วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

จะเลือก iPhone หรือ Blackberry

หลายคนคงได้ยินคำถาม "Blackberry หรือ iPhone" ดี ผมว่าคำตอบของแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะ Blackberry บางคนอาจจะ iPhone ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน ผมเป็นอีกคน ที่ไม่รู้จะเลือกอะไรดี ตามกระแส หรือ ไลฟ์สไตล์ของตัวเองดี

ผมจึงเริ่มเสาะหาคำตอบโดยอาศัยข้อมูลจากคนรอบข้าง และคนนั้นคือพี่ชายผมเองครับ

พี่ชายผมเป็นคนใช้ iPhone แต่ก่อนที่เค้าจะใช้ iPhone เค้าใช้ Blackberry มากว่า 1 ปี เลยถามว่าทำไมถึงเปลี่ยนมาใช้ iPhone คำตอบที่ได้คือ “ตอนแรกที่ใช้เพราะกระแส Blackberry จากเพื่อนๆ แต่พอเบื่อแชทแล้วเริ่มรู้สึกว่า Blackberry ไม่ตอบโจทย์ หนำซ้ำการเข้าเว็บจากหน้าจอ บีบี ก็เป็นอะไรที่ทรมานมากๆ เพราะจะเลื่อนขึ้นเลื่อนลง ขยายหน้าเข้าออกเพื่ออ่านตัวหนังสือก็ช่างสาหัสเอาการ แถมปุ่มเดียวมีสามตัวอักษรอยู่ด้วยกัน ตาลายอะครับ

เค้าเลยลองไปเล่น iPhone ดู แล้วก็รู้สึกว่ามันตอบโจทย์กว่า ในแง่ของ Entertainment การเข้าสู่เว็บต่างๆ การอ่าน หรือการขยายหน้าจอก็สั่งการแบบ สัญชาตญาณการสัมผัส ที่สำคัญหน้าจอแสดงผลค่อนข้างใหญ่กว่า บีบี และเลือกได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนเหมือนมีโน้ตบุ้คแบบย่อส่วน แต่ครบครันอยู่ในมือ ใช้งานได้ง่าย


ดังนั้น พี่ผมเลยบอกว่า "iPhone" นี่ละคือคำตอบของคนที่ลังเลอยู่ว่าจะซื้ออะไรดี

แต่ “iPhone” จะไกลตัวสำหรับคนกลัวเทคโนโลยีอย่างผมไหม ? ไม่หรอกครับ เพราะตอนนี้ก็มีเครือข่ายสองเครือข่ายที่ออกมาให้บริการ network สำหรับรองรับ iPhone แต่คำถามจริงๆผมว่ามันน่าจะเป็นว่า network ไหนสามารถเล่น และใช้งาน iPhone ได้ประสิทธิภาพดีที่สุดนะครับ

ล่าสุด ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2553 ที่ผ่านมา dtac เป็นเครือข่ายที่พี่ของผมบอกว่าเขาเลือกใช้และ ยังโฆษณาให้อีกด้วยว่า iPhone Best Runs on dtac !

แล้วทำไมต้องเครือข่ายนี้หละ ?

เนื่องจากคุณภาพของเครือข่ายเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานของ สมาร์ทโฟน และ “iPhone” ดังนั้นการที่จะใช้ “iPhone” ให้เต็มประสิทธิภาพ จะต้องใช้เครือข่ายความเร็วสูง รับส่งข้อมูลรวดเร็ว เสถียรและมีเครือข่ายที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ดังนั้น dtac จึงเป็นเครือข่ายที่จะใช้งาน “iPhone” ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด

แล้ว เรื่องของราคาหละ ?

จากภาพนั้น จะเห็นได้ว่า dtac ได้ออกแพ็กเกจให้ลูกค้าเลือกใช้งานตามความเหมาะสมถึง 3 แพ็กเกจเริ่มต้นที่ 449 / 580 / 699 บาท (ราคารวม VAT จะเป็น 480.43 / 620.60 / 747.93 บาท) และหากใครเลือกใช้ iPhone S นั้น แล้วใช้ EDGE/GPRS เกิน 100 MB ระบบจะคิดเงินส่วนที่เกิน KB ละ 0.01 บาท หรือเทียบเป็น MB ละ 10 บาท พิเศษสำหรับลูกค้า dtac iPhone นั้น หากเลือกซื้อเครื่องพร้อมโปรโมชั่นพร้อมสัญญา 12 เดือน ในแพ็กเกจ S นั้น รอบ บิลที่ 10-12 ใช้ฟรีครับ ส่วนแพ็กเกจ M, L นั้น จะติดสัญญา 24 เดือน ซึ่งรอบบิลที่ 19-24 นั้น ใช้ฟรีครับ

แพ็กเกจ อาจจะไม่ได้ต่างจากค่ายอื่น แต่ผมเลือกราคาที่ถูกต้อง มากกว่า ราคาถูก แต่ไม่ถูกต้อง งงมั้ยครับ?

ราคาถูกแต่มีปัญหา เรื่องสัญญาณเน็ตอืด “อันนี้แหละครับที่เรียกว่าราคาถูก แต่ไม่ถูกต้อง” เครือข่ายจึงเป็นอีกข้อนึงที่ต้องคิดให้ดีก่อนเลือก

สำหรับผม ง่ายต่อการเป็นเจ้าของ และคุ้มค่าขนาดนี้ ผมว่าผมคง ต้องไปถอยน้อง ไอ แล้วใช้ dtac แล้วหละครับ

แล้วคุณหละ ?

ขอบ คุณข้อมูลแพ็กเกจ http://www.dtac.co.th/iphone/index.php

เด็กไม่เอาถ่าน คำนี้มีที่มาจากอะไร?

เด็กที่วันๆ เอาแต่เล่นเกมส์ออนไลน์ ไม่อ่านหนังสือเรียน การบ้านก็ไม่ทำ งานบ้านก็ไม่เคยคิดจะหยิบจับช่วยเหลือพ่อแม่ ทานอาหารแล้วไม่รู้จักล้างจานชาม เหล่านี้ล้วนเป็นตัวอย่างพฤติกรรมของ เด็กไม่เอาถ่าน

เด็กไม่เอาถ่าน,  เหล็กไม่เอาถ่าน, เด็กดื้อ, เด็กโง่

ทำไมจึงเรียก "เด็กไม่เอาถ่าน" คาดกันว่าคำนี้มีที่มา จากคำเดิม คือ "เหล็กไม่เอาถ่าน" เพราะในสมัยก่อนนั้น การหลอมเหล็กหรือตีอาวุธจากเหล็กให้แข็งแกร่งนั้น จำเป็นต้องใช้ถ่านในการก่อเปลวไฟจนลุกโชน เพื่อให้ความร้อนแก่เหล็ก แล้วถ่านหรือคาร์บอนจะแทรกตัวเข้าไปอยู่ในเนื้อเหล็กหลังจากการถลุง ถ้าเหล็กไม่มีถ่านผสมอยู่เลย เหล็กนั้นจะมีคุณภาพต่ำ ไม่แข็งและเหนียวพอที่จะเรียกว่า เหล็กกล้า แต่หากมีมากเกินไปจะทำให้เหล็กเปราะ เหล็กที่ดีควรมีคาร์บอนเข้าไปผสมอยู่ประมาณ 0.1 - 1.8% ช่างตีอาวุธจากเหล็กในสมัยโบราณ จำเป็นต้องคิดค้นหากลวิธี เพื่อขจัดปัญหาดาบหัก เพราะแสดงถึงกรรมวิธีการผลิตที่ไม่ดีทำให้เหล็กไม่เอาถ่าน จนกลายเป็นคำพูดติดปาก เปรียบเทียบนิสัยคนกับอาวุธว่า "เหล็กไม่เอา ถ่าน"

กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์แบบเต็มๆ

อย่างที่เกริ่นไว้ว่าผักและผลไม้นานาชนิดที่วางขายกันอยู่ตาม ท้องตลาดนั้น ล้วนมีคุณประโยชน์มากมายที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง แต่หลายคนอาจมองข้ามไป หรือมีวิธีการรับประทานที่ไม่ถูกวิธี จึงทำให้ไม่ได้คุณประโยชน์ที่ซ่อนอยู๋แบบเต็ม วันนี้ "ไทยรัฐออนไลน์" มีข้อแนะนำสำหรับการรับประทานอาหารให้ได้ประโยชน์

กิน, ทาน, รับประทาน, อาหาร,  ประโยชน์, สุขภาพ, ความรู้

เริ่มจาก "ผักคะน้า" ซึ่งเป็นผักหาง่ายในท้องตลาด ที่สำคัญคะน้าเป็นผักที่อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอี แคโรทีนอยด์ และโฟเลต นอกจากนี้ยังมีสาร " ลูทีน " ซึ่งเป็นสารสำคัญที่พบในเลนส์ตา จากงานวิจัยพบว่า การกินอาหารหรือพืชผักที่มีสารลูทีนสูง เช่น คะน้า จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดโรคต้อกระจกลงได้ถึง 20% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่กิน 

นอกจากนี้การกินคะน้าเป็นประจำ ยังช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร ปอด และเต้านมอีกด้วย ต่อด้วย

"เห็ด" ซึ่งมีคุณสมบัติในการป้องกันกระดูกพรุน คนส่วนใหญ่ทราบดีว่าหากขาดวิตามินดีและแคลเซียม จะทำให้กระดูกไม่แข็งแรง ยิ่งอยู่ในวัยสูงอายุ ก็จะยิ่งเพิ่มอัตราความเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกพรุนได้ ล่าสุดนักวิจัยพบว่า การกินอาหารที่มีธาตุทองแดงเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกได้ และการขาดธาตุทองแดงแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้อาการกระดูกพรุนแย่ลงไปอีก ดังนั้นการกินอาหารที่มีธาตุทองแดงมาก เช่น เห็ด ปู กุ้งมังกร หอยนางรม ลูกพรุน ปลาซาร์ดีน จึงช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน และทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้น

"แอ็ปเปิ้ล" การกินแอปเปิ้ลช่วยให้ปอดแข็งแรง ไม่ว่าจะกินแอปเปิ้ลเขียวหรือแดงก็ตาม เพราะในผลแอปเปิ้ลมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อ “เคอร์ซีทิน" สารตัวนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดอย่างได้ผล นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมองอีกด้วย 

วิธีการกินแอปเปิ้ลให้ได้สารเคอร์ซีทีนมากที่สุดก็คือ ต้องกินผลสดทั้งเปลือก ซึ่งจะให้ได้รับสาร " เพกทิน " จากเปลือกแอปเปิลเพิ่มขึ้นด้วย สารเพกทินมีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย ส่วนคุณสาวๆ ที่ต้องการลดน้ำหนักการกินแอปเปิ้ลจะช่วยให้อิ่มนาน ไม่รู้สึกหิว เพราะในแอปเปิ้ลมีคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันทีถึง 75% การกินแอปเปิ้ลสดได้ประโยชน์มากมาย ปิดท้ายด้วย

"องุ่น" ใครที่อยากเป็นหนุ่มเป็นสาวสองพันปี เรามีวิธีการชะลอความชราด้วยการกินผลไม้ที่หาง่ายๆ เช่น องุ่น และต้องเคี้ยวเมล็ดองุ่นด้วย เพราะในเมล็ดองุ่นมีสาร "โอพีซี" (oligomeric proanthocyanidin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินซีถึง 20 เท่า และสูงกว่าวิตามินอีถึง 50 เท่า องุ่นจึงเป็นผลไม้ที่ช่วยรักษาสุขภาพจากภายในช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวพรรณให้ ดูอ่อนกว่าวัยช่วยชะลอความชรา และเป็นสารต้านมะเร็งที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคที่เกี่ยวกับจอประสาทตาอีกด้วย

อัศจรรย์พลังน้ำ

ดื่มน้ำ, น้ำ, น้ำดื่ม,  อัศจรรย์พลังน้ำ

น้ำใสๆ ไม่มีรสชาติ แต่มีดีสารพัดเลยนะ

ความอัศจรรย์ของพลังน้ำ ที่มีกับพวกเราๆ ทุกคนนั้น เริ่มขึ้นหลังจากที่เราดื่มน้ำหรืออาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ น้ำก็จะไปถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็ก แล้วไปรวมเดินทางผจญภัยตามเซลล์ต่างๆ กับเลือดทั่วตัวของเรา จากนั้นก็เริ่มกระจายกำลังกันออกทำ หน้าที่ต่างๆ เริ่มตั้งแต่เป็นองค์ประกอบในเนื้อเยื้อและอวัยวะต่างๆ (เกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวคือน้ำ) ไปเป็นตัวทำละลายสารอาหาร ช่วยลำเลียงแร่ธาตุ วิตามิน และเลือดให้ไหลเวียนไปบำรุงหล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย (ซึ่งมีไม่น้อยกว่า 75 แสนล้านเซลล์) หนำซ้ำคุณเธอยังใจดีรับของเสียจากเซลล์ต่างๆ กลับออกมาทิ้งให้ด้วย อีกทั้งเป็นที่ช่วยควบคุม กระจาย และขับความร้อนในร่างกายให้อยู่ในภาวะปกติ ช่วยให้สดชื่นสบายตัว ไม่ให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ นอกจากนั้นน้ำยังเป็นเหมือนน้ำมันเครื่องคอยหล่อลื่นอวัยวะภายในร่างกาย ต่างๆ ไม่ให้เสียดสีกัน จนชำรุดสึกหรอ และบำรุงผิวให้สวยใสไม่แห้งเหี่ยวก่อนวัยอันควร และเมื่อได้เที่ยวสนุกจนเพลินใจแล้ว น้ำซึ่งหอบของเสียกลับมาก็จะถูกขับออกจากร่างกายในรูปของเหงื่อ ลมหายใจ และปัสสาวะ ถือเป็นการสิ้นสุดทัวร์ของน้ำในร่างกายเขาล่ะ เห็นมั้ยคะว่าน้ำสำคัญกับชีวิตและสุขภาพของเรามากเพียงไหน ฉะนั้นจะยกแก้วขึ้นดื่มน้ำคงต้องดูสักนิดว่า น้ำสะอาดหรือมีพิษภัยซ่อนอยู่บ้างหรือเปล่า (อย่าลืมสิคะว่าน้ำเป็นตัวทำละลายชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์หรือสารพิษที่มีโทษ น้ำก็ละลายมาไว้เก็บกับตัวได้ทั้งนั้น) ถ้าสุ่มสี่สุ่มห้ากินเข้าไปแบบไม่ระวัง โดนท้องไส้ตับไตประท้วงกลับเอาบ้าง แล้วจะมาบ่นทีหลังไม่ได้นะเออ...

เรื่อง "น้ำ" น่ารู้ ผู้ใหญ่ ควรดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วต่อวัน อย่ารอให้รู้สึกกระหายน้ำก่อนถึงจะหาน้ำเย็นๆ มาดื่ม เพราะนั่นแสดงว่าร่างกายสูญเสียน้ำไปแล้วประมาณ 2-3 แก้ว ทางที่ดีควรขยันจิบน้ำไปเรื่อยๆ ทั้งวันจะดีกว่า พยายามเลี่ยงการดื่ม กาแฟ ชา น้ำอัดลม ซึ่งมีคาเฟอีนและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะคาเฟอีนและแอลกอฮอล์จะไปกระตุ้นการขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายเสียน้ำมากขึ้น น้ำเย็นจะซึมเข้าสู่ร่างกายได้เร็วและช่วยดับร้อนได้ดีกว่าน้ำอุ่น ร่างกายของเราไม่สามารถเก็บน้ำไว้ใช้ได้ เราจึงต้องดื่มน้ำเป็นประจำ ถ้าร่างกายได้รับน้ำไม่พอก็จะเกิดภาวะขาดน้ำ อ่อนเพลีย หน้ามืด หรือช็อคหมดสติเป็นอันตรายได้ การดื่มน้ำมากๆ ช่วยให้ไตไม่ต้องทำงานหนักมาก เนื่องจากน้ำจะช่วยให้ไตสามารถขับของเสียออกมาได้ดีขึ้น

อย่าลืมเริ่มต้นวันใหม่และอำลาวันเก่าอย่างสดชื่นด้วยน้ำเปล่า 1 แก้วเป็นประจำทุกวัน

ปิ๊งไอเดีย...จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ใน ตัวคุณ

นอกจากความสวยงาม และรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นที่เป็นอาวุธสำคัญของผู้หญิงเราแล้วนั้น การที่เป็นสาวที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีไอเดียเก๋ๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการคิดโปรเจ็คงาน เซอร์ไพรซ์วันเกิดเพื่อนๆ จัดปาร์ตี้สุดคูล ก็สามารถเพิ่มเสน่ห์ให้กับเราได้เป็นอย่างดี วันนี้เรามีเทคนิคสบายๆ ให้สาวๆ กลายเป็นนักคิด นักสร้างสรรค์ กันค่ะ

เทคนิค ปิ๊งไอเดียความคิดสร้างสรรค์


• คิด คิด คิด แล้วก็คิด
คิดแล้วไม่ใช่ปล่อยเลย ผ่านนะคะ แต่คิดแล้วต้องรู้จักตั้งคำถามกับสิ่งที่เราคิดด้วย เมื่อได้คำตอบแล้วก็ต้องหาเหตุผลที่เป็นไปได้มาสนับสนุนคำตอบนั้นๆ ให้น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นค่ะ

• คิดรอบคอบ รู้รอบด้าน
เพียงหนึ่งคำ ถาม อาจจะมีหลายคำตอบ สิ่งที่เราได้เรียนรู้มาในอดีต อาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายก็ได้นะคะ เพราะฉะนั้นอย่าไปตีกรอบ และเชื่อในแนวความคิดแบบเดิมๆ มากนัก ลองหาทางเลือกอีกทาง เท่านั้นไอเดียก็แล่นฉิวแล้วค่ะ

• ความคิดก็จัดระเบียบได้
การคิด อะไรไปเรื่อยเปื่อย จับโน่นมาชนนี่ จะทำให้เราปวดหัวมากกว่าจะคิดอะไรออกนะคะ ลองลำดับความคิดซะใหม่ให้เป็นระเบียบ ตั้งสมมติฐาน ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม เปรียบเทียบความคิดที่แตกต่าง ทดลองทำ แล้วก็จะได้คำตอบสุดท้ายที่ดีที่สุดเองค่ะ

• ตาดู หูฟัง ปากถาม สมองคิด
การ ใช้สมองคิดอยู่อย่างเดียว อาจจะปิดกั้นไอเดียดีๆ ที่ซ่อนอยู่ก็เป็นได้นะคะ ลองเปิดโลก ค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ ถามผู้รู้ ท่องโลกไซเบอร์ เข้าห้องสมุด แชร์ความคิดกับเพื่อนๆ เท่านี้ก็พร้อมเป็นนักคิดได้เลยค่ะ

• ทำตัวเป็นช่าง
ช่างสังเกต ช่างจดจำ ช่างคิด เปิดใจ เตรียมพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ อัพเดทเทคโนโลยีใหม่ๆ ตามติดรันเวย์แฟชั่น หรือข่าวสารบ้านเมือง เก็บเป็นข้อมูลเอาไว้เผื่อนำมาใช้เป็นประโยชน์ได้ทุกสถานการณ์

• ระดมสมอง ประลองปัญญา
หลากหลายความคิดดีๆ เกิดขึ้นได้ เมื่อได้แชร์ความคิดสร้างสรรค์ซึ่งกันและกัน แถมยังได้เรียนรู้วิธีคิด ความคิดรวบยอดของแต่ละคน เพื่อนำมาเป็นประสบการณ์และนำมาสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ได้อีกมากมาย

• ความคิดไร้ขีดจำกัด
อย่าหยุดที่จะพัฒนาความรู้ ความสามารถของตนเองนะคะ ความคิดดีๆ จะเกิดขึ้นได้ ถ้าเราฝึกคิดอยู่ตลอดเวลา อย่าหยุดค้นหาวิธีการใหม่ๆ อยู่เสมอ เท่านี้ความสำเร็จก็อยู่แค่เอื้อมแล้ว

ในช่วงเวลาหนึ่ง เขามีความสุขกันยังไง





คนที่มีความสุข 1 วินาที คือคนที่คิดถึงหน้าคนรัก

คนที่มีความสุข 1 นาที คือคนที่เดินไปเข้าห้องน้ำหรือดื่มกาแฟ

คนที่มีความสุข 1 ชั่วโมง คือคนที่เลิกงานแล้วรีบกลับบ้าน

คนที่มีวามสุข 1 วัน คือคนวันนี้ไม่มาทำงาน

คนที่มีความสุข 1 สัปดาห์ คือคนที่ลาพักร้อน

คนที่มีความสุข 1 เดือน คือคนเพิ่งแต่งงาน(เพราะได้ไปฮันนี่มูน)

คน ที่มีความสุขตลอดชีวิต คือคนที่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก

ลองคิดดูว่าคุณอยากเป็นคนที่มีความสุขนานแค่ไหน?
ถ้า อยากมีความสุขตลอดชีวิต ก็ให้ทำงานที่ตัวเองรัก


สิ่งที่เรียกว่า เพื่อน

เพื่อน

เพื่อน

เพื่อน

เพื่อน

เพื่อน

เพื่อน

เพื่อน

30 ข้อคิดดีๆ เพื่อชีวิตมีสุข





1.นึกไว้เสมอว่าการโกรธ 1 นาที จะทำให้ความทุกข์อยู่กับคุณ 3 ชั่วโมง

2.ถ้ายิ้มให้กับคนที่ อยู่ในกระจก รับรองว่าเขาต้องยิ้มกลับมาทุกครั้งแน่

3.ลองปลูก ต้นไม้เองสักต้น การเติบโตของมันจะบ่งบอกตัวตนของคุณได้

4.หลับตา นิ่งๆสักสามนาที เมื่อรู้สึกว่าอะไรที่อยู่ตรงหน้ามันช่างยากเหลือเกิน

5.ระหว่าง แปรงฟัน ฮัมแพลงด้วยจนจบ จะทำให้ฟันสะอาดขึ้นสองเท่า


6.เคี้ยว ข้าวแต่ละคำให้ช้าลง จากที่รสชาดธรรมดา ก็จะอร่อยขึ้นเยอะเลย

7.ไม่ ว่าผมจะสั้นหรือยาวแค่ไหน ก็ต้องการให้หวีอย่างถนุถนอมเหมือนกันหมด

8.การ ขึ้นลงบันใดสูงๆ แบบไม่ให้เมื่อย คือการไม่นับว่ากำลังยืนอยู่บันใดขั้นที่เท่าไร

9.คนตาบอดจะเห็นว่า คุณสวย/หล่อมากๆทันที ที่คุณถามเขาว่า "ช่วยพาข้ามถนนไหมคะ/ครับ?"

10.เมื่อ จะหยิบเศษเงินให้ขอทาน ไม่จำเป็นต้องนับก่อนที่หย่อนลงกรป๋องหรอก






11.ควรหัด พูดคำว่า "ไม่เป็นไร" ให้เคยปากมากกว่าการพูดคำว่า "จะเอายังไง"

12.ลอง ตั้งนาฬิกาให้เร็วขึ้น 15 นาที รับรองว่าจะไม่ค่อยไปสายเหมือนก่อน

13.สัตว์ เลี้ยงที่บ้านเก็บความลับเก่ง เรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้จึงควรเล่าให้มันฟัง

14.อาหารที่ไม่ชอบ กินตอนเด็ก ลองตักเข้าปากอีกที เผื่อจะกลายเป็นอาหารจานโปรด

15.เขียน ชื่อคนที่เกลียดใส่กระดาษแล้วฉีกทิ้ง ความเกลียดจะเบาบางลงเรื่อยๆ



16.ให้ปล่อยให้น้ำตาไหลโดยไม่ ต้องเช็ด เมื่อน้ำตาแห้งแล้วแทบดูไม่ออกว่าเพิ่งร้องให้

17.ตุ๊กตา และของเล่นเก่าๆ จะทำให้เรายิ้มได้เสมอเมื่อไปหยิบมาเล่นอีกครั้ง

18.ก่อน จะซื้ออะไรก็ตาม ต้องคิดหาประโยชน์ของมันให้ได้อย่างน้อยสามข้อก่อน

19.ถึง เสื้อกางเกงในตู้จะมีอยู่น้อย แต่ถ้าใส่สลับกันไปเรื่อยๆ ก็ดูเหมือนมันมีเยอะเอง

20.ซาลาเปา 1 ลูกกินได้ 2 คน ลูกชิ้นปิ้ง 1 ไม้กินได้ 4 คนถ้าคุณคิดจะแบ่งเท่านั้นเอง






21.เลือกให้ของ ขวัญคนที่ไม่เคยได้ดีกว่า ให้คนที่ได้เยอะจนจำชื่อคนที่ให้ไม่ได้

22.ใน วันที่รู้สึกเศร้าๆ เหงาๆ เดินไปซื้อดอกไม้ให้ตัวเองสักดอกก็จะดีขึ้น

23.แอบ รักใครสักคน ยังไงก็ยังดีกว่าไม่เคยรู้ว่าความรู้สึกรักมันเป็นอย่างไร

24.ถึง จะไม่ออกไปไหน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ ไม่ได้นิ

25.ฝึก โรแมนติกง่ายๆ คนเดียวบ้าง ด้วยการนั่งนับดาวให้ครบ 100 ดวงก่อนนอน



26.ถ้า คุณเช็ดกระจกที่ขุ่นมัวที่สุดจนใสได้ ทำไมคุณจะเรียนดีกว่านี้ไม่ได้

27.พยายาม อ่านหนังสือทุกชนิดในมือให้จบเล่ม มันอาจจะไม่สนุกแต่ก้มีประโยชน์แฝงอยู่
28.วัน ที่ตื่นเช้าๆ ให้บิดขี้เกียจนานที่สุดเท่าทีจะนานได้ ถ้าขี้เกียจออกกำลังกาย

29.แค่เอาข้าวที่กินไม่หมดไปให้หมาที่เดิน ผ่าน ก็เป็นการทำบุญที่ไม่ต้องลงทุนแล้ว

30.ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็นใน บ้าน แม่จะได้มีค่าขนมเพิ่มขึ้นอีกหลายบาท

กฏเหล็กของคนที่ถูกแอบรัก




สวยเลือกได้อย่างคุณจะมีคนมาแอบ รักบ้างมันไม่แปลกอะไร แต่หลังจากนั้นคุณควรจะทำตัวอย่างไร ถึงจะดูดี วันนี้เรามีกฏเหล็กของเหล่าคนเจ้าเสน่ห์ทั้งหลายมาฝากกันจ้า ~,~


1. อย่าเพิ่งแอบกระซิบบอกใครว่าอีตานี่มาชอบชั้นเพระาผู้ชายส่วนใหญ่จะรีบสวม บทบาทพยัคฆ์ร้ายส่ายหน้าทันที เพื่อรักษาฟอร์มบุรุษผู้ฆ่าได้หยามไม่ได้เอาไว้ แล้วหน้าสวยใสของคุณก็จะแตกเป็นเสี่ยงๆ อายเค้ามั้ยล่ะ

2.
ถ้าคุณไม่ชอบเขา ก็ไม่ควรแกล้งทำเป็นมีใครให้เขาเข้าใจผิด เพราะมันอาจจะสนุกสำหรับคุณ แต่มันจะเจ็บมากถึงมากที่สุดสำหรับคนที่แอบรัก นิสัยแบบนี้คนดีๆ เค้าไม่ทำกันหรอก

3.การถูกแอบรักไม่ได้มีสิทธิ์ให้คุณทำตัวมารยาท ทรามใส่เขา หรือใช้เขาเป็นเบ๊ส่วนตัว โปรดมีมนุษยธรรมหน่อย

4.
เวลาผู้ชาย แอบรักผู้หญิง มักจะไม่เข้ามาหา แต่จะวางฟอร์มนั่งเก็กท่ารอให้สาวเป็นฝ่ายเดินเข้าไปเอง ซึ่งถ้าคุณไม่ชอบเขา และไม่ทำอย่างที่เขาต้องการ ก็ต้องเตรียมใจไว้ว่า จะโดนผู้ชายปากตูบคนนั้นเอาไปเผา ชนิดที่บ้านอาจจำซากไม่ได้ ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ไม่ต้องไปต่อปากต่อคำ เพราะคุณจะมีแต่เสียกับเสีย


5. อย่าอยู่กับเขาสองต่อสองในที่ลับตาคน เพื่อสวัสดิภาพของตัวคุณเอง



6. ถ้าคุณจะปฏิเสธเขา ควรจะพูดกันอย่างถนอมน้ำใจ เพราะนี่คือผู้ชายที่รักคุณ ไม่ใช่ไอ้โจรที่จะมาปล้น ไม่ต้องทำปฏิเสธแบบไร้เยื่อใยนักก็ได้


7. ถ้าคุณก็แอบมีใจ นี่คือโอกาสที่จะสอยเขามาไว้ในครอบครองแบบเนียนๆ ด้วยการทำตัวให้สนิทสนมให้เขารู้ว่า คุณไม่ได้รังเกียจเขาเลย จากนั้นพอเขาสารภาพรัก คุณก็สามารถทำท่าอินโนเซ้นต์ได้ว่า ต๊าย ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย

8. เมื่อถูกแอบรัก นอกจากคุณต้องระวังเขาแล้ว ยังต้องระแวงเพื่อนๆ ของเขาอีกด้วย เพราะผู้ชายส่วนใหญ่มีปากเป็นอาวุธ เพื่อเราชอบใคร เดอะแก๊งก็จะมานั่งจับผิดและวิพากษ์วิจารณ์ผู้หญิงคนนั้นอย่างเมามันไปด้วย ยิ่งถ้าสาวไม่รักตอบ ผองเพื่อนก็จะค่อนแคะก่นด่าและจับผิด กลายเป็นความดับเบิ้ลซวยสำหรับสาวสวยที่ถูกแอบรักไปซะงั้น


9. อย่ารีบหลงลำพองตัวเองที่มีเหยื่อมาตกหลุมอีกราย แต่ควรสืบประวัติให้ดีก่อนว่าหนุ่มที่มาหมายปองตัวคุณมีเจ้าของซุกซ่อนอยู่ ที่ไหนหรือเปล่า เพราะการที่ผู้ชายจะรัก ผู้หญิงสักคน ไม่ได้หมายความว่าพี่แกจะต้องโสดและสดเสมอไป

10.
อย่าบอกแฟนของ คุณเป็นอันขาด เพราะนอกจากจะไม่ได้ประโยชน์อะไรแล้ว อาจชักบาทามาถึงตัวคนที่แอบรักคุณอีกด้วย แถมเวลามีคนมาแอบรักแฟนตัวเอง แฟนหนุ่มบางคนจะเปลี่ยนจากขี้หึงเป็นขี้หึงโครตๆ ทีนี้ล่ะ เขาจะตามประกบคุณตลอดเวลา จนคุณอยากจะบ้าซะให้ได้

11.
ถ้า คุณยังไม่มีใคร ก็น่าจะลองรับคนที่แอบรักไว้พิจารณา เพราะยังอ้อยก็เข้าปากช้าแล้ว


ถ้า คุ ณ เ ป็ น ฝ่ า ย แ อ บ รั ก ใ ค ร ซ ะ เ อ ง

อย่าเพิ่งบุกไปบอกรักเขาก่อน เพราะผู้ชายบางคนอาจถือโอกาสนี้ทำเป็นรักตอบ เพื่อหลอกเจาะไข่แดงคุณ ... ผู้ชายดี ๆ มีน้อย นี่คือสัจวาจา !!! อย่า ลืมให้เพื่อให้เป็นประโยชน์ เช่น ชวนเขาและเพื่อน ๆ ไปดูหนังด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ เป็นหนทางใกล้ชิดคนที่คุณแอบรักแบบไม่มีแมงเม้าธ์ สายพันธ์ไหนจะครหาได้ เก็บอาการไว้ก่อน เพราะผู้ชายส่วนใหญ่จะออก แนวเล่นตัวทันทีที่รู้ว่ามีสาวมาแอบรัก เดี๋ยวไก่จะตื่นเสียหมด

ที่มาของชื่อเดือน ทั้ง 12 เดือน


ที่มาของชื่อเดือน ทั้ง 12 เดือน

...สมัย ก่อนปีหนึ่งๆ มี 355 วัน แต่มีแค่ 10 เดือน



March หรือ มีนาคม เป็นเดือนแรกของปี ก็เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งคำว่า March นั้นมี
ที่มาจากชื่อของเทพเจ้า แห่งสงครามที่ชื่อว่า Mars เนื่องจากว่าชาวโรมันน่ะทำสงคราม
กัน บ่อยนั่นเอง



April หรือ เมษายน มาจากภาษาละตินที่มีความหมายว่า "เปิดรับ" เนื่อง จากผลผลิตที่หว่านไปในช่วงเดือนมีนาคมจะมาได้ผลเดือนนี้



May หรือ พฤษภาคม มาจากชื่อของเทพเจ้าแห่งการเจริญเติบโต ที่มีชื่อว่า Maia เพราะพวกโรมันเชื่อว่า Maia จะช่วยคุ้มครองพืชพันธุ์ ให้เติบโตอุดมสมบูรณ์ดี



June หรือ มิถุนายม เป็นชื่อที่ตั้งเป็นเกียรติแก่เทพเจ้า Juno ราชินีแห่งสรวงสวรรค์และการแต่งงาน อาจเป็นได้ว่า ชาวโรมันแต่งงานกันมากในเดือนนี้ เพราะเป็นช่วงที่อุดมสมบูรณ์


July หรือ กรกฎาคม ไม่ได้ตั้งชื่อตามเทพเจ้าหรือฤดูกาล แต่มาจากชื่อของจักรพรรดิ์ผู้ยิ่งใหญ่ Julius Caesar


August หรือ สิงหาคม ก็ตั้งชื่อตามหลานชายของ Julius ที่ชื่อ Caesar Augustus เพราะว่าเขาอยากมีชื่อเสียงเหมือน Julius บ้าง จึงตั้งชื่อเดือนนี้ โดยใช้ชื่อของเขา เดิมทีเดือนสิงหาคมมีแค่ 30 วันซึ่งน้อยกว่าเดือนของ Julius แต่ Augustus เพิ่มวันให้เดือนของตน โดยเอาวันจากเดือนกุมภาพันธ์มาหนึ่งวัน เพื่อให้ตนเท่าเทียมกัน Julius



September หรือ กันยายน มาจากคำภาษาละตินว่า Septem ซึ่งแปลว่า '7' และเดือนนี้ก็เป็นเดือนที่ 7



October หรือ ตุลาคม ก็มาจากคำภาษาละตินที่แปลว่า '8' ซึ่งคือคำว่า Octo



November หรือ พฤศจิกายน ก็มาจากคำที่แปลว่า '9' คือคำว่า Novem นั่นเอง


December หรือ ธันวาคม ก็แน่นอนมาจากคำว่า Decem ที่แปลว่า '10' งัย



January หรือ มกราคม ถูกเพิ่มมาทีหลังพร้อมกับเดือน กุมภาพันธ์ คำว่า January มาจากชื่อของเทพเจ้า Janus ซึ่งเป็นเทพ 2 หน้า หน้าหนึ่งมองไปในอดีต อีกหน้ามองไปสู่อนาคต ซึ่งเป็นช่วงที่คนเราต้องมองย้อนสิ่งที่ตนทำ และมองไปข้างหน้าเฝ้ารอคอยปีใหม่



February หรือกุมภาพันธ์ มาจากคำภาษาละตินที่แปลว่า 'ชะล้าง' ซึ่งเป็นเดือนที่คนต้องชะล้างตัว เองให้สะอาดรอรับปีใหม่....

+++ Hamster +++

+++ Playlist +++


MusicPlaylistRingtones
Create a playlist at MixPod.com

+++ coming soon +++