1. อย่าเป็นนัก จับผิด
คนที่ คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง 'กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก' คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง จงมองคน-มองโลกในแง่ดี (( แม้ใน สิ่ง ที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข ))
2. อย่า มัวแต่คิดริษยา
'แข่ง กันดี ไม่ดีสักคน - ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน' คนเรา ต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว คือ 'เจ้ากรรมนายเวร' ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น...เราต้องถอดถอนความริษยาออกจากใจ
***เรา ริษยา 1 คน เรา ก็ มี ทุกข์ 1 ก้อน ( หนักเปล่าๆ )*** จงถอดถอนความริษยาออกจากใจโดยใช้วิธี 'แผ่เมตตา' แล้วปล่อยวางไป
3. อย่า เสียเวลากับความหลัง
90% ของ คนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ 'ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น' มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก... เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขา พร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลัง (หนักป่ะล่ะ??) ทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงตัด และปล่อยมันซะ
'อย่า ปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน'
'อยู่ กับปัจจุบันให้เป็น อย่าไปยึดติดกับอดีต แล้วชีวิตจะเป็นสุข'
---จง ให้กายอยู่กับจิต และ ใช้จิตอยู่กับกาย----
4. อย่า พังเพราะไม่รู้จักพอ
'ตัณหา' ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ 'ยิ่งเติม-ยิ่งไม่เต็ม' ทุกอย่าง ต้องดู คุณค่าแท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่าแท้ของนาฬิกา คือไว้ดูเวลา ไม่ใช่มีไว้ เพื่อความโก้หรู คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คือไว้สื่อสาร ไม่ใช่มีไว้เพื่อความโก้หรู ลองถามตัวเราเองซิว่า 'เกิด มาทำไม'
'คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็น มนุษย์อยู่ตรงไหน 'ตามหา - แก่น ' ของชีวิตให้เจอ พยายามวางกิเลส ทั้ง โลภ โกรธ หลง ให้ได้มากที่สุด แล้วชีวิตจะมีความสุขอย่างแน่นอน...
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น