วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

8 เมนูทิพย์ หลังเสียเหงื่อ

เมนูทิพย์, อาหาร, สุขภาพ,  เครื่องดื่ม, การออกกำลังกาย, เหงื่อ

เริ่มจากสับปะรด และมะละกอ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้ดี เพราะในผลไม้ทั้งสองชนิดนี้มีเอนไซม์บรอมีเลน และปาเปน ที่นอกจากจะช่วยย่อยโปรตีนแล้ว ยังป้องกันการอักเสบ ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีหลังการออกกำลังกาย อาหารประเภทที่ 2 คือแซ ลมอน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด นักวิจัยในออสเตรเลียพบว่า นักปั่นจักรยานที่ได้รับไขมันปลาแซลมอนติดต่อกันถึง 8 สัปดาห์ จะมีอัตราการเต้นของหัวใจช้าลงและเกิดอาการหอบเหนื่อยน้อยลงขณะปั่นจักรยาน

เมนูทิพย์, อาหาร, สุขภาพ,  เครื่องดื่ม, การออกกำลังกาย, เหงื่อ

ถัดมาที่ แซนด์วิชเนยถั่ว ผสมแยม หรือจะเป็นพาสตาซอสเนื้อก็ได้ จัดเป็นอาหารที่ช่วยสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ เพราะโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต ต่อที่เนื้อหมูสันใน (เนื้อในส่วนที่ไม่มีมัน) เป็นแหล่งโปรตีนที่มีแคลอรีต่ำ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแมคมาสเตอร์ ในแคนาดา พบว่า การรับประทานโปรตีนแคลอรีต่ำให้มากขึ้น บวกกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อาจช่วยลดไขมันตรงส่วนเอวลงได้ ส่วนในหมวดเครื่องดื่มนั้น

นักวิจัยแนะนำให้ดื่ม นม ซึ่ง ถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสมที่สุดในการช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวหลังการ ออกกำลังกาย ดีกว่าน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มเกลือแร่เสียอีก เนื่องจากนมอุดมไปด้วยโปแตสเซียมซึ่งช่วยเรื่องการเต้นของหัวใจ และการส่งออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง และหากเติมช็อกโกแลตลงไปด้วยจะช่วยให้นมมีความสมดุลของคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน ทำให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

เมนูทิพย์, อาหาร, สุขภาพ,  เครื่องดื่ม, การออกกำลังกาย, เหงื่อ

เครื่องดื่มประเภทที่ 2 คือ กาแฟ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยจอร์เจียในสหรัฐ พบว่า ถ้าร่างกายได้รับกาเฟอีนในปริมาณที่เท่ากับการดื่มกาแฟ 2 ถ้วย หลังออกกำลังกาย จะช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้มาก เพราะกาเฟอีนจะไปยับยั้งสารเคมีที่กระตุ้นให้เกิดการเจ็บปวด เครื่องดื่มอีกประเภทที่เหมาะคือน้ำ เย็น สามารถดื่มทั้งก่อนและขณะออกกำลังกาย เพราะจะช่วยให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น และน้ำเย็นยังช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย

ปิดท้ายที่ ชาเขียว ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ในบราซิล พบว่า ผู้ที่ดื่มชาเขียววันละ 2 ถึง 3 แก้ว อาจช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหลังออกกำลังกายอย่างหนัก

27 วิธี...บอกลาผิวหม่น

" หลายคนผ่านปีเก่าสู่ปีใหม่มาก็หลายวาระ ก็ยังดูหมองมัว ไร้ราศีจับ ทั้งนี้เพราะ ไม่เคย สครับผิวให้สดใสเปล่งปลั่งเสียที เราขอเสนอ 27 วิธี สร้างประกายให้คุณมีผิวเฉิดฉาย ไฉไล ในแบง่ายๆ มาฝาก รับรองว่าทำปุ๊บ เห็นผลปั๊บ ไม่แน่นะ...ของขวัญชิ้นแรกที่ได้รับอาจเป็นลาภจากสัตว์สองเท้าเพศชาย โปรไฟล์เลิศ ว่าแล้วลองอ่าน และเริ่มกันเลย "


1 การขัดผิว (Exfoliating) หมายถึง การขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิวหน้า รากศัพท์ของมันมาจากคำว่า ‘foliage' ซึ่งแปลว่าใบพืช เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า อิพิเดอร์มิส (Epidermis) หรือผิวชั้นนอกเกิดขึ้นมาโดยผ่านกระบวนการสร้างจนมาเติบโตเต็มที่อยู่ชั้นบน สุดของผิวหนัง โดยเซลล์ที่ อยู่ล่างสุดของชั้นนี้ที่เรียกว่า เซลล์แรกเริ่ม (Basal Cells) จะสร้างเซลล์ลูกซึ่งจะเคลื่อนตัวขึ้นไปจนกลายเป็นผิวชั้นนอก เซลล์เหล่านี้มีหน้าที่เป็นตัวกั้นระหว่างร่างกายเรากับสิ่งแวดล้อมภายนอก ทั้งยังช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้นภายในและป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้าสู่ ผิว หลังจากเซลล์ใหม่ที่แข็งแรงกว่า อยู่ประจำที่บนชั้นผิวหนังแล้ว เซลล์ผิวเก่าก็จะหลุดลอกออกโดยธรรมชาติ หากยังตกค้างอยู่บนผิวก็จะทำให้ผิวดูไม่มีชีวิตชีวา และดูเป็นสะเก็ด การขัดหน้าจึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการกำจัดเซลล์เก่าที่บดบังความสดใสนั่นเอง


2 ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับการขัดผิวก็ได้แก่ ฟองน้ำ ขัดรูปแบบต่างๆ เช่น ใยบวบ หรือครีม เช่น เอเอชเอ แม้กระทั่งผ้าเช็ดตัวก็สามารถใช้ขัดผิวได้ การขัดผิวอย่างนุ่มนวลจะช่วยให้ผิวของคุณดูชุ่มชื่นและใสกระจ่าง


3 ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวด้วยวิธีรุนแรง และหากขัดมากเกินไป ก็อาจรบกวนหน้าที่ในการสกัดกั้นสิ่งแปลกปลอมของผิว รวมถึงทำให้ผิวอ่อนไหวมากขึ้นจนเกิดความแห้งกร้าน ไหม้แดด หรือปัญหาอื่นๆ ได้ง่าย


4 ถ้าไม่กำจัดออกไป ผิวจะเกิดการอุดตันและหายใจไม่ได้ ผลก็คือ ผิวจะหม่นหมอง ดูแล้วมีความมัน หรือบางทีอาจทำให้เกิดสิวอุดตัน รวมทั้งทำให้กระบวนการไหลเวียนของโลหิตใต้ผิวไม่ดี ทำให้ของเสียเกิดการสะสมตัว


5 ถ้าต้องการขัดผิวหน้า ก็ควรทำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง และขัด ผิวกายเดือนละ 1-2 ครั้ง แต่ถ้าใครมีเซลลูไลท์ แนะนำให้ขัดผิวบริเวณส่วนนั้นทุกวัน โดยใช้ถุงมือผ้าที่ใช้สำหรับอาบน้ำนวดขัด เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และกำจัดของเสียออกทางระบบน้ำเหลือง


6 วิธีการขัดผิวที่ถูกต้อง สิ่งที่ต้องมีคือ ฟองน้ำสำหรับขัดผิวกาย ถุงมือผ้า อาบน้ำหรือใยบวบ และผลิตภัณฑ์ขัดผิว เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว ถ้าไม่แน่ใจลองปรึกษาคนขาย


7 เริ่มต้นที่ทำผิวเปียก นำผลิตภัณฑ์ขัดผิวเทใส่ใยบวบ ฟองน้ำ หรือถุงมือ แล้วทาลงบนผิวเบาๆ นวดผลิตภัณฑ์บนผิวด้วยการวนมือเป็นลักษณะวงกลมเบาๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นระบบไหลเวียน ใช้น้ำล้างออกให้สะอาด ซับให้แห้ง แล้วทาครีมบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นในขณะที่ผิวยังชื้น


8 ผลิตภัณฑ์สำหรับขัดผิวควรเลือกที่เป็นครีมหรือเจล เนื้อ ครีมควรมีลักษณะเป็น เม็ดกลม เพื่อปกป้องผิวจากการระคายเคือง หรือเป็นแผลถลอก ขณะที่ขัดนวดผิวบริเวณนั้นควรมีความชื้นพอหมาด แล้วล้างออกด้วยน้ำมากๆ


9 ใยบวบ หรือใยขัดธรรมชาติ เป็นอุปกรณ์ขัดผิวที่มีประสิทธิภาพมาก แต่ถ้าออกแรงขัดมากเกินไป อาจทำให้แสบผิวได้ เพราะใยเหล่านี้มีลักษณะสาก และหยาบ เวลาขัด จึงควรขัดเบาๆ ไปทั่วร่างกายขณะอาบน้ำ และเมื่อใช้เสร็จแล้วควรล้างทำความสะอาดและผึ่งให้แห้ง


10 การใช้ผ้าสำหรับถูตัว หรือฟองน้ำถูตัวเวลาอาบ น้ำ ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งของการขัดผิว โดยใช้ร่วมกับสบู่ หรือเจลอาบน้ำก็ได้


11 เลียนแบบจากสปาชั้นนำ โดยการใส่น้ำให้เต็มอ่าง เติมเกลือเม็ดลงไป และเวลาที่ลงไปแช่ตัวอยู่ในอ่างให้ใช้เกลือ 1 กำมือ ขัดไปมาเบาๆ ให้ทั่วตัว และล้างตัวด้วยน้ำสะอาด


12 แปรงแปรงผิวสามารถใช้ได้ดี โดยขัดเบาๆ บนผิวที่แห้งก่อนอาบน้ำ เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดไป หรือจะใช้ในขณะอาบน้ำร่วมกับสบู่ หรือเจลอาบน้ำก็ได้


13 การปรนนิบัติผิวให้นุ่มนวลขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น ควร เริ่มด้วยการใช้น้ำมันนวดผิวก่อนอาบน้ำ จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนของการขัดผิว เพื่อช่วยปรนนิบัติ ผิวสะอาดหมดจด สวยเนียนสดใสไปอีกนานๆ


14 เราสามารถทำครีมขัดผิวใช้เอง โดยการใช้เกลือเม็ดเล็กๆ ผสมกับน้ำมันทาผิว (Baby Oil) หรือน้ำมันมะกอกทาทั่วตัวทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที นวดให้ทั่ว แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด


15 สครับสำเร็จรูปมักมีลักษณะคล้ายๆ กัน คือมีบีด (bead) ซึ่งอาจทำจากเกลือ, น้ำตาล, อัลมอนด์ ฯลฯ ช่วยในการขัดผิว มีน้ำมันช่วยหล่อลื่นมีกลิ่นหอม อีกทั้งมีส่วนประกอบในการบำรุงผิวอีกหลายชนิด


16 เราสามารถทำสครับใช้เองง่ายๆ
ด้วยการใช้ผักผล ไม้ชนิดที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ในตัวเดียว คือมีผิวสัมผัสที่ให้ความหยาบเล็กน้อย แต่ต้องไม่ถึงกับให้ผิวระคายเคือง มีน้ำช่วยหล่อลื่นและมีวิตามินตรงกับความต้องการ


17 มะขามเปียก, สับปะรด มีเส้นใยช่วยขจัดขี้ไคล มีความเป็นกรด ช่วยทำความสะอาดผิว ทำให้ผิวขาวใส มีวิตามินซึ่งเป็นแอนติออกซิแดนท์สูง มะละกอมีเอนไซม์อ่อนๆ ช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้ว วิตามินสูง แต่เนื้อมีความละเอียดมาก มะนาวเป็นกรด เหมาะใช้กับผิวส่วนที่หยาบกร้าน เช่น ข้อศอก, ส้นเท้านุ่มขึ้น แตงกวาช่วยให้ผิวสดชื่น มะพร้าวขูดมีน้ำมันช่วยบำรุงผิว แต่ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้งมากต้องระวัง ลองใช้ส้มเช้งมีคุณสมบัติ คล้ายสองชนิดแรก แต่ไม่เป็นกรดมาก


18 ถ้าคุณเลือกส่วนผสมหลักที่มีความพร้อมในตัวเดียว เช่น มะขามเปียกก็สามารถ นำมาสครับได้เลย แต่ถ้าเลือกมะละกอก็ควรหาสิ่งที่เป็นบีดเพิ่มเข้าไปด้วย เพราะบีดช่วยเพิ่มความสากในสครับ ทำให้สามารถขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้ง่ายขึ้น


19 เพื่อความปลอดภัยควรเลือกสิ่งที่อยู่ในครัวเรือนและมีโอกาสแพ้น้อยที่สุด เช่นเกลือมีฤทธิ์ช่วยสมานผิว, ข้าวสารบดละเอียดช่วยให้ผิวขาว, น้ำตาลทรายมีทั้งความสากและความหนืดอยู่ในตัวเอง, งาเนื้อไม่หยาบเกินไป มีน้ำมันอยู่ในตัวช่วยลดความระคายเคือง และกาแฟกระตุ้นให้ร่างกายขับสารพิษ สิ่งที่ควรระวังคือบีดบางชนิดมีเหลี่ยมคม จึงต้องนำมาบดให้ละเอียดก่อนนอกจากนั้นอาจเพิ่มน้ำมันลงไปเพื่อช่วยลดการ เสียดสี


20 ถ้าคุณมีผิวมัน ใช้มะขามเปียกหรือสับปะรดซึ่งมีความเป็นกรดช่วยขจัดความมันผสมกับเกลือ มีฤทธิ์ช่วยสมานผิว เติมโยเกิร์ตช่วยบำรุงผิวก็ได้


21 ถ้าคุณมีผิวแห้ง ใช้ส้มเช้งเป็นส่วนผสมหลัก...ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นแว่นพอจับถนัดมือ ใส่งาขาวเป็นตัวช่วยขัด เพิ่มน้ำมันมะกอกเล็กน้อยลดความระคายเคือง


22 ถ้าคุณมีผิวแพ้ง่าย ใช้แค่งาขาว, งาดำผสมน้ำผึ้งหรือโยเกิร์ตก็พอ


23 การใช้น้ำมัน จุดประสงค์สำคัญคือช่วยหล่อลื่น และเป็นตัวช่วยลดความเข้มข้นของกรดสำหรับคนผิวแห้งเช่น ถ้าคุณต้องการใช้สับปะรดขัดผิว แต่เกรงว่าผิวจะแห้ง เกินไป การเพิ่มส่วนผสมน้ำมันก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะนอกจากช่วยให้ลื่นแล้ว น้ำมันยังช่วยเคลือบผิวไม่ให้มีการสูญเสียน้ำมากเกินไป


24 การเพิ่มนม, โยเกิร์ต, น้ำผึ้ง หรืออื่นๆ ที่ช่วยบำรุงผิว สามารถทำได้ แต่ต้องดูไม่ให้สครับข้นหรือเหลวเกินไป ลักษณะของสครับที่ดีควรมีความหนืดเล็กน้อย จับตัว อยู่บนผิวได้ และสะดวกแก่การขัด


25 ใครที่ชอบความหอมรื่นรมย์ สามารถเสริมกลิ่นด้วย การหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบลงไป 2-3 หยด ซึ่งต้องเป็นน้ำมันหอมระเหยสำหรับนวดตัว ซึ่งมักผสมที่ความเข้มข้นประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่สำหรับใส่เตาเผาน้ำมันเพราะน้ำมันหอมระเหย เข้มข้นจะทำให้ผิวไหม้


26 คนที่มีโรคเกี่ยวกับต่อมน้ำเหลือง เช่น ต่อมน้ำเหลืองอักเสบรุนแรง, ต่อมน้ำเหลือง-โต, มีแผลเป็นหนอง หรือแม้แต่เป็นสิวอักเสบ ควรงดการสครับชั่วคราวจนกว่าจะหายเพราะการขัดเป็นการกระตุ้นให้อักเสบมาก ขึ้น


27 ถ้าจะสครับหน้าต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนที่สุด ขัดอย่างเบามือเพื่อกระตุ้นน้อยๆ เน้นไปที่ร่องจมูก เลี่ยงจุดที่บอบบางมากๆ เช่น รอบดวงตา

WiGig มาตรฐานไร้สายความเร็วสูง!!!

WiGig (Wireless Gigabit Alliance) ได้เปิดเผยข้อมูลจำเพาะเกี่ยวกับคุณสมบัติของมาตรฐานไร้สายความเร็วสูงมาได้ หนึ่งปีแล้ว โดยมาตรฐานดังกล่าวจะทำงานที่ช่วงความถี 60GHz ซึ่งจะเป็นการยกระดับมาตรฐานการเชื่อมต่อเครือข่ายภายในบ้าน (home networking) ที่สามารถเชื่อมต่อด้วยความเร็วในการส่งถ่ายข้อมูลสูงสุดถึง 7 กิกะบิตต่อวินาที

สำหรับช่วงความถี่ 60GHz ของ WiGig ไม่ได้หมายความว่า มันจะถูกนำมาใช้แทน 2.4GHz และ 5GHz ทีใช้ในเทคโนโลยี Wi-Fi ปัจจุบัน แต่เป็นมาตรฐานที่ถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อเติมเต็มช่องว่างให้กับอุปกรณ์ที่ต้อง การถ่ายโอนข้อมูลที่ความเร็วระดับกิกะบิท อย่างเช่น วิดีโอไฮเดฟฯ ซึี่งสเป็กของ WiGig จะสนับสนุนการถ่ายโอนข้อมูลได้ที่ความเร็วสูงสุดถึง 7Gbps บนคลื่นความถี่ 60GHz สำหรับการสื่อสารในระยะใกล้ๆ ภายในบ้านของเราเอง

นอกจากนี้ การเปิดเผยสเป็กแรกของ WiGig เมื่อวานนี้ ทางกลุ่มยังได้ประกาศความร่วมมือที่เกิดขึ้นกับพันธมิตรรายใหม่ด้วยอย่าง เช่น ซิสโก้ ซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ เฮอร์แมนอินเเตอร์เนชั่นแนล พีแรสโซ่เทคโนโลยี และวายฟายอะไลอันซ์ หากเปรียบเทียบความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลดังกล่าว เราสามารถส่งข้อมูลขนาด DVD หนึ่งแผ่นด้วยมาตรฐาน WiGig ได้สำเร็จภายในไม่ถึง 10 วินาที

Wi-Fi Alliance และ WiGig Alliance (Intel, Microsoft, Dell, Panasonic) ยังได้กล่าวร่วมกันอีกด้วยว่า ทั้งสองจะแชร์รายละเอียดของเทคโนโลยีสำหรับการพัฒนามาตรฐาน Wi-Fi ใหม่ๆ ซึ่งรวมถึง WiGig ที่ทำงานที่ความถี่ 60GHz ด้วย นั่นหมายความว่า เราท์เตอร์ที่รองรับการทำงานทั้ง 3 ช่วงความถี่ (Tri-band) นอกจากจะเร็วกว่าแล้ว ยังสามารถทำงานกับระบบเก่าได้อีกด้วย "ขณะนี้ข้อกำหนดของมาตรฐานที่เราจัดทำขึ้นได้เสร็จสมบูรณ์ และพร้อมเผยแพร่แล้ว มันถึงเวลาที่เราจะผลักดันให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ สำหรับการเชื่อมต่อไร้สายระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ" Dr. Ali Sandri ประธาน WiGig Alliance กล่าว "เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งทีไ่ด้ทำงานร่วมกับ Wi-Fi Alliance ในการขยายขีดความสามารถในเรื่องของความเร็วระดับกิกะบิทไปสู่เทคโนโลยี Wi-Fi"

ข้อมูลจาก: Trustedreviews

WiGig มาตรฐานไร้สายความเร็วสูง!!!

WiGig (Wireless Gigabit Alliance) ได้เปิดเผยข้อมูลจำเพาะเกี่ยวกับคุณสมบัติของมาตรฐานไร้สายความเร็วสูงมาได้ หนึ่งปีแล้ว โดยมาตรฐานดังกล่าวจะทำงานที่ช่วงความถี 60GHz ซึ่งจะเป็นการยกระดับมาตรฐานการเชื่อมต่อเครือข่ายภายในบ้าน (home networking) ที่สามารถเชื่อมต่อด้วยความเร็วในการส่งถ่ายข้อมูลสูงสุดถึง 7 กิกะบิตต่อวินาที

สำหรับช่วงความถี่ 60GHz ของ WiGig ไม่ได้หมายความว่า มันจะถูกนำมาใช้แทน 2.4GHz และ 5GHz ทีใช้ในเทคโนโลยี Wi-Fi ปัจจุบัน แต่เป็นมาตรฐานที่ถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อเติมเต็มช่องว่างให้กับอุปกรณ์ที่ต้อง การถ่ายโอนข้อมูลที่ความเร็วระดับกิกะบิท อย่างเช่น วิดีโอไฮเดฟฯ ซึี่งสเป็กของ WiGig จะสนับสนุนการถ่ายโอนข้อมูลได้ที่ความเร็วสูงสุดถึง 7Gbps บนคลื่นความถี่ 60GHz สำหรับการสื่อสารในระยะใกล้ๆ ภายในบ้านของเราเอง

นอกจากนี้ การเปิดเผยสเป็กแรกของ WiGig เมื่อวานนี้ ทางกลุ่มยังได้ประกาศความร่วมมือที่เกิดขึ้นกับพันธมิตรรายใหม่ด้วยอย่าง เช่น ซิสโก้ ซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ เฮอร์แมนอินเเตอร์เนชั่นแนล พีแรสโซ่เทคโนโลยี และวายฟายอะไลอันซ์ หากเปรียบเทียบความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลดังกล่าว เราสามารถส่งข้อมูลขนาด DVD หนึ่งแผ่นด้วยมาตรฐาน WiGig ได้สำเร็จภายในไม่ถึง 10 วินาที

Wi-Fi Alliance และ WiGig Alliance (Intel, Microsoft, Dell, Panasonic) ยังได้กล่าวร่วมกันอีกด้วยว่า ทั้งสองจะแชร์รายละเอียดของเทคโนโลยีสำหรับการพัฒนามาตรฐาน Wi-Fi ใหม่ๆ ซึ่งรวมถึง WiGig ที่ทำงานที่ความถี่ 60GHz ด้วย นั่นหมายความว่า เราท์เตอร์ที่รองรับการทำงานทั้ง 3 ช่วงความถี่ (Tri-band) นอกจากจะเร็วกว่าแล้ว ยังสามารถทำงานกับระบบเก่าได้อีกด้วย "ขณะนี้ข้อกำหนดของมาตรฐานที่เราจัดทำขึ้นได้เสร็จสมบูรณ์ และพร้อมเผยแพร่แล้ว มันถึงเวลาที่เราจะผลักดันให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ สำหรับการเชื่อมต่อไร้สายระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ" Dr. Ali Sandri ประธาน WiGig Alliance กล่าว "เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งทีไ่ด้ทำงานร่วมกับ Wi-Fi Alliance ในการขยายขีดความสามารถในเรื่องของความเร็วระดับกิกะบิทไปสู่เทคโนโลยี Wi-Fi"

ข้อมูลจาก: Trustedreviews

คุณค่าในความเป็นคน...Be Myself





อีกครั้ง.....และกับอีกคืน ที่รู้สึกอยากร้องเพลงนี้ "สิ่งที่ฉันเป็น" ชอบจังกับท่อนทีร้องว่า "เป็นแค่หนึ่งคนนี้ที่รู้ดี กับหนทางของใจ.............." มันอธิบายความเป็นตัวฉันได้ดีจัง ฉันมีความสุขกับชีวิตทุกวันนี้นะ รู้สึกว่าตัวเรารู้ตัวเราว่าเราต้องการอะไร

ชีวิตฉันเป็นของฉัน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอะไร ฉันมีคุณค่ากับตัวฉันเอง งานที่ฉันรัก เพื่อนที่ฉันเลือกที่จะรัก สิ่งรอบตัวอีกมากมายที่ฉันรัก ทำให้ฉันรู้สึกว่า ชีวิตมีความหมาย มีคุณค่าและน่าอยู่จริงๆ นี่แหละมั้ง!! ที่มีคนบอกว่า เวลาของคนที่มีความสุขมักจะผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน แต่มันไม่ไร้ค่านะ
ทุกวินาที ทุกลมหายใจ ที่ผ่านไป ฉันรู้ว่าฉันเป็นใคร และทำอะไร และอะไรคือความสุขที่ฉันต้องการ เท่านี้ฉันก็ว่าคุ้มค่าแล้วนะที่เกิดเป็นคน ๆ ที่มีสิทธิ์ในการใช้ชีวิตในแบบที่เราเลือกเอง
โฆษณาเหล้ายี่ห้อหนึ่งบอกว่า "อยากเกิดเป็นมนุษย์ อยากสัมผัสความรู้สึก ความรัก ความผิดหวัง ความสมหวัง" ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบแล้วซินะ

คุณ ค่าของการเกิดเป็นคนอีกอย่างที่ฉันค้นพบ คือการที่เราเป็นผู้ให้ แม้ว่า เราอาจจะยังหวังว่าจะได้รับสิ่งตอบแทนที่ดีเหมือนกับที่เราทุ่มเทไป บ้าง เพราะเราก็เป็นแค่ปุถุชนคนธรรมดา แต่การที่เป็นผู้ให้มันสุขใจ อิ่มใจอย่างประหลาด
ยังมีคนอีกมากมายบนโลก ที่เกิดมาเป็นแต่ผู้รับ เมื่อไม่ได้สิ่งที่เคยได้ ก็ทุรนทุราย ไม่สามารถอยู่ได้บนโลกนี้ แต่คนที่เป็นผู้ให้คนอื่นก่อนจะไม่เคยรู้สึกอ้างว้าง เพราะการให้นั้นเพียงพอแล้วที่จะตอบสนองความสุขในตัวมันเอง คนที่ ให้คนอื่น ได้ก็เพราะเขาทำให้ตัวเองมีความสุขเพียงพอแล้ว จึงสามารถแบ่งปันได้
ฉันไม่ได้เป็นคนดีกว่าคนอื่นๆ ยังมีบางมุมที่มืดมิดที่อาจไม่มีใครเข้าถึง แต่ฉันก็เรียนรู้ที่จะรักตัวฉันเอง และทุกสิ่งรอบข้างตัวฉัน ชีวิตของฉันวันนี้ คือ สิ่งที่ฉันเป็น............ Be Myself

ข้อคิดดีๆ









การที่จะรักใครสักคน


















11 สิ่งดีดี





















+++ Hamster +++

+++ Playlist +++


MusicPlaylistRingtones
Create a playlist at MixPod.com

+++ coming soon +++