองไปว่าคนอื่นเขาก็อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองเหมือน กัน
คนพวกนี้เหมาะที่จะอยู่ในโลกของความฝันมากกว่าโลกของความเป็นจริง เพราะว่าชอบคิดเข้าข้างตัวเอง เพ้อฝันไปเรื่อย ไม่มีที่สิ้นสุด คนพวกนี้เลยจัดอยู่ในจำพวกโสดช่างฝันนั่นแหละ เหมาะแล้ว

2. บ้านนี้ไม่มีแมลง (โสดซ่อนกิ๊ก)

คน โสดประเภทนี้ ต้องบอกว่าเป็นคนประเภทโสด แต่ไม่สด พวกนี้เคยมีแฟนหรือเคย มีชีวิตคู่ แล้วต้องกลับมาอยู่เป็นโสด คนโสดประเภทนี้ ถ้าเรามองด้วยตาเปล่าก็จะเหมือนกับคนโสดธรรมดาทั่วไปแต่ถ้าเอากล้องจุลทัศน์ มาส่องดูจะเห็นว่าแอบมีกิ๊กซ่อนอยู่บอกใครก็ไม่ได้เพราะต้องครองสถานภาพโสด ทางสังคมเข้าอาการน้ำท่วมปากก็เลยต้องมีคู่แบบหลบซ่อนไปเรื่อยๆ นี่หละเข้าตำรา โสดซ่อนกิ๊ก

3. ถนนที่ไร้ปลายทาง (โสดป่าเดียวกัน)

คนโสดประเภท นี้ เป็นประเภทไปหลงรักกับพวกผิดฝาผิดตัว ผิดที่ผิดทาง จะว่ากันจริงๆผิดเพศน่าจะตรงกว่า คนพวกนี้ก็จัดอยู่ในพวกคนที่แสนดี เพราะเป็นคนที่เสียสละมากไม่ว่าเขาจะเป็นยังไงก็รัก ทั้งๆ ที่รู้ว่าคนที่ไปรักถูกสาปให้ต้องเป็นแบบนี้ เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะโค่นป่าทั้งป่า ก็คงจะเปลี่ยนให้เขากลับมาชอบเพศตรงข้ามไม่ได้แต่คนโสดกลุ่มนี้ดูไปแล้วก็ น่าอิจฉา เพราะอย่างน้อยก็ยังมีความรักหล่อเลี้ยง ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้แต่ก็ยินดี เรียกได้ว่าเป็นพวกโสดไม่มีที่สิ้นสุด ดีเลิศประเสริฐแท้

4. มันเป็นเรื่องของรอยกงเกวียน (โสดภาคบังคับ)

คน โสดประเภทนี้ไม่ได้มีความอยากอยู่เป็นโสดแม้แต่น้อย แต่จำเป็นต้องอยู่เป็นโสดเพราะถูกคนที่มีอิทธิพลต่อชีวิต หรือจะเรียกว่าผู้มีพระคุณ ตั้งกฎเกณฑ์บังคับให้ต้องอยู่เป็นโสด ถึงแม้ว่าจะพยายามค้นหาและไขว่คว้า หรือจะเอาชนะอย่างไร ก็ไม่อาจจะพ้นจากความโสดได้ จนแล้วจนรอดก็ต้องถูกบังคับให้กลับมาเป็นโสด เหมือนเดิม เฮ้อช่างน่าสงสารจริงๆ

5. กว่าจะถึงเส้นแพ้ (โสดรอด้ายยยย…)

ไม่ เป็นไรรอ ด้ายยย...!!!... เป็นคำพูดติดปากของคนโสดกลุ่มนี้ คนพวกนี้มักพูดว่าไม่เรียกร้อง ไม่ต้องการ ยินดีที่จะมอบความรักไม่หวังผลตอบแทนและก็พร้อมที่จะเป็นแต่ผู้ให้ เพียงอย่างเดียว จะว่ากันง่ายๆ ก็ไปรักคนที่มีเจ้าของ แล้วก็คิดว่าวันหนึ่งเขาจะทิ้งคนรักของเขามากหาตัวเองเพราะความดีที่ทำให้ จึงได้แต่พร่ำว่า รอได้ รอได้ มันก็เลยต้องอยู่เป็นโสดเพราะว่ายังไง ก็…รอได้ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม แต่
่ถ้ามี ความสุขล่ะก็เอาเห๊อะ

6. คนรักช้าง (ทำเป็นโสด)

คน โสดพวกนี้มักจะบอกกับใครๆ ว่าตัวเองโสดอยู่ตลอดเวลา (ทั้งๆ ที่จริงๆ ไม่โสด) อันนี้จะคล้ายๆ กับโสดซ่อนกิ๊ก และก็แฉลบไปโดนกับโสดภาคบังคับอยู่นิดหน่อยเพียงแต่ว่าที่เขาทำก็ด้วย หน้าที่ ทำให้ต้องอยู่เป็นโสด คนพวกนี้จัดเป็นคนโสด เฉพาะกลุ่มสักหน่อย เพราะจะเป็นคนที่จัดอยู่ในประเภทคนของประชาชน มีคนมามอบความรักมากมายแต่ว่าไม่สามารถมีคนรักเป็นของตนเองได้เพราะกลัวว่า ตัวเองจะไม่เป็นที่ยอมรับ
และก็ต้องมาทำเป็น โสด นี่แหละ เหนื่อยหน่อยนะแต่ถ้าชอบก็เอา

7. แต่งกับความโสด (โสดตัวกินไข่ โสดปลาไหลกินน้ำแกง)

คน โสดประเภทนี้มักมีพฤติกรรมที่เกลียดเพศตรงข้ามจนออกหน้าออกตา อาจจะด้วย อยู่มานานแล้วไม่มีใครสนใจสักที เลยทำเป็นเกลียด ขยะแขยง จริง ๆ แล้วกลัวเสียฟอร์ม หรือไม่ก็อยากมี…แต่ก็กลัวหรือคิดอีกที อาจจะเคยผิดหวังอย่างแรงทำให้เกลียดเพศตรงข้ามไปเลย แต่ในใจลึกๆ ของคนโสดประเภทนี้ อยากมีคู่มากที่สุด แต่ก็แสดงออกมาในทางตรงกันข้าม เข้าตำรา โบราณที่ว่า เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหล กินน้ำแกง เลยต้องอยู่แบบ โสดตัวกินไข่ เพราะคนที่จะเข้ามาก็กลัวคนพวกนี้เหมือนกัน เป็นไงหละเลยโสดเลยเห็นมั้ย (บอกแล้ว)

ดอกไม้ไทยกินได้





ดอกไม้มีความแตกต่างจากผักหรือใบไม้คือ มีสีที่หลากหลายทั้งม่วง ส้ม แดง เหลือง ขาว เป็นการเพิ่มสารในกลุ่มไฟโตเคมีคอล เช่น สารเบต้าแคโรทีน ซึ่งดอกไม้ที่รับประทานกันอยู่แล้ว เช่น ดอกแคแกงส้ม ดอกขจร ใช้ใส่ในไข่เจียว ดอกโสนผัดไข่

นอกจากนี้ยังมีดอกไม้หลากหลายชนิด สามารถนำมารับประทาน เช่น ดอกซ่อนกลิ่น ดอกกุหลาบ ชบา ดาวเรือง เข็ม กล้วยไม้ ทำได้หลากหลายเมนูตั้งแต่กล้วยไม้ทอดกรอบ ต้มจืด ยำ

ดอกไม้กิน ได้ของไทย แบ่งออกเป็น





















แหล่งอ้างอิง - หนังสือ อาหารจานดอกไม้ flower food menu โดย สุพัตรา แซ่ลิ่ม
- โครงการปลูกดอกไม้กินได้ขึ้นที่ดอยแม่วาง อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่

♣ เรารักเขา ... แต่เขาไม่รักเรา ♣



เรารักเขา
เรา ก็บอกตัวเองว่า "ยอมทำได้ทุกอย่าง" เพื่อเขา
คำว่า รัก ทุ่มเท บูชา ยังดูน้อยไป
เมื่อเทียบกับความรู้สึกที่ "ให้" เขาไปทุกวัน
และมัน ก็เพิ่มปริมาณขึ้นทุกวัน

เขาไม่รักเรา
เขาก็บอกกับเราว่า "อย่าทำอะไรเพื่อเขาเลย" มันไม่มีประโยชน์
คำว่า รัก ทุ่มเท บูชา มันมากเกินไป
หากว่าเขาจะได้รับความรู้สึกเหล่านี้
เมื่อเทียบกับ ความรู้สึกว่างเปล่าที่เขามี...
มันไม่ได้ต่างไปจากวันเดิมๆเลย
เขา ไม่ได้รู้สึกกับเรา "เกินกว่า" เพื่อนคนหนึ่งแค่นั้น


เรารักเขา
เราก็บอกตัวเองว่า "ไม่เป็นไรหรอก..."
เรามี ความสุขที่ได้รักเขาแบบนี้
แม้บางคืนต้องนอนร้องไห้เพราะน้อยใจในโชค ชะตา
บางวันต้องเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด เมื่อโทร.ไปแล้วเขาไม่รับ
แต่ เพราะเรารักเขา
เราจึงยอมให้ความเจ็บปวดกระทำทารุณต่อหัวใจตัวเอง

เขา ไม่รักเรา
เขาก็บอกเราว่า "เลิกทำร้ายตัวเองเสียที"
เขาไม่มีความ สุขถ้าเห็นเราเป็นแบบนี้
วันที่เราร้องไห้... เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรอก
บางขณะที่เราน้ำตาไหล เขาอาจกำลังหัวเราะอยู่ด้วยซ้ำ
เขาไม่อยากให้เราเจ็บปวด
ถ้าคุย โทรศัพท์กันแล้วจบลงที่ความไม่เข้าใจเหมือนเดิม
เขาเลือกที่จะเฉยชา... เพราะว่าไม่อยากให้ความหวังกับใคร


เรารักเขา
เรายึดมั่นในนิยาม "รักโดยไม่หวังผลตอบแทน"
แต่ ลึกๆแล้วเรากลับมีแต่ความต้องการ
อยากจะได้รับสิ่งตอบแทนจากเขาบ้าง
แม้ เล็กน้อยก็ยังดี

เขาไม่รักเรา
เขาไม่ยึดมั่นในนิยามอะไรเลย
เขา รู้ตัวอยู่เสมอว่ากำลังทำอะไรอยู่ คนเรามันบังคับจิตใจกันไม่ได้
รักใคร หรือเกลียดใคร ความรู้สึกมันจะเกิดขึ้นเอง
เขารู้สึกเสียใจ ที่เขาทำอะไรให้เราไม่ได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว


เรารักเขา เขาไม่รักเรา
ความรู้สึกแตกต่าง กลายเป็นขั้วบวกขั้วลบ
ทว่า ไม่ใช่ขั้วบวกขั้วลบแบบในสนามแม่เหล็ก
ที่ สามารถดึงดูดเข้าหากันได้
นี่เป็นความแตกต่างระหว่างความคิด
และ ต่างในเรื่องของหัวใจด้วย
จึงยากเหลือเกินที่กำหนดทิศทางตามที่ใจเรา ต้องการ


รัก...ทุกรูปแบบ
ทั้งแอบรัก ทั้งรักข้างเดียว หรือรักแต่ไม่แสดงออก ถ้ามันเป็นความรัก
ที่สร้างแรงบันดาลใจด้านบวกให้ กับชีวิตเราได้ ก็รักไปเถอะ
แต่ถ้าความรักมันทำให้เราป็นทุกข์ มากกว่าที่จะสุขกับมัน
คงต้องกลับมาตั้งสติและทบทวนกันใหม่อีกครั้ง
ว่า ควรปล่อยให้ความรักครั้งนี้มันดำเนินต่อไป
หรือควรหยุดไว้แค่ตรงนี้...

ชีวิต เป็นของเรา เรารักเขา เขาไม่รักเรา
...แล้วเราควรจะรักใคร

แง่คิดดีๆ...มีไว้แบ่งปัน

รองเท้า กะ ความรัก


เคยไหม..... ที่ซักครั้งหนึ่งในชีวิต .........

เดินๆไปเจอรองเท้า คู่หนึ่ง ที่ถูกใจเรามากมาย

ถูกใจ สวยงาม ใครเห็นก็พากันชื่นชม และเรามักจะใส่ไปไหนมาไหนเสมอ

แต่รองเท้าคู่นั้น กลับไม่เหมาะกับเท้าของเรา คอยกัดให้เท้าเรามีบาดแผล ......ได้รับความเจ็บปวด

และไม่ว่ายังไง.....แม้จะได้รับความเจ็บปวด จากการที่มันกัดเท้าเรา แต่เรากลับคิดเสมอว่า....

รองเท้าคู่นั้น ปกป้องเราจากเศษแก้ว จากพื้นดินที่ร้อนระอุ เปียกชื้น และหนาวเย็น

แม้ จะเจ็บซักแค่ไหน กลับยังดื้อด้าน ดึงดันที่จะใส่รองเท้าคู่นั้น

เหตุผลน่ะเหรอ..........มีซะที่ไหนล่ะ ???



ความรัก คงเปรียบได้กับรองเท้า

แม้จะเจ็บ ผิดหวัง แต่ก็ยังรัก

แม้จะ เหนื่อย จะท้อ จะผิดหวัง แต่ก็ยังไม่อยากปล่อยมันไป



ตอนนี้ รองเท้าคู่นั้นของเรา เหมาะกับคนอื่น

แต่เรา กลับรอ และหวังว่าซักวันมันจะพอดีกับเรา ใส่ได้พอดี และเดินไปด้วยกันตลอด



แล้ว เพื่อนๆล่ะคะ จะรอใส่รองเท้าคู่เดิมที่รักมากมาย แต่เหมาะกับคนอื่น

หรือ จะหารองเท้าคู่ใหม่ ที่เหมาะสม แต่เราไม่ชอบใส่ ^^

เมื่อความรักหายไป...แต่หัวใจยังอยู่


ผมเชื่อว่า...ความรัก
หากมันได้มีโอกาสเกิดขึ้นมาแล้ว...ครั้งหนึ่ง
ไม่ว่าจะดีหรือร้ายแค่ไหน
เราต่างก็ไม่เคยต้องการให้มันเป็นเพียงแค่ "วันผ่าน"

แต่ถ้าวันหนึ่ง...วันที่ความรักต้องจบลงด้วยการเลิกรา
และทิ้งให้ "ใครบางคน"
เจ็บจมอยู่กับทะเลน้ำตาของความฝันแตกสลาย
จำเป็นด้วยหรือ...ที่เราจะต้องกอดเก็บ
เรื่องราวความหลังครั้งเก่าเอาไว้



ให้เป็นเหมือนหินก้อนใหญ่
ที่ถ่วงตัวเองไว้จนจมลงไปในคืนวันของความเจ็บช้ำ
ก่อนที่จะสำลักน้ำตาตายไปพร้อม ๆ กับคำพูดที่ว่า
"ชีวิตนี้...คงรักใครไม่ได้อีกแล้ว"

ใครหลายคนไม่สามารถเริ่มต้นใหม่
ท่ามกลางซากปรักหักพังของความรักครั้งเก่า
ด้วยเพราะมัวแต่ยึดติด และโหยหาจนไม่อาจถอนใจ
ในขณะที่ใครบางคนก็ถูกความรักครั้งนั้น ทำร้ายให้เจ็บปวดเสียจน



จากที่เคย "ศรัทธา" มาก
ถึงขนาดแม้แต่ "ชีวิต" ก็ยอมแลกให้ได้
ก็กลับกลายเป็นเข็ดขยาดและหวาดกลัว
เสียจนไม่เหลือ "ความเชื่อ" ในรักนั้นอีก

ไม่แปลกหรอก...ใคร ๆ ต่างก็ต้องมีช่วงเวลาอันแสนบอบช้ำ
เอาไว้สำหรับ "การทำใจ" กันทั้งนั้น
เพียงแต่ในขณะที่ "เวลา" เดินผ่าน
น้ำตาที่ค่อย ๆ แห้งเหือด...
และหัวใจที่ค่อย ๆ เข้มแข็งขึ้นอย่างช้า ๆ


ความเสียใจ


การกลับมาของรอยยิ้ม
ที่อาจจะไม่สดชื่นแจ่มใสได้เหมือนวันเก่า

มักจะมีอะไรบางอย่างสูญหายไป
พร้อม ๆ กับความสูญเสียเสมอ
โดยเฉพาะ "ความหวัง" และ "ความเชื่อมั่น" ในคำว่า "รัก"

ในขณะที่โลกพาความรักหมุนรอบตัวเรา
จะไม่มีอะไรช่วยเยียวยารักษาหัวใจให้ดีขึ้นได้เลย
หากเราโยนหัวใจตัวเองให้หายไป พร้อมกับความรักครั้งเก่า



อย่างไรก็แล้วแต่...เราไม่เคยหนี "ความรัก" ได้พ้น
ไม่ว่าลึก ๆ ในใจจะเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตาม
เราต้องเริ่มต้นใหม่ มีความรักครั้งใหม่
และดำเนินชีวิตต่อไปอย่างคนที่ไม่จมปลัก

แม้จะแอบคิดถึงรักครั้งเก่า และเกิดคำถามกับใจว่า
เป็นเพราะ "ความรัก" ไม่ใช่หรือ...ที่เราไม่อยากสูญเสีย
เพราะ "คุณค่า" ของ "ความผูกพัน"
ที่มันเคยมีอยู่ไม่ใช่หรือ...ที่ทำให้ยากจะตัดใจ



และเพราะ "ความทรงจำ"
ที่มีอยู่เต็มในห้องหัวใจดวงนี้ไม่ใช่หรือ...
ที่เราอยากจะรักษามันเอาไว้

สุดท้ายแล้ว...เราก็ต้องกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
ความจริงที่จะย้ำเตือนให้รารู้ว่า
เมื่อ "ความรัก" หายไป แต่ "หัวใจ" ยังคงอยู่
ชีวิตที่เหลือทั้งชีวิตยังสามารถ "มีรักครั้งใหม่ได้"

"เลือก"…"ตามหา" และ "ปฏิบัติ"
ต่อความรักครั้งใหม่ได้อย่างถูกทิศทาง...ขอบคุณคนที่ได้ชื่อว่าเป็นรัก เก่าที่ตายจากไป ที่ทำให้วันนี้ผมโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ผมเคยล้มวันนี้ผมเดินได้อีกครั้ง ผมก็ไม่ได้แค่คิดจะเดินมันอย่างเดียว

+++ Hamster +++

+++ Playlist +++


MusicPlaylistRingtones
Create a playlist at MixPod.com

+++ coming soon +++