วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ระวัง!!! เสิร์ช“ทไวไลท์“แต่เจอกับไวรัส

ในขณะที่ผู้คนทั่วโลกรอชมภาพยนต์ชุด Twilight Eclipse ด้วยการตรวจสอบรอบฉายผ่านทางอินเทอร์เน็ต มันเป็นจังหวะเดียวกันกับอาชญกรรมคอมพิวเตอร์ และผู้ไม่หวังดีเข้าแทรกแซง เพื่อหลอกลวงต้มตุ๋นให้คุณเสียเงินเปล่า หรือเข้าโจมตีเล่นงานระบบคอมพิวเตอร์ของคุณโดยไม่คาดคิดมาก่อน

"ผู้ใช้เสิร์ชเอ็นจิ้นพยายามค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับรอบฉาย ตลอดจนรายละเอียดต่างๆ ของภาพยนต์เรื่อง Twilight Eclipse จากทางอินเทอร์เน็ต และเมื่อพบลิงค์ที่คิดว่าใช่ข้อมูลที่ต้องการก็จะคลิก แต่แทนที่จะได้พบกับหน้าเว็บที่เป็นรายละเอียด กลับถูกพาไปยังหน้าเว็บผลิตภัณฑ์แอนตี้ไวรัสที่ทำปลอมขึ้นมา หลอกผู้ใช้ว่ามีไวรัสติดอยู่ในเครื่อง หากต้องการให้ดูแลแก้ไขก็จ่ายเงินให้กับไซต์ปลอมเหล่านี้ ซึ่งความจริงไม่มีไวรัสอยู่ในเครื่องของคุณแต่อย่างใด" Erich Andren หนึ่งในผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ระบบรักษาความปลอดภัย PC Tools กล่าว

ระวัง!!!  เสิร์ช"ทไวไลท์"แต่เจอกับไวรัส

Andren ยังกล่าวอีกด้วยว่า เว็บไซต์ปลอมที่ดูเหมือนเว็บไซต์ที่ดูดีมากๆ ของ Twitlight เมื่อจับคู่กับเว็บไซต์ปลอมแอนตี้ไวรัสที่เลียนแบบ และแสดงการทำงานได้เหมือนจริงมากๆ ช่างเป็นอะไรที่เหมาะเจาะเสียนี่กระไร "มันดูเหมือนผู้ใช้กำลังรันสแกนไวรัสด้วย Windows Security จากนั้นผู้ใช้จะพบว่า มันมีไวรัสกว่า 30 รายการแตกต่างกันติดอยู่ในเครื่องของพวกเขา และสิ่งที่ต้องทำก็คือ กำจัดพวกมันออกไป เว็บไซต์แอนตี้ไวรัสปลอมจะถามว่า ต้องการให้กำจัดมัลแวร์เหล่านี้ หรือไม่? และแน่นอนว่า ส่วนใหญ่จะคลิกปุ่ม Yes พร้อมกับให้ข้อมูลบัตรเครดิต" Andren กล่าว

ระวัง!!!  เสิร์ช"ทไวไลท์"แต่เจอกับไวรัส
"ประเด็นคือ เรื่องมันไม่ได้จบแค่นั้น เพราะหลังจากคลิก Yes เพื่อโดนหลอกเอาข้อมูลไปตัดบัตรเครดิตแล้ว ระบบของผู้ใช้ยังติดซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสปลอมเข้าไปด้วย ซึ่งมันจะสร้างปัญหาตามมาอีกมากมายให้กับคุณ" เพื่อความปลอดภัย อย่าคลิกบนลิงค์ที่ไม่รู้จักที่มาที่ชัดเจน เลือกที่จะคลิกลิงค์บนเว็บไซต์ หรือแหล่งข้อมูลที่มีชื่อเสียง และเข้าเว็บไซต์ Twitlight ที่เป็นทางการเท่านั้น เรื่องแบบนี้แม้กระทั่งนักคอมพิวเตอร์ที่แน่ๆ บางรายยังโดนหลอกมาแล้ว นั่นคือเหตุผลว่า ทำไมผู้ใช้ต้องอัพเดตซอฟต์แวร์ระบบรักษาความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ คลิกชมตัวอย่างหนังเรื่องนี้!!

หุ่นแสนรู้ "อีมีว 2 (EMIE W2)"


อีมีว หุ่นยนต์น่ารัก

นวัตกรรมหุ่นยนต์รุ่นใหม่ "อีมีว 2 (EMIE W2)" จากค่ายฮิตาชิ สูง 80 เซนติเมตร หนัก 14 กิโลกรัม

ภายในหมวกฝังไมโครโฟน 14 ตัว ใช้ รับรู้และแยกแยะเสียงของมนุษย์ออกจากเสียงรบกวน ทำท่านั่งคุกเข่าและลุกขึ้นยืนในศูนย์วิจัยฮิตาชิ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (เอเอฟพี)

อีมีว หุ่นยนต์น่ารัก

เลือกแว่นกันแดด ให้เหมาะกับใบหน้า


ใบหน้าทรงกลม
กรอบ ที่ใช้ควรจะทำให้ใบหน้าดูยาวและผอม ลองเลือกกรอบที่มีความกว้างเท่ากับหรือกว้างกว่าความกว้างของใบหน้า ให้มีความโค้งน้อย ๆ เน้นทรงเหลี่ยมเพื่อเน้นมุมของใบหน้า ให้กรอบด้านบนอยู่สูงกว่าขมับจะทำให้ใบหน้าดูยาวขึ้น ยิ่งกรอบแว่นที่มีแถบเหนือหรือตรงกับคิ้ว ก็จะยิ่งจะทำให้รู้สึกว่าดวงตาอยู่สูงขึ้นกว่าเดิม หน้า คุณก็จะไม่เป็นซาลาเปาอีกต่อไป

ใบหน้ารูปเพชร
ใบหน้าทรงนี้จะมีโหนกแก้มที่กว้างหรือสูง และจะมีหน้าผากกับคางที่แคบ แว่นกันแดดรูปไข่ช่วยท่านได้ มันจะช่วยทำให้มุมของใบหน้าดูซอฟท์ลง แต่คุณต้องมั่นใจว่าแว่นตาจะต้องไม่กว้างไปกว่าด้านบนของโหนกแก้มนะจ๊ะ นอกจากนี้ แว่นทรงเหลี่ยมหรือแว่นไร้กรอบก็ช่วยได้ เหมือนกัน

ใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ต้อง พยายามอย่าใช้แว่นกว้าง ๆ ในใบหน้าคุณ เพราะจะทำให้หน้าคุณดูกว้างเข้าไปใหญ่ แต่แว่นทรงกลม หรือเหลี่ยมเหมาะ กรอบในแนวนอนจะต้องสั้น และในแนวตั้งจะต้องยาวด้วย

ใบหน้ารูปสามเหลี่ยม
ใบ หน้าทรงนี้จะมีรูปคางที่แหลมและหน้าผากที่กว้าง แว่นที่เหมาะสมจะต้องเน้นที่บริเวณตา เช่น
cat- eyes style โดยแว่นมุมบนจะต้องอยู่นอกใบหน้าและกว้างกว่าขากรรไกร คุณสามารถลองแว่นที่ทำด้วยโลหะที่ไม่มีกรอบล่าง กรอบ ที่ด้านบนที่เป็นแนวตรงก็ดูเหมาะ

ใบหน้ารูปเหลี่ยม
ใบหน้ารูปนี้จะเห็นขากรรไกรชัด รวมถึงหน้าผากและโหนกแก้มที่กว้าง เราต้องพยายามลดมุมของใบหน้าด้วยการใช้แว่นสีอ่อน และมีความโค้งมาก ๆ เช่น
cat-eye styles แว่นทรงวงรีแบบดั้งเดิมก็ใช้ได้

ใบหน้ารูปไข่
ถือว่าคุณโชคดีมากกก คุณสามารถเลือกแว่นกันแดดได้เกือบจะทุกสไตล์
ถ้าจะให้เริ่ดที่ สุดก็ต้องเป็นแว่นทรงสี่เหลี่ยม ใช้กรอบสีอ่อน ๆ และที่สำคัญต้องเลือกแบบที่กรอบด้านบนอยู่สูงกว่าขมับด้วยนะ

ข้อมูลจาก : www.ladyissue.com

ฝึกสมอง..ให้เป็นคนเก่ง

สมองไบรท์, เก่ง , ปริศนาอักษรไขว้ , เซลล์สมอง , เขียนบันทึก,  Multitasking

"การฝึกฝนทำให้คุณเป็นคน เก่ง" นี่คือคำกล่าวของนักประสาทวิทยาชาวสวีเดน โทร์เคล คลิงเบิร์ก ว่าคนเราควรทำอย่างไรให้ได้ข้อมูลและมีความเข้าใจมากที่สุด โดยที่เราไม่ต้องใช้สมองจนเกินกำลังหรือไม่ทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย เนื่องจากสมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดในระยะเวลาที่จำกัด แต่เราก็มีวิธีที่จะใช้ศูนย์ความคิดของเราให้ มีประโยชน์มากที่สุดเช่นกัน

Multitasking คุณกำลังเดินทางไปพบปะพูดคุยธุรกิจและระหว่างทางครุ่นคิดวิธีการเจรจาตกลง ต่างๆ คุยโทรศัพท์หรือเขียนจดหมาย แต่การทำงานหลายๆอย่างในคราวเดียวกันมีความเสี่ยงกับความผิดพลาดในการส่งอี เมลล์ผิดให้กับคู่เจรจา ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ทำงานหรือธุระใดๆก็ตามให้เป็นไปตามลำดับ อย่าทำงานหลายอย่างในคราวเดียวกันเพื่อป้องกันการผิดพลาด

สัญชาตญณบอกคุณได้ดีกว่าสมอง ในแต่ละวันเรามีเรื่อง ต้องตัดสินใจประมาณ 20,000 เรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องในชั่วพริบตา และคนเป็นจำนวนมากที่ตัดสินใจโดยไม่รู้ตัว เช่น การทักทาย และออกความเห็นในที่ประชุม โดยเฉพาะคนที่ทำงานในออฟฟิต ที่มีเงื่อนไขของเวลาเป็นเรงกดดันในการตัดสินใจ นักจิตวิทยาจึงแนะนำให้ฟังเสียงความรู้สึกของตัวเองหรือสัญชาตญาณที่เรานำไป ใช้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งก็ทำให้มีทางเลือกที่เร็วกว่าในการตัดสินใจแบบสายฟ้าแลบ เนื่องจากการตัดสินใจแบบในชั่วพริบตาจำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์ แต่ในกรณีที่คุณต้องตัดสินใจเรื่องที่ไม่เชี่ยวชาญก็ควรปรึกษาและขอความเห็น จากผู้ใหญ่ที่มีความรู้และประสบการณ์จะดีกว่า

กลิ่นกาแฟช่วยกระตุ้นเซลล์สมอง หากจำเป็นต้องตื่นแต่ เช้าเพราะมีงานด่วน ยังรู้สึกงัวเงีย สมองยังไม่แล่นเพราะนาฬิกาชีวิตยังปรับไม่ทันความจำเป็นของคุณ สิ่งที่จะช่วยได้ก็คือกาแฟสักหนึ่งถ้วย ลำพังกลิ่นกาแฟในตอนเช้าก็มีผลกระตุ้นสมองให้ตื่นตัว นี่คือผลการศึกษาจากนักวิจัยชาวญี่ปุ่น เพื่อนร่วมงานของคุณก็คงจะยินดีที่จะได้กาแฟสักหนึ่งถ้วยจากคุณและคุณก็ยัง ได้สูดกลิ่นกาแฟไปด้วยการแข่งขันกระตุ้นสมอง ถ้าเรารู้ว่าเราต้องแข่งขันกับใครสักคน มันจะกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนไปทั่วบริเวณสมองหรือที่เรียกกันว่า "ศูนย์รับรางวัล" เพราะจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยบอลล์ในประเทศเยอรมนี โดยการให้อาสาสมัครแข่งขันกัน หากใครตอบถูกจะได้รางวัล 120 ยูโร และมีการแสดงให้เห็นถึงปฏิกิริยาของสมองจากภาพสแกน ผลก็คือ มีเลือดไหลเวียนสูงสุดที่ศูนย์รับรางวัลของผู้เข้าแข่งขันระหว่างตอบคำถาม

สมาธิเพิ่มเมื่อมีงาน เสียงโทรศัพท์ ผู้ร่วมงานหัวเราะ มีอีเมล์ที่ต้องตอบ งานหลายๆอย่างประเดประดังเข้ามาใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าคุณจะตั้งสมาธิได้ ทั้งนี้ นักจิตวิทยาชาวอังกฤษพบว่า การมีสมาธิขึ้นอยู่กับงานยากหรือง่าย หากเป็นงานยาก สมองก็จะมีสมาธิกับงานอย่างอัตโนมัติ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณมีอารมณ์เศร้า ก็อย่าจมปลักกับงานที่ทำเป็นประจำเพราะมันอันตรายกับสมองในการใช้งานเกิน กำลัง คุณควรเรียนรู้สิ่งใหม่ๆบ้าง เพราะมีการพิสูจน์มาแล้วว่าโครงสร้างสมองของผู้ใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อ ได้เรียนสิ่งใหม่ๆและกระบวนการเรียนรู้ทุกอย่างจะเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง ทำให้แข็งแรงขึ้น และยังก่อให้เกิดเซลล์ใหม่ๆด้วย ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ

สมองทำงานเหมือน Google จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า เมื่อคนคิดถึงคำ ศูนย์ความคิดของคนเราจะทำหน้าที่คล้ายๆกับ Google คือคิดตามลำดับ เช่น 1 2 3

สมองต้องออกกำลัง แม้เราจะไม่ค่อยได้บริหารสมองด้วยการคำนวณหรือทายปริศนาอักษรไขว้ เราก็สามารถช่วยให้สมองฟิตได้ เพราะจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยมิชิแกนได้ชี้ให้เห็นว่า การมีสังคมกับผู้คนสามารถช่วยให้สมองตื่นตัวได้เหมือนการบริหารสมอง

ขอบคุณข้อมูลจาก Lisa

รักเขาด้วยความเข้าใจ


1. คะแนน ติดลบในขณะที่ความโกรธของผู้หญิงสามรถสูญสลายได้ทันใจ แค่เขายื่นดอกไม้ให้ช่อเดียวแต่ผู้ชายใจแคบ กว่านั้น เขาจริงจังกับความเจ็บมากกว่าและไม่ว่าคุณจะทำดีสักแค่ไหน และเขาออาจเอ่ยปากให้อภัยไปแล้วแต่คะแนนติดลบของคุณก็ยังฝังหุ่นอยู่ในใจของ เขาตลอดเวลา

เพราะฉะนั้นวิธีการที่คุณจะเรียกร้องความสนใจด้วยการทำให้หนุ่มๆ หึง หรือเจ็บปวด อย่าใช้เป็นดีที่สุด เพราะจะได้ไม่คุ้มเสีย ใช้มารยาหญิง ออดอ้อนดีกว่า น่ารักน่าใคร่กว่าเยอะ

2.ความเงียบไม่ใช่ ไม่สนใจผู้ชาย เป็นพวกที่มีนิสัยคิดอะไรเป็นอย่างๆและเมื่อเขาคิดเขา จะเงียบตัดขาดการรับรูใดๆ หากบังเอิญว่าคุณกำลังเล่า หรือพรรณนาเรื่องราวต่างๆ แล้วเขาไร้รีแอคชั่นใดๆ อย่าเพิ่งงอน หรือคิดเตลิดไปไกล

เพราะที่จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจ เพียงแต่กำลังขบคิดสิ่งที่ค้างใจไม่เสร็จ วิธีแก้ก็คือควรนั่งเงียบ หรือหาอย่างอื่นทำให้ชิลๆ เมื่อเขารู้ตัว หรือเคลียร์ปัญหาได้แล้วก็จะกลับมาเอง

3. ศักดิ์ศรีสำคัญ กว่าการแก้ปัญหาเสียทองเท่าฝูงกาไม่ยอมเสียหน้าให้ใคร นี่คือหนึ่งใน ปรัชญาของผู้ชาย เพราะเขาหาความภาคภูมิใจจากศักดิ์ศรี ดังนั้นไม่ว่าเขาจะทำอะไรที่งี่เง่า หรือยิ่งทำยิ่งผิด ก็ต้องทำใจ แต่อย่าได้แสล๋นไปบอก สั่ง หรือแนะนำแบบตรงๆ เด็ดขาด

เพราะเขาจะยิ่งทำหนักขึ้น และคุณก็จะยิ่งโกรธเขามากขึ้น มีคำกล่าวว่าผู้ชายเป็นหัว ผู้หญิงเป็นคอ ทำอะไรก็ได้ให้เขาคิดว่าหัวหันไปทางไหนก็เพราะหัวคิด ทั้งที่จริงคอต่างหากที่เป็นตัวหมุนทิศทาง ใช้ความอ่อนโยน และวิธีการอันแยบยลคอนโทรลเขาโดยให้คิดว่าทั้งหมดเกิดจากความคิดของเขาดี กว่า

4. เฉไฉฆ่าเวลา ในขณะที่ผู้หญิงจะนั่ง หมกมุ่นคิดแก้ปัญหาอะไรก็ตาม ต่อให้คิดไม่ออกก็ต้องบ่นๆๆๆ หรือเครียดจนไม่มีอันทำอะไร แต่ผู้ชายจะมีวิธีการที่แตกต่างไปกว่านั้น เขาอาจไม่บ่น แถมยังทำเหมือนไม่สนใจอะไรด้วย จนน่าหมั่นไส้ เผลอๆ ก็ออกไปตีกอล์ฟ หรือนัดเพื่อนกินเหล้า ใครเคยกรี๊ดกับอาการแบบนี้ เลิกเหอะ

เพราะไม่ใช่ว่าเขาไม่ใส่ใจ แต่มันเป็นวิธีของผู้ชายที่จะเฉไฉทำอย่างอื่น เหมือนกับเอาตัวเองออกมานอกวงปัญหา เพื่อให้ได้มุมมองใหม่ในการแก้ปัญหาต่างหาก คำแนะนำคือ ปล่อยเขาไป เดี๋ยวคิดออกเอง หรือถ้าคิดไม่ออกจริงๆ เขาก็จะมาปรึกษากับเราเอง อย่าไปหาเรื่องทะเลาะ หรือสร้างแรงกดดันเลย

5. พูดเหมือนกันแต่ คนละความหมาย ในขณะที่คำพูดของผู้หญิงเกือบทั้งหมดมีลักษณะกินนัยเพื่อแสดงอารมณ์ หรือเรียกร้องความสนใจ แต่คำพูดของผู้ชายจะสื่อตรงตามคำพูดไม่ยอกย้อน ดังนั้นถ้าเขาติติง หรือไม่ชอบอะไร ก็หมายความว่าเขาไม่พึงใจในสิ่งที่กล่าวจริงๆ ถ้าคุณไม่เห็นด้วยก็ควรใจเย็นๆ แล้วพูดคุยด้วยเหตุผล การประชดประชันไม่ได้ช่วยแก้แต่ยิ่งขยายปัญหา และในทางกลับกัน คุณควรหลีกเลี่ยงการพูดประชดประชัน หรือใช้คำพูดในแง่ลบแอบแฝงอยู่เสมอๆ

เพราะมันเหมือนเป็นการตอกย้ำให้เขาคิดตามคำพูดของคุณโดยไม่ตีความ เช่น การท้าให้เลิกบ่อยๆ เพราะน้อยใจ อาจนำไปสู่การขอเลิกจริงๆ โดยไม่คิดว่าที่จริงแล้วคุณน้อยใจ แต่ไม่มีความสุขกับการอยู่ด้วยกัน

6. อิสระ เหนืออื่นใด มุมมองของผู้หญิงคือการทุ่มเททุกอย่างให้ผู้ชาย แต่สำหรับผู้ชายแล้ว เขาไม่สามารถทำแบบนี้ได้เหมือนผู้หญิง แต่เลือกจะให้สิ่งสำคัญเป็นเรื่องๆ เช่นให้ความปลอดภัย การดูแลความมั่นคง

โดยคิดเอาเองว่าเขามีสิทธิ์ชอบธรรมที่จะให้สิ่งสำคัญหลักๆ และมีอิสระในตัวเองด้วยการหาความสุขแบบส่วนตัวอย่างอิสระควบคู่ไปด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา หากสิ่งที่เขาทำ ไม่ได้เป็นการนอกใจ คุณก็ควรผ่อนปรนลงบ้าง และใช้เวลากับการหาความสุขเบาๆ ให้ตัวเองด้วย จะดีกว่าการคัดค้าน

เจ๋งงงงง เพ้นท์ตึกเก่าซะสวยเลย

เพ้นท์ตึก เจ๋ง

ตึกธรรมดา ออกเก่าๆ เพ้นท์ออกมาซะเริ่ดดดเลย

เพ้นท์ตึก เจ๋ง

เพ้นท์ตึก เจ๋ง

อีกฝั่งก็เจ๋ง

เพ้นท์ตึก เจ๋ง

EQ กับวัยทำงาน




อีคิว เรียกเป็น ภาษาไทยเก๋ๆ ว่า ความฉลาดทางอารมณ์ เป็นความสามารถของมนุษย์ที่จะเข้าใจอารมณ์ของตนเองและผู้อื่นสามารถเป็นการ บริหารจัดการอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม

รับผิด ชอบ และจัดการปัญหา อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ ตลอดจนดำเนินชีวิตของตนเองได้อย่างมีความสุข นักจิตวิทยาหลายท่านที่มีความเชื่อว่าความสำเร็จหรือความสุขของคน เรานั้น ไม่ได้มาจากความสามารถทางเชาว์ปัญญา หรือความเก่งในด้านการเรียนอย่างเดียว เราอาจมีประสบการณ์ว่าคนที่ เรียนเก่งได้รับเกียรตินิยม ก็ไม่ได้เป็นตัวรับประกันว่าคนๆนั้น จะประสบความสำเร็จในชีวิตส่วนตัวหรือหน้าที่การงานเสมอไป คนเรียนเก่งแต่เข้ากับคนอื่นไม่ได้ มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับคนอื่นเป็นสิ่งที่เราเองมีโอกาสพบเจอได้เสมอ


อีคิวพัฒนาได้แม้เข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้ว

เนื่องจากการพัฒนาการทางจิตใจยังคงสามารถดำเนิน ไปเสมอแม้เราจะอายุเพิ่มมากขึ้น อยู่ที่ว่าบางท่านอาจจะช้าเร็วไม่เท่ากัน เราอาจจะเห็นได้ว่าบางคนอายุมากแล้วแต่การแสดงอารมณ์ยังดูเหมือนเด็กๆ แต่บางคนก็ดูโตกว่าวัยขึ้นอยู่กับการเรียนรู้และฝึกตนเอง ก่อนฝึกฝนพัฒนา อีคิว ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า อารมณ์นั้นเป็นปฏิกิริยาตอบสนองทางด้านจิตใจ เมื่อมีสิ่งกระตุ้นเกิดขึ้น การแสดงออก
ด้านอารมณ์ของมนุษย์ทั่วๆโลก คล้ายๆกัน ไม่ว่าจะเสียใจ ดีใจ กังวล โกรธ จึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่เราจะมีอารมณ์ต่างๆเกิดขึ้น
อีคิว เกิดได้ต้องฝึกฝน สามารถประยุกต์ไปฝึกในชีวิตประจำวันได้ เริ่มต้นของการฝึกฝนพัฒนาอีคิว ต้องฝึก 3 ส่วน คือฝึกความเก่งในเรื่องเข้าใจอารมณ์ความเก่งรับผิดชอบ แก้ปัญหา สร้างแรงจูงใจ และความเก่งในการสร้างความสุข

เก่งเข้าใจอารมณ์
ฝึก ด้วยการรู้และบอกอารมณ์ที่เกิดขึ้น และยอมรับอารมณ์ที่เกิดไม่ว่าเป็นด้านบวกหรือลบ เช่น "วันนี้โดนดุ เซ็งมาก" ไม่เก็บกดการบอกอารมณ์และยอมรับอารมณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้อารมณ์ด้านลบนั้นลด ลงได้เร็ว ปัญหาของคนส่วนใหญ่ คือเก็บกดไม่ยอมรับอารมณ์ที่เกิดขึ้นจนทำให้อารมณ์สะสมมากขึ้นจนสุดท้ายไม่ สามารถควบคุมได้ ระเบิดอารมณ์ออกมา เมื่อฝึกได้แล้วเราจะเกิดความเข้าใจตนเองและผู้อื่น และสามารถจัดการอารมณ์ของตนเองได้เหมาะสมเข้าอกเข้าใจคนอื่นมากขึ้น


ฝึกความเก่งด้านความรับผิดชอบ แก้ปัญหา สร้างแรงจูงใจ
ลองนึกถึงประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมา ท่านประสบความสำเร็จอะไรบ้าง และเราต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้เป้าหมายที่วางไว้สำเร็จลุล่วง และเวลาท้อแท้ มีปัญหา ท่านทำอย่างไรบ้าง คงจำประสบการณ์ได้ว่า ท่านทำอย่างไรบ้างกว่าจะเรียนจบ รับปริญญาได้


เมื่อก้าวสู่ ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ก็ไม่ต่างกัน
คนที่สร้างเป้า หมายให้ตนเองก็จะมีแรงจูงใจในการที่จะทำงาน ทำสิ่งต่างๆได้ แต่มักมีปัญหาว่า ทำไปแล้วแรงจูงใจตก หมดพลังมำงานหรือใช้ชีวิตไปวันๆ อยากจะลาออกแต่ออกไม่ได้ มีคนให้กำลังใจแล้วสักพักกลับรู้สึกแย่เหมือนเดิม สาเหตุส่วนหนึ่งมักมาจากเราเผลอไปสร้างแรงจูงใจจากสิ่งภายนอก ซึ่งก็ไม่ได้ผิดเพียงแต่สิ่งต่างๆภายนอกนั้นเป็นเรื่องที่เรามักควบคุมได้ ยาก เปลี่ยนแปลงได้ยาก เราจึงมีโอกาสผิดหวังสูง ถ้าเปลี่ยนไปได้ก็ถือว่าดีไป บางคนอยากจะมีเงิน แต่เรามักจะไปแก้เรื่องที่ภายนอก เช่น บริษัทน่าจะขึ้นเงินเดือน ให้โบนัสมากๆ ให้สวัสดิการต่างๆเพิ่มขึ้น (ถ้าได้ก็ถือเป็นเรื่องดี)แต่หากเราเริ่มที่บริหารจัดการที่ตัวเราเอง โอกาสสำเร็จจะมีมากกว่า ชีวิตไม่วุ่นวายที่จะต้องไปแก้สิ่งต่างๆภายนอก เช่น เราอยากมีเงินเก็บ เราก็ใช้จ่ายน้อยลง เก็บออมมากขึ้นมาทำงานเร็วขึ้นเพื่อไม่ให้ถูกหักเงินเดือน หรือบางท่านอยากหุ่นดี ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ต้องพึ่งยาลดน้ำหนัก เป็นต้น


ฝึกสร้างแรงจูงใจ โดยการตั้งเป้าหมาย
ฝึกให้กำลังใจตนเอง ลองเขียนบันทึกว่าเราอยากเห็นตนเองเป็นอย่างไรในอนาคต ทำให้เราเห็นภาพตนเองชัดเจนในอนาคตเมื่อเรามีเป้าหมายแล้วเราจะมีความกระตือ รือร้น มีความฝัน ความหวังในชีวิต หากตั้งแล้วรู้สึกท้อแท้ ท่านอาจต้องกลับไปดูใหม่ว่า ท่านเผลอไปแก้เรื่องภายนอกหรือคาดหวังสูงเกินไปหรือไม่ การมีเป้าหมายก็เหมือนกับการเดินทางที่มีแผนที่ หลงทางไปบ้างแต่ยังไปถึงจุดมุ่งหมายได้ สุดท้ายอย่าลืมให้กำลังใจตนเองอย่างต่อเนื่องเพื่อให้กำลังใจไม่ขาดตอน


สุด ท้ายฝึกเรื่องสร้างความสุข

บางท่านบอกข้อนี้ถนัด ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะหลายท่าน ดีกับคนอื่น ให้กำลังใจชาวบ้านได้เก่ง รับผิดชอบ ทำงานดี หัวหน้าชื่นชมแต่ไม่มีความสุข อันนี้ยังไม่ถือว่าอีคิวดีนัก สุขที่แท้จริงนั้นสำคัญที่สุดคือ ความสุขที่เกิดจากตนเอง ได้แก่ ความภาคภูมิใจในตนเอง ความสงบสุขทางจิตใจ

+++ Hamster +++

+++ Playlist +++


MusicPlaylistRingtones
Create a playlist at MixPod.com

+++ coming soon +++