วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ASUS Eee Pad EP101TC เปลี่ยนใจใช้หุ่นกระป๋อง (น้อง Android)

เป็นข่าวดีที่หลายๆ คนคงดีใจ เมื่อทาง ASUS ตกลงจะให้ EP101TC ควงคู่มากับหุ่นกระป๋อง Android แทนจะเป็นปู่แก่อย่าง Windows CE ASUS และผู้ผลิต Tablet ทั้งหลายจะหันเข้าหาระบบปฏิบัติการของ Google ในตอนนี้

 ASUS Eee Pad EP101TC  เปลี่ยนใจใช้หุ่นกระป๋อง (น้อง Android)

เพระายังไม่มีข้อมูลของ Android 3.0 หรือ Gingerbread แต่คาดว่าน่าจะมีความชัดเจนในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของฝรั่ง ทาง ASUS เองวางแผนที่จะรอ 3.0 ตั้งตัวก่อนและค่อยปล่อยออกมาในไตรมาสแรกของปีหน้า ถ้าเกิดรอปีหน้าไม่ไหว ก็รอไปทดสอบของใหม่ก่อนช่วงปลายปีกันได้

ที่มา : netbooknews.com

เมนูห้ามรับประทานขณะท้องว่าง !!



ก่อนที่จะรับประทาน ควรเลือกชนิดของอาหารเสียก่อนนะคะ เพราะบางทีอาหารที่เราทานลงไปทั้งๆ ที่มีประโยชน์แต่ไม่ถูกเวลา ก็อาจส่งผลเสียบางอย่างที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ค่ะ ไปดูกันว่าอาหารที่ไม่ควรรับประทานขณะท้องว่างมีชนิดใดบ้าง

นม และนมถั่วเหลือง
แม้ว่านมถั่วเหลืองจะอุดมไปด้วยโปรตีน แต่จะเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อกระเพาะอาหารมีสาร
ประเภทแป้งอยู่

เหล้า
หาก ดื่มเหล้าในขณะท้องว่าง จะไปกระตุ้นเยื่อบุกระเพาะอาหาร ทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ
และเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้

น้ำตาล หรืออาหารหวาน
ไม่ควรรับประทานอาหารหวานหรือน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม ลูกอม ช็อกโกแลต เพราะหากรับประทานขณะ
ท้องว่างจะทำให้โปรตีน รวมตัวกับน้ำตาลส่งผลต่อการดูดซึมโปรตีนทุกชนิดและลดสมรรถภาพการทำงานของ ระบบหมุนเวียนเลือดและไต

ชาที่แก่เกินไป
ชาทำ ให้กรดเกลือในน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจาง ส่งผลให้การทำงานของระบบย่อยอาหารลดลง
และเกิดอาการใจสั่น เวียนศีรษะมือเท้าไม่มีแรง จิตใจไม่สงบ

ลูกพลับ
ไม่ ควรรับประทานลูกพลับในขณะที่ท้องว่าง เพราะกระเพาะอาหารจะหลั่งกรดเกลือออกมามาก หากไป
รวมตัวกับยาง และสารแขวนลอยในลูกพลับแล้ว จะทำให้เจ็บหน้าอก คลื่นไส้และเป็นแผลในกระเพาะอาหาร

กล้วย
เพราะ กล้วยอุดมไปด้วยธาตุแมกนีเซียม การรับประทานกล้วยขณะท้องว่าง จะทำให้ปริมาณธาตุ
แมกนีเซียมในเลือดสูงขึ้น ทำให้สูญเสียสัดส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียมไปเป็นการยับยั้งการทำงานของ หลอดเลือด
หัวใจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง

กระเทียม
เพราะ จะทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารได้รับการกระตุ้น เกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบอย่างรุนแรง

ผัก
การ รับประทานผักอย่างเดียวขณะท้องว่าง จะทำให้กระเพาะอาหารเกิดอาการผิดปกติ

นอก จากนั้นยังไม่ควรอาบน้ำและออกกำลังกายด้วยเช่นกัน เพราะการอาบน้ำและการออกกำลังกายใน
ขณะที่ท้องว่าง จะทำให้เกิดอาการช็อกเนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำได้ง่าย อย่าลืมสิ่งใดที่มีคุณอนันต์ก็
อาจมีโทษมหันต์เช่นกัน ถ้าคุณปฏิบัติอย่างผิดวิธี

ห่างออกมาหนึ่งก้าว รักเราเท่าเดิม

ในความเป็นไปของชีวิต
คนหลายคนยอมที่จะอยู่เป็นโสด
เพียงเพื่อจะ ได้ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงในกรอบของตัวเองอย่างที่ไม่มีใครมาทัดทานได้
เขา เหล่านั้นมักคิดว่า เมื่อความรักเริ่มต้น ชีวิตผจญภัยก็พังทลาย
เมื่อรับ ใครอีกคนเข้ามาในชีวิต โลกส่วนตัวของพวกเขาก็จะล่มสลาย
ความรักกลืนกิน โลกใบเดิมของเราไปจริงหรือเปล่า?
ความใกล้ชิดจะทำให้เราสูญเสียจุดยืนที่ แท้จริงอย่างนั้นใช่ไหม?

แต่ฉันไม่คิดอย่างนั้น... คนเราทุกคนมีโลกกลมๆ คนละใบ
กว้างบ้าง เล็กบ้างตามความพอใจ
ในโลกกลมๆ ใบนั้นเราต่างบรรจุวิถีชีวิต ความรัก ความคิด
ความเป็นตัวเองไว้อย่างเต็มเปี่ยม และเมื่อความรักปรากฏตัว
โลก กลมๆ ของคนอีกคนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
แต่ใช่ว่าเราจะต้องกระโดดออกจากโลก ของเราไปอยู่ในโลกของเขาเสียเมื่อไหร่
แล้วไม่มีความจำเป็นใดที่เขาจะ ต้องกระโดดออกจากโลกของเขามาอยู่ในโลกของเราด้วย

วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้คนสองคนมีโลกใบเดียวกัน
โดยไม่ละทิ้งโลกส่วนตัว ใบเดิมก็คือ "การยูเนี่ยน" (UNION) โลกสองใบเข้าไว้ด้วยกัน
มันเป็นวิธี ง่ายๆ ตามหลักคณิตศาสตร์ที่เราเคยเรียนรู้กัน เมื่อวงกลมสองวงคล้องเกี่ยวกันไว้
ส่วนที่อยู่ในเนื้อที่ของกันและกัน นั้น เราเรียกว่า"อินเตอร์เซ็คชั่น" (INTERSECTION)
ซึ่งข้อดีของมันก็ คือ ช่วยให้วงกลมสองวงที่ไม่คุ้นเคยกันมาก่อน ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ได้ แชร์ชีวิตร่วมกัน และมีโลกใบเดียวกัน ในขณะที่ส่วนอื่นๆ
ที่ไม่ได้ถูก อินเตอร์เซคชั่นนั้น ก็ยังมีชีวิตของมันต่อไป
และมันก็ยังเป็นโลกใบเดิม ที่บรรจุความเป็นตัวของตัวเองไว้อย่างครบถ้วน

เหมือนความรัก.... โลกที่คนสองคนเกี่ยวคล้องกันไว้นั่นแหละ
คือโลกที่ ความรักสร้างขึ้น คือโลกที่คนสองคนจะโอบกอดกันได้ทุกเวลา
และแชร์ ทุกอย่างร่วมกัน ตั้งแต่กินข้าวด้วยกัน ดูหนังด้วยกัน
ฟังเพลงด้วยกัน ห่มผ้าผืนเดียวกัน.. มันเป็นโลกที่แสนอบอุ่นสำหรับคนเหงา
แต่ถ้ารู้สึก ว่าอยากกลับไปเยี่ยมเยือนโลกใบเดิมของตัวเองสักหน่อย
ก็แค่กระโดดออกจาก ส่วนที่อินเตอร์เซคชั่นไว้
ห่างออกมาสักหนึ่งก้าว...วิถีชีวิตอิสระของ นักผจญภัยก็จะเดินหน้า
ในขณะที่โลกสองใบก็ไม่ได้แยกจากกันไปไหน
เพราะ มันเกี่ยวคล้องกันไว้อย่างแน่นหนา

เพราะฉะนั้นฉันจึงเชื่อว่าความรักกลืนกินโลกของใครไม่ได้หรอก
นอกเสีย จากว่าคนสองคนเต็มใจที่จะเคลื่อนวงกลมเข้าใกล้กันเองจนซ้อนกันมากขึ้นๆ
และ กลายเป็นวงกลมเดียวกันในที่สุดที่ใช้ชีวิตในวงกลมเดียวกันอย่างที่ไม่เคย รู้สึกว่าความรัก
จะลดน้อยลงไปได้เลย........

เลือกเข็มขัดให้เหมาะกับชุดเก่ง


The Right Belt for The Right Dress

ไม่ใช่เข็มขัดเส้นเดียวจะแมตช์ได้กับเสื้อผ้าทุกชุดจริงๆ แล้วการเลือกเข็มขัดให้เหมาะกับชุด ก็สามารถช่วยสร้างลุคที่ดูมีสเน่ห์ให้คุณได้ แถมยังเน้นช่วงสรีระของคุณให้ดูสะโอดสะองยิ่งขึ้นด้วย

1. เข็มขัด 3 เส้น เหมาะกับเดรสสไตล์แกลดิเอเตอร์อาจจะ เป็นไหล่เดี่ยว หรือแขนกุดก็ได้ที่สำคัญต้องเลือกเป็นมินิเดรสจะทำให้คุณดูน่ารักสดใสกว่า เคย

2. เข็มขัดเส้นหนา เลือกเป็นชุดเดรสยุค 50s ที่เสริมโครงตรงช่วงอกคล้ายๆคลอเซ็ตสำหรับผู้หญิงอาจเป็นลายจุด หรือลายเรขาคณิตดูวินเทจเล็กๆ

3. เข็มขัดสานเส้นเล็ก สำหรับเดรสสายเดี่ยวแต่งระบายที่ชุดและที่สายเสื้อเน้นโทนสีสดใสอย่างสี เหลือง หรือทองเพื่อให้เหมาะกับเข็มขัดเส้นเล็กสีธรรมชาติ และไม่ทำให้จีบหรือระบายดูหนาเกินไป

9 วิธีพิชิตตำแหน่ง เพื่อนซี้

เพื่อน




1...อย่าลืมวันเกิดเพื่อนซี้เด็ดขาด (ถ้าไม่ซี้ลืมได้)

ทำ อย่างไรก็ได้เพื่อกันลืม เช่น วงกลมวันเกิดเพื่อนในปฏิทินเขียนติดไว้หน้ากระจก หรือใช้วิธีไฮเทคด้วยการบันทึกไว้ในมือถือ เมื่อถึงวันเกิดเพื่อน เจ้ามือถือก็จะส่งเสียงเตือนให้คุณรู้เอง

2...ซื่อสัตย์ต่อมิตรภาพ

อย่าทิ้ง เพื่อนสุดซี้ของคุณให้เดียวดาย แม้ว่าคุณอยากมีเพื่อนใหม่ที่เลิศเลอแค่ไหน เพราะคุณจะรู้ได้อย่างไรว่า เพื่อนใหม่จะนิสัยดีเหมือนเพื่อนซี้หน้าเดิม

หากอยาก มีเพื่อนใหม่หรืออยากเข้ากลุ่มใหม่ ก็ดึงเพื่อนของคุณไปด้วยสิ

3...อย่านินทาเพื่อนทั้งต่อ หน้าและลับหลัง

เพราะการกระทำแบบนี้ไม่เจ๋งสักนิด และคุณเองนั่นแหละที่อาจโดนขับออกจากกลุ่ม

4...หากเพื่อนกำลังเศร้าพยายามทำให้เธอยิ้มได้

เช่น ปลอบใจ หรือจะกอดก็ไม่ว่าเพราะการสัมผัสทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นได้ ถ้ายังไม่ได้ผล คิดดูซิว่ากิจกรรมที่เพื่อนคุณชอบคืออะไร แล้วชวนไปทำด้วยกัน

5...คงไม่มีใครชอบทะเลาะกับเพื่อน

แต่ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ คุณเองควรเป็นฝ่ายยุติเรื่องราว ให้เหตุผลที่ดีกับเพื่อนว่า คุณต้องการอะไรและถามด้วยว่าเพื่อน ไม่เข้าใจคุณตรงจุดไหนจะได้หาวิธีประนีประนอม

6...คุณต้องพร้อมให้การแนะนำอย่างตรงไปตรงมา

แต่ ใช้คำพูดที่ไม่หักหาญน้ำใจ หากเพื่อนคุณใส่เสื้อเขียวตัวพอง กางเกนขาบานสีแดง ซึ่งดูเหมือนเพิ่งหลุดออกมาจากเล้าไก่

คุณคงไม่ บอกเธอไปตรงๆแบบนั้น อาจบอกเธอว่าเธอใส่เสื้อยืด กางเกนขายีนดูดีกว่าเยอะเลย

7...เชื่อ ใจเพื่อนซี้แสนดีของคุณเถอะ

ถ้าคุณไว้ใจถึงขั้นบอกความ ลับของคุณกับเพื่อนแล้ว แน่ใจได้ว่าเขาหรือเธอจะเชื่อใจและพูดกับคุณได้ทุกเรื่องเช่นกัน

8... ถ้าเพื่อนคิดว่ากำลังเล่าเรื่องตลกอยู่

ถึงแม้มันจะแป้กที่ สุดเท่าที่คุณเคยได้ยินมา แต่คุณก็ควรจะขำเพื่อรักษาน้ำใจ เถอะน่า! เพราะอย่างน้อยเพื่อนคุณก็ได้พยายามแล้วนะ

9...เรื่องบางเรื่องที่เพื่อนเล่าให้ฟัง แล้วเป็นความลับ

ถ้าไม่ลองก้าวขา...ก็ไม่รู้ว่าตัวเอง วิ่งได้




บาง ครั้ง?.
คนเราก็ต้องการที่สงบๆ เพื่อคุยกับตัวเอง
และบางครั้ง?เราก็ ต้องลองอยู่กับตัวเองนิ่งๆ
เพื่อการเรียนรู้ที่จะค้นพบตัวตนบางอย่างของ เรา


แต่ในบางเวลา?
การเคลื่อนไหว?ก็ไม่ได้หมายถึงว่า?ใจไม่ นิ่ง
ตราบใดที่ใจยังอยู่กับตัว และเรายังสามารถควบคุมตัวเองได้
การ ก้าวเท้าออกไปนอกบ้าน?
ก็อาจจะเปิดมุมมองใหม่เข้ามาในใจ
และขุดตัวตน บางอย่างที่ฝังอยู่ลึกๆ ในตัวเราออกมาให้เห็น


ถ้าไม่ออกไปเห็นโลกบ้าง
ถ้าไม่ลองมองดูใครบ้าง
ก็ ไม่มีวันรู้ความคิดของตัวเอง?


การได้ พบเจอผู้คนตามสถานที่ต่างๆ
จึงมิใช่แค่การเรียนรู้ความเป็นไปของสังคม เท่านั้น
แต่กลับเป็นการเรียนรู้ตัวเอง?
จากการนำตัวเองไปปะทะกับโลก ภายนอก
เราจะปกป้องตัวเองอย่างไร?
เราจะปฏิบัติกับโลกภายนอกอย่างไร
เรา จะเอาตัวรอดได้ไหม


ถ้าไม่ลองก้าวขา?ก็ไม่รู้ว่า ตัวเองวิ่งได้
นั่นคงเป็นสัญญาณที่บอกให้ เรารู้ว่า...
นอกจากเราจะสามารถค้นหาตัวเองจากความสงบแล้ว
เรายัง สามารถค้นพบตัวเองจากความวุ่นวายได้ด้วย...



ขอบคุณที่มา : Life On The Road

4 เทรนด์อุตสาหกรรมโทรคมนาคมในทศวรรษหน้า





ภายใต้อิทธิพล ของคำว่า "นวัตกรรม" ประตูบานใหม่ๆ ทางสังคมและเศรษฐกิจกำลังเปิด ด้วยกระแสความเฟื่องฟูของสังคมออนไลน์และความล้ำหน้าด้านเทคโนโลยี

กระแส ความเฟื่องฟูของเครือข่ายสังคมออนไลน์ และความล้ำหน้าด้านเทคโนโลยี ที่เข้ามามีบทบาทในการ "ผนึก" โลกเสมือนและโลกจริงเข้าด้วยกัน เมื่อมาผนวกกับการกระจายตัวของการใช้งานคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) ที่ลดช่องว่างในการเข้าถึงลงไปได้เรื่อยๆ กำลังเปิดประตูบานใหม่ๆ ทางสังคมและเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ๆ ที่ก่อกำเนิดภายใต้อิทธิพลของคำว่า "นวัตกรรม"

ล่าสุด นิตยสาร "หัวเว่ย คอมมูนิเคท" ได้คาดการณ์ถึงเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมทศวรรษหน้าไว้ ครอบคลุม 4 ด้านหลัก

1. เชื่อมต่อทุกสิ่งผ่านเน็ต
หนึ่งในแนวโน้มที่ยักษ์สื่อสารระดับโลกคาดว่าจะเกิดขึ้นแน่นอน ก็คือ Internet of Things ซึ่งจะเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ และขยายฐานผู้ใช้บริการ
เนื่องจากการพัฒนาของเทคโนโลยีการสื่อสารเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมถึงอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือ (โมบาย บรอดแบนด์) ทำให้เกิด "global village" ขึ้น ซึ่งเปรียบเสมือนการย่อส่วนโลก ให้เหลือเป็นเพียงหมู่บ้านหนึ่งหมู่บ้าน ที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ทุกส่วนในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็ยังไม่สามารถลบล้างปัญหาต่างๆ ในด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม สุขภาพ และด้านอื่นๆ อีกมากมาย
ปัญหาต่างๆ ดังกล่าว ได้นำไปสู่จุดกำเนิดของแนวความคิดที่เรียกว่า "Internet of Things" หรือการเชื่อมต่อทุกสิ่งเข้ากับอินเทอร์เน็ต และนำเทคโนโลยีด้านการสื่อสารมาประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานต่างๆ ลดการใช้พลังงาน ปกป้องธรรมชาติ และลดต้นทุน กล่าวได้ว่า Internet of Things สามารถนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่สังคม เป็นการยกระดับจากสังคมออนไลน์ หรือที่เรียกกันว่า E-society ให้กลายเป็นสังคมที่สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ทุกหนทุกแห่งอย่างแท้จริง หรือ U Society (Ubiquitous society)
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันไว้ว่า จะมีการติดต่อสื่อสารระหว่างระบบคอมพิวเตอร์มากกว่าการสื่อสารระหว่างมนุษย์ ด้วยกันถึง 30 เท่า ภายในปี 2563 ดังนั้น ผู้ให้บริการจึงสามารถเปลี่ยนแนวความคิดในการทำตลาด และขยายฐานลูกค้าของตัวเองจาก 6 พันล้านคน ให้ครอบคลุมคอมพิวเตอร์นับล้านล้านเครื่องได้ ดังนั้น Internet of Things จึงเปิดโอกาสใหม่ให้กับผู้ให้บริการ และช่วยขยายฐานผู้ใช้บริการ ทำให้เกิดกลุ่มผู้ใช้บริการใหม่ๆ ขึ้นอย่างมากมาย


2. โมบาย บรอดแบนด์

ขณะที่ในส่วนของโมบาย บรอดแบนด์ ก็ถูกจับตามองว่า จะมีบทบาทสร้างพลังขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมแบบก้าวกระโดด เพราะถึงแม้การพัฒนาเทคโนโลยีโมบาย บรอดแบนด์ จะเริ่มเข้าสู่ยุคทองแล้ว แต่ที่ผ่านมา ยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากข้อจำกัดในทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรม นับตั้งแต่อุปกรณ์ปลายทาง และเครือข่ายไปจนถึงการบริการ
"ถึงแม้เทคโนโลยีการสื่อสารใหม่ๆ อาทิเช่น HSPA หรือ LTE จะสามารถช่วยลดต้นทุนในการพัฒนาโมบาย บรอดแบนด์ได้ แต่ยังมีอุปสรรคที่ผู้ให้บริการจะต้องเผชิญในอนาคตอีกมาก โดยเฉพาะความต้องการการใช้งานที่จะเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัว"
ดังนั้น ถ้าผู้ให้บริการต้องการที่จะเติบโตอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องมุ่งพัฒนาบริการโมบาย บรอดแบนด์ มากกว่าจะพัฒนาบริการด้านเสียงเพียงอย่างเดียว


3. การสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ
นอกจากนี้ กระแสความนิยมของบรอดแบนด์ยังเป็นพื้นฐานของเทคโนโลยี ทำให้รูปแบบธุรกิจเปลี่ยนไปจาก "การขายผลิตภัณฑ์" เป็น "การขายบริการ" แทน
การเปลี่ยนแปลงนี้เองส่งผลกระทบต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ ที่ขายซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ในขณะที่ผู้ให้บริการเองจะสามารถเปลี่ยนเครือข่ายที่ปลอดภัยและมั่นคงให้ กลายเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันได้ และนำไปสู่การสร้างรูปแบบการให้บริการใหม่ๆ ขึ้น จนเกิดเป็นฐานรายได้ใหม่ในที่สุด



4. โฮมเน็ตเวิร์คปฏิวัติประสบการณ์

แนวโน้มสุดท้ายที่มีการคาดการณ์ไว้ ก็คือ "โฮม เน็ตเวิร์ค" ในแง่ที่จะเข้ามาปฏิวัติประสบการณ์การใช้งานพร้อมช่วยเปิดตลาดใหม่
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของอัตราการใช้บรอดแบนด์ จะนำไปสู่การปฏิวัติประสบการณ์การใช้งานของผู้บริโภคในรูปของเครือข่ายโฮม เน็ตเวิร์ค หรือเครือข่ายภายในบ้าน โดยหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดจะเกิดขึ้นกับธุรกิจโทรทัศน์ ผู้บริโภคจะสามารถเลือกชมรายการได้เองตามที่ตัวเองต้องการ ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานีโทรทัศน์และตลาดโฮมวีดิโออย่างแน่นอน
"สตีฟ บอลเมอร์" ซีอีโอ บริษัท ไมโครซอฟท์ กล่าวไว้ว่า ในอดีตได้เห็นการคอนเวอร์เจนซ์ของโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตมาแล้ว แต่ในทศวรรษหน้าจะเห็นการหลอมรวมของบรอดคาสต์ ทีวี และอินเทอร์เน็ต
แนวโน้มเด่นๆ ข้างต้นจะทำให้ผู้ให้บริการสามารถก้าวข้ามผ่านกำแพงธุรกิจต่างๆ และยกระดับอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ขณะเดียวกัน การใช้งานเครือข่ายเคลื่อนที่จะเพิ่มสูงขึ้นนับพันเท่า และนำมาซึ่งความท้าทายในด้านแบนด์วิธและต้นทุน ดังนั้น ผู้ให้บริการจึงจำเป็นต้องรู้ถึงแนวโน้มเหล่านี้ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือและคว้าโอกาสต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในทศวรรษหน้า




ข้อมูล จาก สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.)
ที่มา วิชาการ.คอม

จัดสังฆทานอย่างไรให้ได้ประโยชน์





สังฆทานคืออะไร

พจนานุกรมเพื่อการศึกษา พุทธศาสน์ ชุดคำวัด โดย พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ. 9 ราชบัณฑิต) วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ ให้ความหมาย “สังฆทาน” ไว้ดังนี้

“สังฆทาน” คือ ทานที่ตั้งใจถวายแก่สงฆ์หรือผู้แทนของสงฆ์ ไม่จำเพาะเจาะจงรูปใดรูปหนึ่ง หากถวายโดยเจาะจง เรียกว่า ‘บุคลิกทาน’ ดังนั้น สังฆทานมีอานิสงส์มากกว่าบุคลิกทาน เพราะผู้ถวายมีจิตใจที่กว้างขวาง ไม่เจาะจงว่าจะเป็นภิกษุรูปใด เป็นการแสดงถึงความตั้งใจจะถวายด้วยศรัทธาอันเป็นสาธารณะ

ดังนั้น การทำบุญเลี้ยงพระในงานต่างๆ การไปทำบุญตักบาตรที่วัด การใส่บาตรพระที่เดินบิณฑบาต หากไม่จำเพาะเจาะจงพระรูปใดรูปหนึ่ง นับเป็นสังฆทานทั้งสิ้น

มีทานอีกรูปแบบหนึ่งที่คล้ายๆ สังฆทาน เป็นทานที่มีอาณาเขตกว้างขวางกว่าคือ ทานที่ให้แก่หมู่พวกที่ไม่เฉพาะกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งเรียก สาธารณทาน เป็นทานที่ไม่จำกัดเฉพาะในรั้ววัด เป็นการให้ที่ไม่มีขอบเขต สังฆทานเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณทานเช่นนั้น



จัดสังฆทานให้ได้ประโยชน์

เดี๋ยวนี้ เวลาพูดถึง “สังฆทาน” พวกเราจะนึกถึงถังสีเหลืองๆ ภายในบรรจุข้าวของเครื่องใช้เยอะแยะมากมาย จนล้นออกมาปากถัง แล้วมีพลาสติกใสหุ้มทับอีกที

แท้จริงแล้วของที่จะถวายหมู่พระสงฆ์ โดยไม่เจาะจงที่เรียกว่า สังฆทาน นั้น คืออะไรก็ได้ที่เหมาะกับชีวิตสมณะ ไม่จำเป็นต้องเป็นถังเหลืองๆ ที่วางขายตามหน้าร้านสังฆภัณฑ์เสมอไป

ข้าว ของเครื่องใช้ที่บรรจุมักเป็นของที่พระภิกษุเก็บไว้ใช้ในช่วงวันเข้าพรรษา (ประมาณ 3 เดือน) ส่วนมากก็จะเป็นของที่ใช้ดำรงชีวิตทั่วไปเหมือนเราๆ ท่านๆ นี่แหละ เช่น ผงซักฟอก, ยาสีฟัน, แปรงสีฟัน, สบู่, ยาสระผม เป็นต้น จะมีเพิ่มมาหน่อยก็จะเป็นผ้าอาบน้ำฝน สบงจีวรเครื่องนุ่งห่ม ที่พระภิกษุจะต้องมีไว้ใช้

ถ้าเราไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรไปถวายพระสงฆ์ ดี เพราะฉะนั้นจึงต้องอาศัยเครื่องสังฆทานที่มีจำหน่ายตามร้านบรรจุให้สำเร็จ รูป อีกทั้งการบรรจุกระป๋องก็ทำมาให้เรียบร้อยสวยงาม ซื้อปุ๊บก็ถือไปถวายปั๊บ เข้ากับยุคสมัยพอดี ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อหามาประกอบให้ลำบาก

ถึง เวลาที่ต้องมาทบทวนการทำสังฆทานกันเสียที สังฆทานที่ดีไม่จำเป็นต้องมีของถวายมากมาย ขอเพียงเป็นของที่จำเป็นและมีคุณภาพดีเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว และการเลือกซื้อของมาประกอบเป็นสังฆทานเอง จะได้ของดีมีคุณภาพกว่าการไปซื้อ “ถังเหลืองๆ” ตามร้านสังฆภัณฑ์ทั่วไป หากผ้าอาบน้ำฝนราคาผืนละ 60-80 บาท ราคาถังสังฆทานก็จะประมาณ 200-600 บาท แล้วแต่ของข้างในและขนาดถัง

“ถังเหลืองๆ” ที่มีวางขายตามร้านสังฆภัณฑ์นั้น บางร้านจะยัดหนังสือพิมพ์หรือกระดาษแข็งเข้าไว้เต็มกระป๋อง ส่วนที่เป็นสังฆทานหรือข้าวของเครื่องใช้จริงๆ จะถูกบรรจุไว้แถวขอบปากถัง เพื่อให้ดูว่ามีของใช้มากมายจนล้นปากถัง แล้วเอาพลาสติกใสหุ้มอีกทีเพื่อไม่ให้ของล้นจนหก แท้จริงแล้วมีของใช้ไม่กี่อย่างเท่านั้นเอง





ข้าวของเครื่อง ใช้ที่ซื้อหามาจัดเป็นสังฆทานได้

- สบู่ จัดเป็นเครื่องประทินผิว แต่พระก็ใช้ได้เพื่อทำความสะอาดและระงับกลิ่นกาย

- ยาสีฟัน ชนิดผงหรือแบบหลอดก็ได้ ยาสีฟันสมุนไพรก็น่าสนใจ

- แปรงสีฟัน เลือกที่เป็นชนิดขนแปรงอ่อนๆ จะได้สบายเหงือก

- ยาสระผม เอาไว้ใช้เวลาโกนศีรษะจะได้โกนได้ง่ายขึ้น

- ใบมีดโกน เป็นของจำเป็นมาก เพื่อใช้โกนศีรษะ

- ผงซักฟอก ใช้ซักจีวรเพื่อความสะอาด

- เครื่องดื่มสมุนไพรพร้อมชง จำพวกขิงผง ชารางจืด มะตูม, นม UHT, น้ำผัก-น้ำผลไม้ 100 % , เครื่องดื่มผสมธัญพืช หรือจะเป็นเครื่องดื่มรสช็อกโกแลต ไมโลหรือโอวัลตินพร้อมดื่มก็ได้ ที่สำคัญอย่าลืมดูวันหมดอายุก่อนซื้อด้วย

- ผ้าอาบน้ำฝน เลือกที่เนื้อหนาๆ หรืออาจเลือกซื้อเป็นสบง (ผ้านุ่ง) หรือจะเป็นอังสะก็ได้ เพราะพระท่านมักจะมีผ้าอาบน้ำฝนอยู่มากแล้ว จะขาดแคลนก็คือสบงและอังสะ ถ้าถวายให้สามเณรก็จัดเหมือนพระเช่นกัน

- ถวายสังฆทานแม่ชี ก็เปลี่ยนจากผ้าเหลืองเป็นชุดแม่ชี ซึ่งหาซื้อได้จากวัดบวรนิเวศวิหาร, สถาบันแม่ชีไทย หรือร้านสังฆภัณฑ์ทั่วไป หากหาซื้อไม่ได้ก็เปลี่ยนเป็นผ้าขาวเนื้อดีตามร้านขนาด 2-4 เมตรแทน จากนั้นแม่ชีท่านจะนำไปตัดเย็บเป็นเสื้อ ผ้าถุง ผ้าครอง ตามสมควร

- ซีดีธรรมะ หนังสือธรรมะ หนังสือเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม หนังสือเกี่ยวกับสุขภาพ หรือหนังสือความรู้ต่างๆ ที่คิดว่าพระสงฆ์ควรรับรู้เพื่อนำไปบอกกล่าวแก่ญาติโยมได้

- ยาสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งยาแผนปัจจุบัน เช่น พาราเซตามอล ยาแก้ปวดท้อง ท้องเสีย ยาลดกรด ในกระเพาะอาหาร แอลกอฮอล์ล้างแผล เบตาดีนสำหรับใส่แผลสด ยาบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และยาทาเมื่อถูกแมลงสัตว์กัดต่อย ฯลฯ

- เครื่องเขียน สมุด ปากกา ดินสอ รวมทั้ง ซองจดหมาย แสตมป์

- ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย ซึ่งวัดตามชนบทและวัดป่าสิ่งนี้ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นมาก

- จาน ชาม ช้อน ส้อม อาจสอบถามดูว่าวัดนั้นๆ ต้องการจำนวนมากหรือไม่ จะได้จัดเป็นชุดใหญ่ถวายเป็นของสงฆ์ เพื่อให้ชาวบ้านหยิบยืมได้ด้วยในงานบุญประเพณีต่างๆ รวมทั้งเครื่องมืองานช่าง เช่น ค้อน ตะปู ไขควง หรืองานเกษตร เช่น จอบ เสียม พลั่ว และอุปกรณ์งานทำความสะอาด เช่น ไม้กวาดอ่อน ไม้กวาดแข็ง ถังขยะ ที่ตักผง ฯลฯ

- ร่ม สำหรับให้พระท่านได้ใช้ในช่วงฤดูฝน ควรหาซื้อสีที่เหมาะสม เช่น สีดำหรือสีน้ำตาล

- บาตร ควรหาซื้อบาตรที่มีความหนาพอสมควร เวลาที่ญาติโยมใส่ข้าวสุกร้อนๆ ลงไป มือท่านจะได้ไม่พอง ที่สำคัญไม่ควรมีน้ำหนักมาก เพราะท่านต้องใช้เดินบิณฑบาตเป็นระยะทางไกล

- ของอื่นๆ ที่มักนิยมใส่ก็มี กระดาษชำระ ข้าวสาร หัวหอม กระเทียม น้ำมันพืช น้ำตาล เกลือ น้ำปลา ฯลฯ ที่จัดว่าเป็นของแห้งเก็บไว้ได้นาน ของเหล่านี้ถ้าพระท่านใช้ไม่ทัน ท่านก็มักจะเก็บรวบรวมนำไปบริจาคต่างจังหวัดอีกที นับเป็นวงจรบุญไม่มีที่สิ้นสุด

จัดเรียงข้าวของที่ซื้อมาลงในภาชนะ ซักผ้าที่ซื้อมาต่างหาก อาจจะเป็นถังหรือกะละมังก็ได้ แล้วนำไปถวายได้ทันที





ข้าวของบางอย่าง ที่ไม่ควรถวาย

- บุหรี่ กาแฟ สิ่งเสพติด เครื่องดื่มชูกำลังทุกประเภท

- ผลิตภัณฑ์อาหารที่บรรจุด้วยโฟม เพื่อหลีกเลี่ยงมลพิษทางสิ่งแวดล้อม

- อาหารกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง เพราะเป็นอาหารที่มีสารกันบูด สารเคมี ไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพ ใส่เป็นผลไม้สดจะดีกว่า ถ้าในวัดมีครัวอาจซื้อผักสดเข้าครัวก็ได้

- ใบชาคุณภาพต่ำ พระไม่ค่อยได้ชงฉัน ควรเปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มสมุนไพร ให้ประโยชน์กับสุขภาพมากกว่า

- กล่องสบู่ ปกติพระท่านมีอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องซื้อถวายอีก

- บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารบิณฑบาตในตอนเช้าเป็นอาหารสด และมีคุณค่ากว่า ไม่ควรส่งเสริมให้ท่านฉันอาหารที่มีคุณค่าน้อย

- น้ำอัดลมหรือน้ำที่ผ่านการปรุงแต่งกลิ่นและสี เช่น น้ำส้ม น้ำองุ่นที่แต่งกลิ่นและสี






แสงสว่างไสวถึง ชาติหน้า

เทียนและหลอดไฟ เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เป็นของ นิยมในการถวาย เพราะในสมัยก่อนพระสงฆ์ที่อยู่จำพรรษาในวัดต่างจังหวัดต้องใช้เทียนเพื่อ เป็นแสงสว่างในวัด แต่ในปัจจุบันวัดในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้ากันแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าหากเราจะเปลี่ยนมาถวายหลอดไฟนีออนกันบ้าง ราคาเทียนที่ถวายกันก็จะประมาณ 150-1,600 บาท แล้วแต่ว่ามีสลักลายหรือไม่มี ถ้าขนาดเดียวกันก็จะต่างกันประมาณ 100 บาท

ถ้าดูจากความหมายแล้วก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่นัก เพราะนัยว่าจะทำให้ชีวิตของผู้ถวายรุ่งโรจน์สว่างไสวไปถึงภพหน้าชาติหน้า ยิ่งถ้าใครหนทางชีวิตมืดมิด ถือโอกาสดีช่วงเทศกาลเข้าพรรษานี้ถวายเทียนหรือหลอดไฟนีออนกันแก้เคล็ดสัก หน่อย สาธุ !!!

แนะวิธีดูแลสุขภาพในช่วงหน้าฝน

วิธีการดูแลสุขภาพในช่วงหน้าฝนคุณ สามารถทำได้ โดยให้เน้นการออกกำลังอย่างน้อยวันละ 30 นาที และควรเลือกบริโภคผักและผลไม้ที่ให้วิตามินสูง ซึ่งจะช่วยป้องกันไข้หวัดได้ดี


ช่วงนี้เป็นช่วงที่อากาศ มีการเปลี่ยนแปลงเดี๋ยวก็ร้อนมาก เดี๋ยวก็ฝนตก เพราะฉะนั้นควรหันมาดูแลสุขภาพตนเองมากขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับสภาพต่อการเปลี่ยนแปลงของอากาศได้ โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ และเพื่อป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะโรคไข้หวัด เพราะหากป่วยเป็นไข้หวัดและไม่มีการดูแลสุขภาพที่ดี อาจส่งผลให้กลายเป็นโรคหลอดลมอักเสบและโรคปอดบวมได้ในที่สุด และสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ควรต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษมากกว่าคนอื่น และควรที่จะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกาย นอกจากจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง แล้วยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคอีกด้วย

การออกกำลังกายสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การเต้นแอโรบิค การเดินเร็วๆ การวิ่งเหยาะ การขี่จักรยาน หรือการเล่นกีฬาที่มีการเคลื่อนไหวต่อเนื่อง และการออกกำลังกายที่เหมาะสม คือ การออกกำลังกาย สัปดาห์ละ 5 วัน อย่างน้อยวันละ 30 นาที แค่นี้ก็เพียงพอ ที่จะเกิดภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย การเริ่มต้นออกกำลังกาย ควรเริ่มจากเบาๆ ระยะเวลาน้อยๆ ก่อนแล้วค่อยเพิ่มเวลาขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละสัปดาห์เพื่อให้ร่างกายปรับตัว จากนั้นจึงเพิ่มความแรงหรือความหนักและย้ำว่าไม่จำเป็นต้องหนักหรือเหนื่อย มาก การออกกำลังกายมากเกินไปโดยเฉพาะในอากาศที่ร้อนจัด จะทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า โรคฮีทสโตรก (Heat Stroke) ได้ง่าย และเป็นโรคที่อันตรายมาก ผู้ป่วยจะมีอุณหภูมิร่างกายสูงมากเกิน 106 องศาเซลเซียส เหงื่อไม่ออก หมดสติ ไต หัวใจ ตับวาย อาจมีเลือดออกทุกอวัยวะ ถึงแก่ชีวิตได้

นอกจากนี้ระหว่างออกกำลังกาย ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยเฉพาะน้ำที่มีเกลือแร่ด้วย สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงนอกจากการออกกำลังกาย คือ การรับประทานอาหาร ควรเน้นการรับประทานผัก ให้หลากหลายทั้งสดและลวก ต้ม ผัด และรับประทานผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม ฝรั่ง มะเขือเทศ องุ่น สัปปะรด มะละกอ เป็นต้น เพราะจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ดังนั้น หากเราดูแลสุขภาพตนเองได้ตามข้อปฏิบัติดังกล่าว ไม่เพียงแต่จะช่วยให้มีสุขภาพดีในช่วงหน้าฝนเท่านั้น แต่ยังจะส่งผลต่อการมีสุขภาพดีในระยะยาวด้วย

♣ หัวใจมีไว้ รักตัวเอง ♣



อย่างที่เขาว่า . . .
บางครั้งที่ที่ปลอดภัยก็ไม่ปลอดภัย
หัวใจที่อยู่ในที่ของมัน . . .
เคยได้ไออุ่นจากตัวเราเองมานานแสนนาน
ถึงวันหนึ่งก็กลับหนาวเหน็บ และร้อนรุ่มอย่างไม่รู้ตัว
จนยากที่จะคาด เดา
เพียงเพราะคนเพียงหนึ่งคน

การ ที่ได้ใช้หัวใจรักใครสักคนนั้น
ก็เป็นหนึ่งในการเรียนรู้ของบทเรียนชีวิต
ที่ได้เรียนรู้การแบ่งให้ แบ่งรับ
เสมือนดั่งที่เราต้องประพฤติกับคนทุกคน

แต่ น้อยไปนัก . . .
ที่ คนเราจะคอยมาชั่งวัดความรู้สึกนั้น
กับคนที่เราทุ่มเทเสียจนมากมาย
เพราะความรัก ที่มากเกินกว่าเหตุและผลจะเอื้อมถึง
ความเสียใจจึงเป็นผลลัพธ์หนึ่ง ที่แสดงออกมาได้
แล้วเราจะจัดการกับผลลัพธ์ นั้นอย่างไร
ถ้า มันดันสุ่มเลือกโดนเราเข้าอย่างจัง

ฉันรู้แค่ว่า . . .
ควรใช้ส่วนของสมอง ที่ยังเหลือพอที่จะทำเพื่อตัวเอง
ใช้กระบวนการคิดและ ทบทวน
ให้มากกา ว่าใช้อารมณ์ เพื่อกลั่นกรองน้ำตาออกมา
หากแต่ถ้าอยากร้อง ก็ต้องพร้อมที่จะหยุดมันด้วย
หากแต่ถ้าอยากร้อง ก็ต้องพร้อมที่จะลุกขึ้นด้วย
และต้องพร้อมที่จะมองไปในวันข้างหน้า
เพื่อตัวเรา เพื่อปกป้องหัวใจของเรา

ขอบคุณความรักของพ่อกับแม่ที่ปกป้องหัวใจของลูก
ขอบคุณความรักของเธอที่เป็นบทเรียนเล่มหนาในชีวิต
ขอบคุณความักในหัวใจที่ทำให้พยุงตัวเองขึ้นมาได้

+++ Hamster +++

+++ Playlist +++


MusicPlaylistRingtones
Create a playlist at MixPod.com

+++ coming soon +++