วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553

1 มิถุนายน "วันดื่มนมโลก"


ตั้งแต่เด็กๆ เราคงคุ้นเคยกับประโยคเชิญชวนที่ว่า "ดื่มนมเยอะๆ ตัวจะได้สูงๆ" แต่ในความเป็นจริงแล้ว "นม" ไม่ได้ให้คุณประโยชน์แค่ความสูงสำหรับเด็กๆ เท่านั้น นมยังเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ให้คุณประโยชน์สำหรับทุกเพศทุกวัย คุณค่าของนมมีมากมายและมีความสำคัญสำหรับผู้คนทั่วโลก โดยมีการกำหนดให้เป็นวันสากลของการดื่มนมระดับโลกเลยทีเดียว

องค์การ อาหารแห่งสหประชาชาติ หรือ The Food and Agriculture Organization หรือ FAO กำหนดให้วันที่ 1 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันดื่มนมโลก (World Milk Day) เพื่อให้ประเทศต่างๆ และองค์กรที่ให้ความสำคัญและสนับสนุนการบริโภคนม ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์และกระตุ้นให้เห็นความสำคัญของการบริโภคนม ด้วยการให้ความรู้และคุณประโยชน์ของนมแก่ประชาชน

ปัจจุบันมีมากกว่า 35 ประเทศทั่วโลกที่จัดกิจกรรมวันดื่มนมโลก เช่น จีน อินเดีย เวียดนาม อังกฤษ ออสเตรเลีย สวีเดน เดนมาร์ก เป็นต้น

สำหรับในประเทศไทย กิจกรรม "วันดื่มนมโลก" จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ในปีนี้ โดยบริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ไทย) จำกัด บริษัทผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ในกระบวนการผลิตและบรรจุอาหาร รวมถึงบรรจุภัณฑ์แบบปลอดเชื้อ หรือกล่องยูเอชที ร่วมกับมูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และบริษัทผู้ผลิตนมพร้อมดื่มในประเทศไทย จัดกิจกรรมเผยแพร่เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการบริโภคนม เพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริโภคนมเพื่อช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน

นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรบริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2550 มีการบริโภคนมประมาณ 242,000 ล้านลิตร สำหรับชาติในแถบเอเชีย โดยเฉพาะประเทศอินเดียและจีนมีอัตราการบริโภคนมที่สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยในอินเดียมีอัตราการบริโภคนมในปี 2550 ประมาณ 5 หมื่นล้านลิตร สูงเพิ่มขึ้นจากปี 2549 ประมาณ 1,400 ล้านลิตร ส่วนจีน 17,500 ล้านลิตรเพิ่มขึ้นจากปี 2549 ประมาณ 1,500 ล้านลิตร ในขณะที่ญี่ปุ่นมีอัตราการบริโภคมากกว่า 6,000 ล้านลิตรในปี 2550

สำหรับ ไทย อัตราการบริโภคนมยังค่อนข้างน้อย โดยรวมเพียง 1,600 ล้านลิตร แบ่งเป็นการบริโภคนมยูเอชทีเฉลี่ย 10 ลิตรต่อคนต่อปี ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ประสบปัญหาขาดแคลเซียม ส่งผลให้ต้องเผชิญภาวะโรคกระดูกพรุน โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่อยู่ในวัยทำงานและผู้สูงอายุ

ด้านมูลนิธิโรคกระดูกพรุนนานาชาติ (International Osteoporosis Foundation หรือ IOF) ระบุว่า นมและผลิตภัณฑ์จากนมอื่นๆ เป็นอาหารพร้อมบริโภคที่หาได้ง่าย จัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่มีแร่ธาตุแคลเซียมสูงที่สุด ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง โดยเป็นแคลเซียมที่ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ดีที่สุด และยังเป็นแหล่งรวมสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะให้ทั้งโปรตีนและเกลือแร่ที่สำคัญ เช่น ฟอสฟอรัส คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และวิตามิน

นมช่วยสร้างความแข็งแรงให้กระดูกตั้งแต่อายุยัง น้อยๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้กระดูกแตกหักได้ง่ายเมื่ออายุมากขึ้น เพราะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป ร่างกายของคนเราจะค่อยๆ เริ่มสูญเสียกระดูกมากกว่าที่จะสร้างกระดูก วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยรักษากระดูก และเกิดการสูญเสียกระดูกน้อยที่สุดคือการดื่มนมเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพฟันที่ดี

ขณะเดียวกัน ธาตุอาหารในนม ทั้งโพแทสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม ล้วนมีส่วนช่วยไม่ให้ความดันโลหิตสูงเกินกว่าปกติ

สำหรับ สาวๆ มีข้อมูลน่าสนใจว่า นมไม่ได้ทำให้อ้วน ไม่ว่าจะเป็นนมสด นมพร่องไขมัน หรือนมไม่มีไขมัน มีปริมาณไขมันแค่เพียง 3.9%, 1.7%, และ 0.3% เท่านั้น

การดื่มนมเป็นประจำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อายุยังน้อยๆ จนอายุมากขึ้น ยังป้องกันโรคกระดูกพรุนซึ่งกำลังเป็นโรคที่คุกคามประชากรทั่วโลก โดยโรคนี้มีผลกระทบต่อผู้หญิงหนึ่งในสามคน และผู้ชายหนึ่งในห้าคนทั่วโลกที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และคาดการณ์กันว่า ในปี 2599 จะมีผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนในแถบเอเชียเพิ่มสูงขึ้นกว่าร้อยละ 50 นมจึงเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย เพราะสารอาหารที่มีอยู่ในนมมีคุณค่าต่อการสร้างเสริมร่างกายให้แข็งแรง

ผู้ สนใจร่วมกิจกรรมวันดื่มนมโลกกับเต็ดตรา แพ้ค พบกันที่ลานด้านหน้าสยามดิสคัฟเวอรี่ เซ็นเตอร์ ในวันศุกร์ที่ 30 พ.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป


ที่มาจาก หนังสือพิมพ์

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

+++ Hamster +++

+++ Playlist +++


MusicPlaylistRingtones
Create a playlist at MixPod.com

+++ coming soon +++